สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น : 5 คำถามที่ต้องตอบ ถ้าคิดจะสอบชิงทุน
ไม่ได้ให้ไปถามใครหรอกค่ะ  ถามตัวเอง ตอบตัวเองเนี่ยล่ะจ้า

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น : คำถามที่ 1
สมัครทุนไหนได้บ้าง?

 

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น สมัครทุนไหนได้บ้าง

เราจะสมัครทุนไหนได้บ้างนั้น คนอื่นตอบคำถามนี้แทนไม่ได้หรอกค่ะ   เพราะคำตอบคือเราต้องดูว่า ตัวเราเองมีคุณสมบัติอย่างไร  จะตรงกับเงื่อนไขในการรับสมัครของทุนนั้นๆ ไหม  ซึ่งเงื่อนไขในการรับสมัครของแต่ละทุนก็มีความแตกต่างกันไป

ฉะนั้น เริ่มต้นสำรวจตัวเราเองเลยยย

  • GPA เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่?
    อย่าเพิ่งบ่นว่าเรียนไม่เก่ง เกรดไม่สวย เกรดเฉลี่ยตอนเรียนเนี่ยล่ะค่ะ คือด่านสำคัญด่านแรกที่สุด ที่เราต้องผ่านให้ได้ เพราะทุนส่วนใหญ่ เงื่อนไขแรกคือ ” GPA ” เกรดเฉลี่ยรวม
  • ทักษะทางภาษาอังกฤษได้แค่ไหน?
    จะไปเรียนต่อต่างประเทศ แน่นอนว่าไม่ได้เรียนด้วยภาษาไทยแน่นอนเนาะ   แม้จะเป็นทุนที่ให้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นก็ตาม  แต่ทุนที่สมัครจากประเทศไทย   ข้อสอบส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกฤษบางทุนไม่มีการสอบ แต่ต้องยื่นคะแนนการสอบภาษาอังกฤษ หลักๆ เลยที่ใช้ก็จะเป็น TOEFL , IELTS ส่วน TOEIC อาจจะมีบ้างค่ะ แต่ค่อนข้างน้อยทุนส่วนใหญ่โดยเฉพาะทุนของมหาวิทยาลัย นอกจากจะดูคะแนนภาษาอังกฤษแล้ว ก็ยังต้องเขียน Statement of Purpose หรือเป้าหมายทางการศึกษาของเราเป็นภาษาอังกฤษด้วย
  • ทักษะทางภาษาญี่ปุ่นมีไหม?
    ถ้าภาษาอังกฤษไม่เก่ง แล้วภาษาญี่ปุ่นล่ะเป็นยังไงบ้าง? จะไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น มีความรู้ภาษาของเค้าแค่ไหน?
  • ความสามารถอื่นๆ ?
    นอกเหนือจากทักษะทางภาษาแล้ว มีความสามารถอื่นๆ อะไรอีกบ้างไหม มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับญี่ปุ่นไหม หรือมีความเชี่ยวชาญเรื่องไหนที่โดดเด่นเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่นไหม

 

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น : คำถามที่ 2
ทำยังไงให้ได้ทุน

 

เมื่อเป้าหมายคือการพิชิต ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น หลังจากสำรวจตัวเองแล้ว ต้องวางแผนล่ะค่ะ ว่าจะทำยังไงเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้

เกรดเฉลี่ย
เมื่อด่านแรกของทุนการศึกษาส่วนใหญ่ คือเกรดเฉลี่ย
ฉะนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ตั้งใจเรียนให้ได้เกรดเฉลี่ยที่สวยที่สุด  ขั้นต่ำสุดๆๆๆๆๆๆ เลยก็ควรต้องได้ 3.00 ขึ้นไปล่ะค่ะ ถึงจะพอมีโอกาสสมัครทุนกับเค้าได้ซักทุน

แต่ทางที่ดี ถ้าอยู่ม.ปลาย ควรให้ได้ 3.50 ขึ้นไป ถ้าอยู่ป.ตรี 3.25 ก็ต้องมีล่ะค่ะ  อย่าลืมว่า  ทุนที่ให้เต็มจำนวน จะมีการแข่งขันสูง ฉะนั้น เกณฑ์ในการรับสมัครก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย

ถ้าเรียนจบแล้ว กลับไปแก้ตัวไม่ทันแล้ว ทำไงดี? ต้องถอดใจเลยเหรออออ ใจเย็นๆๆๆๆ

 

คะแนนภาษาอังกฤษ
ก็มีหลายทุนที่เค้าไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องเกรดเฉลี่ย แต่ให้ยื่นคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL , IELTS โดยเฉพาะทุนที่ให้ไปเรียนหลักสูตรอินเตอร์ที่ญี่ปุ่น   ไปลองสอบเลยค่ะ เพื่อดูว่า ณ ตอนนี้เราได้คะแนนแค่ไหน ถ้าได้คะแนนน้อยจะได้ฟิตเพื่อสอบใหม่ ให้คะแนนดีกว่าเดิม

อย่างน้อยสุดๆๆๆๆเลย ที่ต้องได้
IELTS (Academic module) 5.5
TOEFL-iBT 79 / TOEFL-PBT 550

ซึ่งก็ถือว่าเป็นเกณฑ์ปรกติเบื้องต้น สำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศอยู่แล้ว  ( ทุนมหาวิทยาลัยรัฐบาล , ทุนที่ให้เต็มจำนวน  เกณฑ์คะแนนจะสูงกว่านี้ )

*** ถ้าในระเบียบการสมัครเขียนว่า ให้ยื่นคะแนน ….. (ถ้ามี)
เจ๊ขอย้ำว่า ยื่นเลยค่ะ ถ้ามีต้องยื่นค่ะ เพราะคำว่า ” ถ้ามี” เนี่ยล่ะ คือสิ่งที่จะทำให้คุณต่างจากคนอื่น

จะคะแนน GMAT  / SAT / ONET /  A Level ฯลฯ ถ้าทางทุนระบุมา หรือยกตัวอย่างมา ถ้ามีก็ยื่นไปด้วยค่ะ

ส่วน GED ไม่ต้องถาม มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นที่เปิดหลักสูตรอินเตอร์ และยอมรับ GED ก็พอจะมีบ้างค่ะ แต่ก็ยังมีน้อยมากค่ะ ถ้ามหาวิทยาลัยที่ยอมให้ยื่น GED ก็ต้องเช็คด้วยนะคะว่า เค้ารับอายุเท่าไร เพราะการจะเข้ามหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขว่า ต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป

GED เก็บไปใช้สมัครเรียนต่ออเมริกา แคนาดา หรือมหาวิทยาลัยไทยหลักสูตรอินเตอร์ จะชัวร์กว่าค่ะ

คะแนนภาษาญี่ปุ่น
จะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น บอกเลยว่า ” ถ้ามีความรู้ภาษาญี่ปุ่น และมีผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น” คุณจะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่มี “ความรู้ภาษาญี่ปุ่น ”

  • มีบางทุนที่กำหนดว่า ผู้สมัครจะต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่น ในระดับสื่อสารได้  เช่น ทุนอะยิโนะโมะโต๊ะ  , ทุน Nitori Foundation
  • เกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น อนุโลมให้ยื่น “ผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT หรือผลสอบ EJU วิชาภาษาญี่ปุ่น ” ประกอบได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • ในการสอบข้อเขียนของทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ระบุว่า ผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่น สามารถเลือกสอบภาษาญี่ปุ่นด้วยได้ ฉะนั้น ถ้าคุณมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นล่ะก็ “จงเลือกสอบภาษาญี่ปุ่น” ด้วยค่ะ ไม่ต้องกังวลว่า ชั้นยังไม่ผ่าน N4 , N5 เลย ไหนๆ ก็เรียนภาษาญี่ปุ่นมาแล้ว ทบทวนบทเรียนก่อนไปสอบ แล้วทำข้อสอบเท่าที่ทำได้ให้เต็มที่ค่ะ

ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น คะแนนการสอบภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ใช้ในการวัดคะแนนการสอบข้อเขียนก็จริง (ยกเว้นทุนประเภทนักศึกษาฝึกอบรมวิชาชีพ ) แต่… ถ้าใครฟังสัมภาษณ์เกี่ยวกับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นบ่อยๆ (แบบเจ๊) จะได้ยินอยู่บ่อยมากค่ะว่า ถ้ามีความรู้ภาษาญี่ปุ่น ให้สอบวิชาภาษาญี่ปุ่นด้วย!

ไม่ว่าจะสอบทุนไหนที่ให้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น การที่เราพยายามเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็แสดงให้เห็นว่า เรามีความตั้งใจที่จะไปเรียน ไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นจริงๆ

ย้ำอีกรอบ ถ้าในระเบียบการสมัคร ระบุว่าให้ยื่นเอกสาร… (ถ้ามี)
เช่น ผลคะแนน JLPT , EJU  จงยื่นค่ะ!

  • ถ้าเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว แล้วอยากจะสอบชิงทุนเรียนต่อญี่ปุ่น ขอย้ำว่าควรไปสอบ JLPT ให้ผ่านซักระดับ ได้ผลการสอบมาเก็บไว้
  • ถ้าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง หัวไม่ไป แต่อยากสอบชิงทุน อยากขอทุนไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ควรเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ได้ดี ( คือเอาดีให้ได้ซักภาษานึง )
  • ถ้าภาษาอังกฤษเก่งอยู่แล้ว ได้ภาษาญี่ปุ่นด้วยล่ะก็ คุณได้เปรียบคู่แข่งแน่นอน

แนวข้อสอบเก่า
บางทุนมีตัวอย่างข้อสอบเก่า ก็ต้องลองโหลดมาฝึกทำค่ะ เพื่อที่จะได้รู้ว่า แนวข้อสอบเป็นแบบไหน เราทำได้แค่ไหนในเวลาที่กำหนด จะได้รู้ว่ายังอ่อนหัดเรื่องอะไร ก็ไปฟิตมาให้พร้อม

ไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น
นักศึกษามหาวิทยาลัย ถ้ามีโอกาสสมัครทุนแลกเปลี่ยน เช่น ทุน Jasso , ทุนแลกเปลี่ยนระหว่างมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่กับมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น … ควรสมัครไปแลกเปลี่ยนค่ะ

อย่าคิดว่า เสียเวลา , เดี๋ยวจบช้ากว่าเพื่อนๆ , ไม่ได้เอกญี่ปุ่นคงไม่ได้หรอก ฯลฯ

เจ๊ขอบอกว่านักเรียนที่ได้ทุนแลกเปลี่ยนไปญี่ปุ่น กลับมาแล้วมีโอกาสได้ทุนไปญี่ปุ่นอีกมีหลายคนมากกกค่ะ เพราะได้ connection จากรุ่นพี่นักเรียนไทย , ได้พัฒนาภาษาญี่ปุ่น , มีความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตในญี่ปุ่นได้

สมัครทุนที่สมัครได้
ถ้ามีโอกาสสมัครทุนไหนได้… จงสมัครค่ะ ถ้าพลาด อย่างน้อยเราก็จะได้ประสบการณ์กลับมา เพื่อเตรียมตัวพิชิตทุนอื่นต่อไป หรือสมัครใหม่อีกครั้ง  อย่ารอ  อย่ามัวแต่ถามว่า ปีหน้าจะมีทุนนี้อีกไหม  เพราะมีหลายทุนที่เคยให้ต่อเนื่องมาทุกปี แล้วอยู่ดีๆ ก็ยกเลิกถาวรแบบกระทันหัน

ที่สำคัญ… อย่ามัวแต่รอให้พร้อมแล้วค่อยสมัคร เพราะคุณจะไม่มีวันพร้อม 100% หรอกค่ะ

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น : คำถามที่ 3
ไปเรียนอะไรได้บ้าง

 

ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ค่ะ

ถ้ายังมีคำถามว่าไปเรียนอะไรดี? เค้าฮิตไปเรียนอะไรกันที่ญี่ปุ่น ?  บอกได้คำเดียวว่า อย่าเพิ่งคิดจะสมัครสอบชิงทุนไปญี่ปุ่นเลยค่ะ    นั่งนิ่งๆ อยู่บ้าน แล้วหาตัวเองให้เจอก่อนว่า เราอยากทำอะไร อยากเรียนรู้อะไร แล้วทำไมต้องไปเรียนที่ญี่ปุ่น?

ในการสมัครสอบชิงทุน หรือสมัครเรียนต่อญี่ปุ่น
ถ้าไปต่อระดับป.โทขึ้นไป
ส่วนใหญ่จะต้องเขียน Study Plan หรือ Research Plan ว่าจะไปทำวิจัยเรื่องอะไรที่ญี่ปุ่น
ข้อนี้สำคัญมากค่ะ มันไม่ได้เสกขึ้นมาได้ง่ายๆ และคนอื่นก็ช่วยอะไรไม่ได้ค่ะ เราต้องคิดเอง ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปวิจัยอะไร ไม่รู้จะเขียนอะไร  ก็ต้องทุ่มเวลาให้กับการ search หาข้อมูล อ่านงานวิจัยของคนอื่นให้มากๆ เข้าเว็บไซต์ของภาควิชา มหาวิทยาลัยที่สนใจ ไปอ่านงานของอาจารย์ในสาขานั้น หรือไปปรึกษากับอาจารย์ในภาควิชาที่มหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่หรือจบการศึกษามา เพื่อที่เราจะได้พอเห็นแนวทางได้ชัดเจนขึ้น

จากการ search ข้อมูลงานวิจัยของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเนี่ยล่ะค่ะ ที่ทำให้รุ่นพี่หลายคน ได้เจอทุนของมหาวิทยาลัย หรือทุนอื่นๆ เรียกว่า ได้ทั้งแผนวิจัย ได้ทั้งทุน

 

ถ้าไปต่อระดับป.ตรี
จะต้องเขียน Personal Statement หรือ Statement  of Purpose ว่าตัวเรามีความสนใจเรื่องอะไร อยากไปเรียนด้านนี้ที่ญี่ปุ่นเพราะอะไร ย้ำว่า… ไม่ต้องชมญี่ปุ่นดีอย่างนู้นอย่างนี้ยาวยืดนะคะ  เน้นที่ตัวเราเองเป็นหลักค่ะ   เรามีแรงจูงใจ  มีความสนใจอะไรที่ทำให้อยากจะไปเรียนหลักสูตรนี้ที่ญี่ปุ่น   การไปเรียนที่ญี่ปุ่นจะให้อะไรกับเรา เราอยากเก่งเรื่องอะไร การเรียนที่ญี่ปุ่นสามารถตอบโจทย์ของตัวเราได้ยังไง  และจะส่งผลต่ออนาคตของเรายังไง

ที่สำคัญ…
ไม่ว่าจะสมัครสอบทุนไหนก็ตาม อ่าน “วัตถุประสงค์” ของทุนอย่างละเอียด และทำความเข้าใจว่าทุนนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร เราตอบโจทย์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของทุนนั้นหรือเปล่า

 

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น : คำถามที่ 4
มีทุนอะไรบ้าง?

 

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น มีทุนอะไรบ้าง

มีทุนอะไรบ้าง หาทุนได้จากที่ไหน?  มีทุนอะไรกำลังรับสมัครบ้าง?
ถามตัวเองไม่ได้คำตอบ ก็ถามอากู๋ก่อนเลยค่ะ ยุคนี้ ข้อมูลเรื่องทุนเรียนต่อญี่ปุ่น รุ่นพี่แชร์กันกระจาย มีทั้ง blog , youtube , podcast  เยอะมากกกก

คนที่ยังตั้งคำถามนี้อยู่ และรอให้คนอื่นมาตอบ  เจ๊ไม่อยากบอกให้สะเทือนไตเลยว่า  โอกาสที่จะได้ทุนมีน้อยมากเลยอ่ะค่ะ

ระหว่างที่เรากำลังรอคนช่วยตอบคำถามว่า มีทุนอะไรบ้าง  คนอื่นๆเค้ากำลังโหลดใบสมัคร เตรียมเอกสารสมัครกันแล้ววว 

เริ่มต้นจากการ SEARCH และอ่าน!

ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น มีเยอะค่ะ  ทั้งทุนแลกเปลี่ยนระดับมหาวิทยาลัย ทุนรัฐบาลไทย ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ทุน JASSO ทุนธนาคาร ทุนบริษัทเอกชน ทุนองค์กรหน่วยงานต่างๆ ทุนของมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นเอง

ขอทุนที่ไทยไม่ได้ สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ แล้วค่อยขอทุนที่ญี่ปุ่นก็ยังมี แต่กรณีแบบนี้ก็ต้องมีเงินทุนของตัวเองก่อน แล้วก็ต้องขยันหาข้อมูล ขยันไปสอบถามฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย

Jeducation ยังมีทุนแข่งขันตอบปัญหาเกี่ยวกับญี่ปุ่น JChallenge การแข่งขันชิงรางวัลไปญี่ปุ่น ให้ไปเรียนภาษาและ Home stay ที่ญี่ปุ่น 2 สัปดาห์ฟรีๆ เลย ทั้งระดับมัธยมปลายและระดับมหาวิทยาลัย จัดมาเป็นสิบปีแล้ว รู้ป่าว?  (เพิ่งจะงดไป 2 ปีในช่วงโควิดนี้)

วิธีหาทุน  ไปอ่านกันต่อนะคะ >>  ขั้นตอน 4 Steps หาทุนเรียนต่อญี่ปุ่น

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น : คำถามที่ 5
เริ่มต้นต้องทำอะไร?

 

สอบชิงทุน เรียนต่อญี่ปุ่น ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น ทำยังไง

อะไรคือสิ่งที่ต้องเริ่มต้นทำ ณ บัดนาว?  อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ยังมีไฟที่จะสมัครสอบชิงทุนอยู่หรือเปล่าเอ่ย
ยังไม่ต้องคิดไปไกล หรือวางแผนใหญ่โตก็ได้นะคะ  เริ่มจาก สิ่งที่สามารถ “เริ่มต้น” ลงมือทำได้ ณ บัดนาว

วางแผนทีละสเตป แล้ว ” ก้าวไปทีละก้าว ”
แค่อย่าถอดใจไปกลางครัน
เป้าหมายที่ฝันไว้ จะค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามาเองค่ะ

พี่ๆ นักเรียนทุนหลายคน กล่าวว่า
เราต้องทำตัวเองให้พร้อมเพื่อรับโอกาสที่จะเข้ามา

รุ่นพี่นักเรียนทุนญี่ปุ่น จำนวนไม่น้อยที่สมัครสอบชิงทุนมากกว่า 1 ครั้ง หลายคนใช้เวลาในเตรียมตัวมาหลายปี ไม่ใช่เพิ่งเตรียมตัวเมื่อทุนเปิดรับสมัคร

5 ข้อที่อ่านมานี้
ทุกคนก็รู้อยู่แล้วล่ะเนาะ ว่าต้องทำอะไร เพียงแต่ใครจะเริ่มลงมือทำก่อน และทำอย่างต่อเนื่อง

วันหยุดที่ผ่านมา… เรามัวทำอะไรอยู่?
ณ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นค่ะ

ลุย!

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

ทุนของมหาวิทยาลัยที่ Jeducation เป็นสำนักงานรับสมัครในประเทศไทย
กรุณาคลิกอ่านรายละเอียดเงื่อนไข การรับสมัครจากลิ้งค์ด้านล่าง

 

 

ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง  แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน  ติดต่อที่พัก  จองตั๋วเครื่องบิน  ขอวีซ่านักเรียน ฯลฯ โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น

ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-2677726

ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย  >> https://bit.ly/jed-line

Scroll to Top