ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น : 4 Steps ขั้นตอนการหาทุน
ใครๆ ก็อยากไปเรียนต่อญี่ปุ่นด้วยทุนการศึกษา จริงๆ แล้ว ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น มีอยู่มากมายค่ะ
อยู่ที่ว่าใครจะหาข้อมูลและเตรียมตัวได้มากกว่ากัน
ทำยังไงให้ได้ทุน? #เจ๊เอ๊ด สรุปมาให้แล้ว
อย่าแค่อ่านแล้วผ่านไป ตั้งเป้าหมายและลงมือทำเลยค่ะ
Step 1. หาข้อมูล ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น
ถ้าไม่เริ่มต้นค้นหา จะเจอทุนได้อย่างไร ?
ไม่ใช่เราคนเดียวที่อยากได้ ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น
คนอื่นที่หาข้อมูลก่อน พยายามหาข้อมูลมากกว่า ก็นำหน้าเราไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
หาจากที่ไหน?
💻 อินเตอร์เน็ต
google อากู๋มีคำตอบให้มากมาย เพียงแค่คีย์ Keyword เช่น เรียนต่อญี่ปุ่น ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ทุนเรียนต่อปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น ทุนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น ฯลฯ ก็มีข้อมูลออกมามากมาย ทั้งประกาศรับสมัครทุน , บอกเล่าประสบการณ์ หรือรีวิวจากรุ่นพี่ที่เคยสอบชิงทุน ฯลฯ
Tips
– เมื่อได้ชื่อทุนนั้นๆ มา ก็ลองเอามาเซิร์ซหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ได้รายละเอียดมากขึ้น
– ควรเซิร์ซทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ( ถ้าคนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่น จะเซิร์ซภาษาญี่ปุ่นเพิ่มอีกทางก็ได้ )
Live ประสบการณ์จากรุ่นพี่นักเรียนทุน
Playlist รวมสัมภาษณ์ แนะนำทุนรัฐบาลญี่ปุ่น พร้อมคำแนะนำจากรุ่นพี่
Playlist รวมสัมภาษณ์รุ่นพี่นักเรียนทุนจากมหาวิทยาลัยต่างๆ
🎓 งานแนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่น
งานแนะแนวเรียนต่อ มักจะมีบูธให้ข้อมูลเรื่องทุนการศึกษา มีสัมมนาเรื่องทุนต่างๆ มีรุ่นพี่ที่เคยได้ทุนมาให้คำแนะนำ ฉะนั้น การไปงานแนะแนวเรียนต่อ จะทำให้ได้ข้อมูลเรื่องทุนมากขึ้น
อีกทั้งตามบูธของสถาบันต่างๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย มักจะมีรุ่นพี่ศิษย์เก่ามาเป็นล่ามให้ข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนทุน หรือทราบข้อมูลการขอทุนของมหาวิทยาลัยนั้นๆ
ถ้าสนใจจะสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนั้นอยู่แล้ว ก็ลองสอบถามดูเผื่อจะมีทุนบางประเภท เช่น ทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน
🏫 สถาบันที่เรียนอยู่ อาจารย์
ถ้าเป็นนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ควรไปติดต่อสอบถามที่หน่วยงานวิเทศสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยก่อนเลยค่ะ มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย ที่มีการทำสัญญากับมหาวิทยาลัยไทย ในการให้ทุนแลกเปลี่ยนระยะสั้น
และขอบอกว่า ” ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กเอกญี่ปุ่นเท่านั้น เรียนคณะอะไรก็มีโอกาสได้ทุนไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นได้ค่ะ”
ปรึกษากับอาจารย์ที่ภาควิชาหรือที่คณะ ลองหาข้อมูลดูว่าอาจารย์ท่านใดจบการศึกษาจากญี่ปุ่น ปรึกษาท่านดูว่าท่านจบจากที่ไหน หรือเคยได้ทุนอะไร แล้วก็เอามาหาข้อมูลเพิ่มเติม
*** โอกาสที่จะได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ประเภท University Recommendation ไปเรียนต่อป.โท / เอก ส่วนใหญ่แล้ว ก็มาจากอาจารย์ที่ภาควิชาที่เรียนอยู่นั่นแหล่ะค่ะ ****
ที่สำคัญคือ
ต่อไปนี้… เลิกถามว่า ” มีทุนอะไรบ้าง”
คำถามประเภท “อยากเรียนต่อญี่ปุ่น มีทุนอะไรบ้างคะ” “อยากเรียนต่อวิศวะ มีทุนไหมครับ” “มีทุนไหนดีๆ แนะนำบ้างไหมคะ” ” ตอนนี้มีทุนอะไรเปิดรับสมัครบ้างครับ”
ถ้าอยากได้ทุน ต้องเลิกถามคำถามนี้ค่ะ
เพราะทุนการศึกษาแต่ละทุนมีเงื่อนไขต่างกัน ตัวเราเองนั่นล่ะค่ะ ที่จะรู้ว่าตัวเองเข้าเงื่อนไขของทุนไหนบ้าง ไม่ว่าจะเรื่องของเกรดเฉลี่ย อายุ สาขาวิชา ความรู้ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ฯลฯ
เริ่มต้นหาเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อนค่ะ หากมีข้อสงสัยใดๆ ก่อนอื่นเลย ควรถามหน่วยงานผู้ให้ทุนนั้นโดยตรง สอบถามคนที่เคยได้ทุนนั้นมาก่อน หรือเจ้าหน้าที่แนะแนวของสถาบันการศึกษาต่างๆ
การที่คุณได้ศึกษาข้อมูลมาบ้างแล้ว ถามคำถามที่ให้รู้ว่าเราได้ศึกษาข้อมูลมาแล้วนะ แต่มีข้อสงสัยตรงจุดนี้เพิ่มเติม … รับรองว่าจะได้คำแนะนำดีๆ แบบคาดไม่ถึงค่ะ
คราวนี้มาทำความรู้จักทุนประเภทต่างๆ กันค่ะ ว่ามีทุนประเภทไหนบ้าง
✳ทุนจากหน่วยงานต่างๆ ที่สมัครก่อนไปญี่ปุ่น
หมายถึงทุนที่สมัครในเมืองไทย ถ้าได้ทุนแน่นอนแล้วก็ค่อยไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น มีทั้งทุนให้เปล่า และทุนที่ต้องกลับมาใช้ทุน เช่น ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น , ทุนรัฐบาลไทย , ทุนหน่วยงานองค์กรต่างๆ ในไทย , ทุนแลกเปลี่ยนระยะสั้นของมหาวิทยาลัย
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น >> https://www.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/jis_study.html
ทุนรัฐบาลไทย >> https://www.ocsc.go.th/scholarship/personal
ข้อมูลเพิ่มเติม https://jeducation.com/main/scholarship/
✳ทุนของมหาวิทยาลัยที่ยื่นขอได้ในขั้นตอนการสมัครเรียน
มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยค่ะ ที่ให้ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติที่สมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นๆ ส่วนใหญ่ในเว็บไซท์ของมหาวิทยาลัยจะเขียนไว้เลยว่า มีระบบทุนการศึกษาหรือระบบลดค่าเล่าเรียนให้นักศึกษาต่างชาติอย่างไรบ้าง มีทั้งทุนยกเว้นค่าเล่าเรียน 100% ทุนลดค่าเล่าเรียนส่วนหนึ่ง , ทุนช่วยเหลือค่าครองชีพ ฯลฯ
ในกรณีที่มีการให้ขอทุนตั้งแต่การสมัครเข้าเรียน ในขั้นตอนการสมัครจะมีฟอร์มให้กรอกแจ้งความจำนงขอทุนการศึกษาไว้ด้วย หน้าที่ของคุณก็คือกรอกใบสมัครแจ้งความจำนงในการขอทุนไป ทำตามขั้นตอนที่เค้าอธิบายไว้ในเว็บไซต์นั่นล่ะค่ะ
นอกจากนั้น ยังมีหลายๆ แห่งเขียนไว้ตัวเป้งมาก ว่าสามารถยื่นสมัครขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ด้วย (ทุนประเภท University Recommended)
แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ผู้สมัครจะได้ทุนทุกคนนะคะ
บางคน มหาวิทยาลัยรับเป็นนักศึกษา แต่ไม่ได้รับทุน
บางคน มหาวิทยาลัยรับเป็นนักศึกษาและให้ทุนด้วย
การจะหาทุนประเภทนี้ คือหามหาวิทยาลัยที่ต้องการจะสมัครเข้าเรียน แล้วดูว่ามหาวิทยาลัยนั้น ให้ยื่นขอทุนพร้อมกับการสมัครเข้าเรียนหรือไม่
ตัวอย่าง ทุนเรียนต่อปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น หลักสูตรอินเตอร์ สมัครเรียนพร้อมขอทุน
- ทุน MJSP มหาวิทยาลัย Hokkaido
- ทุน ISP มหาวิทยาลัย Hokkaido
- ทุน iCLA มหาวิทยาลัย Yamanashi Gakuin
- ทุน Toyo Top Global Scholarship มหาวิทยาลัย Toyo
- ทุน KUAS Kyoto University of Advance Science
ค้นหามหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น
https://www.jasso.go.jp/en/study_j/search/daigakukensaku.html
ค้นหามหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นที่มีทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน
https://www.studyinjapan.go.jp/en/search-scholarship/gakuhi_genmen_search.php?lang=en
✳ทุนที่สมัครเมื่อเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น
ทุนที่มีเยอะที่สุดคือทุนสำหรับนักเรียนต่างชาติ ที่กำลังศึกษาอยู่ในญี่ปุ่นแล้ว มีทั้งทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ทุนของหน่วยงานราชการหรือท้องถิ่น ทุนองค์กรเอกชนหรือหน่วยงานต่างๆ ในญี่ปุ่น
ทุนประเภทนี้ บางทุนจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป ตามแต่วัตถุประสงค์ของผู้ให้ทุน เช่น ให้เฉพาะนักเรียนต่างชาติจากประเทศ…. , ให้นักเรียนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเขต…. , นักเรียนต่างชาติที่เรียนสาขาวิชา… เป็นต้น
ดูข้อมูลทุนที่สมัครได้ที่ญี่ปุ่น
https://www.studyinjapan.go.jp/en/planning/by-style/pamphlet/
https://www.jpss.jp/th/scholarship/
จดโน้ตไว้ว่าทุนนั้นๆ เปิดรับสมัครช่วงไหน
ระหว่างที่หาข้อมูล ใช่ว่าจะมีทุนที่เปิดรับสมัครอยู่ช่วงนั้นพอดี
ฉะนั้น เมื่อเจอทุนไหนที่คิดว่าตัวเองพอจะมีคุณสมบัติที่สามารถสมัครได้ ควรบันทึกข้อมูลไว้ ทำลิสต์รายการไว้เลยว่ามีทุนอะไรบ้าง จะสมัครทุนนั้นต้องมีคุณสมบัติยังไงบ้าง ที่สำคัญคือ โน้ตไว้เลยว่าทุนนั้น เปิดรับสมัครช่วงไหน เพราะส่วนใหญ่แล้วแต่ละทุนมักจะเปิดรับสมัครช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี
Step 2. เตรียมคุณสมบัติให้พร้อม
ถ้าคิดจะสอบชิง ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น แล้วล่ะก็ ก่อนอื่นเลยคือต้องเตรียมคุณสมบัติตัวเองให้พร้อมค่ะ
เพราะถ้าคุณสมบัติไม่ตรงตามเงื่อนไข ก็หมดสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
GPA เกรดเฉลี่ย
แน่นอนว่าทุนส่วนใหญ่ใช้วิธี screen ผู้สมัครในขั้นต้นด้วยเกรดเฉลี่ย ไม่ต้องมางอแงเลยค่ะว่า ตัวเองเกรดไม่สวย เรียนไม่เก่ง ถ้าอยากจะได้ทุน สิ่งสำคัญที่สุดคือทำเกรดเฉลี่ยให้สูงที่สุดศึกษาข้อมูลเลยค่ะว่าทุนที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะสมัครนั้น
เค้ากำหนดเกรดเฉลี่ยไว้ไหม ถ้ากำหนดจะต้องได้เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
ทุนระดับปริญญาตรี จะต้องได้เกรดเฉลี่ย 3.8
ทุนระดับนักศึกษาวิจัย
– ถ้าจะต่อป.โท เกรดเฉลี่ยป.ตรี 3.25
– ถ้าจะต่อป.เอก เกรดเฉลี่ยป.ตรี 3.25 ป.โท 3.50
( ยกเว้นผู้สมัครที่มีผลสอบวัดระดับ JLPT หรือคะแนน EJU มาใช้ประกอบการสมัคร)
ผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT , EJU
ถ้าคิดจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว เริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่นเลยค่ะ การมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นจะเป็นข้อได้เปรียบ เพราะทุนที่ให้ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น เค้าคาดหวังว่าคุณจะสามารถเรียนและใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นได้แน่ๆ ไม่ใช่ไปเจอความยากของภาษาญี่ปุ่น หรือทนไม่ไหวกับการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นที่ต้องใช้แต่ภาษาญี่ปุ่น แล้วถอดใจกลับไทย
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ยังมีข้อยกเว้นในเรื่องเกรดเฉลี่ย ที่สามารถต่ำกว่าเกณฑ์ได้ ถ้ามีผลคะแนนภาษาญี่ปุ่นมาประกอบ
ยกตัวอย่างเช่น
ทุนระดับปริญญาตรี
ถ้าเกรดเฉลี่ย 3.50 ขึ้นไปแต่ไม่ถึง 3.80
สามารถนำผลสอบ JLPT ระดับ3 หรือ N3 มายื่นประกอบได้
ถ้าเกรดเฉลี่ย 3.30 ขึ้นไปแต่ไม่ถึง 3.50
สามารถนำผลสอบ JLPT ระดับ 1 หรือ N1 / ระดับ2 หรือ N2 มายื่นประกอบได้
ทุนระดับนักศึกษาวิจัย ต่อป.โท
ถ้าเกรดเฉลี่ย 3.15 ขึ้นไปแต่ไม่ถึง 3.25
สามารถนำผลสอบ JLPT ระดับ3 หรือ N3/N4 มายื่นประกอบได้
ถ้าเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไปแต่ไม่ถึง 3.15
สามารถนำผลสอบ JLPT ระดับ2 หรือ N2 มายื่นประกอบได้
เป็นต้น
*** เงื่อนไขของทุนรัฐบาลญี่ปุ่นแต่ละปี อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาเช็คข้อมูลอัพเดทในปีที่จะสมัคร ***
>> อยาก สมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่น แต่เกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ ทำยังไงดี?
ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ
หลายทุนที่ให้ไปเรียนด้วยหลักสูตรภาษาอังกฤษ จะกำหนดให้ยื่นผลสอบภาษาอังกฤษ เช่น TOEFL หรือ IELTS ด้วย ถ้าถามว่าควรได้คะแนนเท่าไร? ขึ้นอยู่กับแต่ละทุน
แต่โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรต่ำกว่าเกณฑ์ด้านล่างนี้ค่ะ
TOELF-iBT: 79 คะแนนขึ้นไป
TOELF-PBT: 550 คะแนนขึ้นไป
IELTS (Academic Module): 6.0 ขึ้นไป<
Step 3 : ขั้นตอนการสมัคร
มาถึงขั้นตอนการสมัครกันล่ะค่ะ ไม่ต้องรอให้ทุนเปิดรับสมัครแล้วค่อยหาข้อมูลนะคะ ศึกษาข้อมูลการรับสมัครไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ
🔎 ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของทุนให้ละเอียด
ที่สำคัญคือ ทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของทุนนั้นให้ดี คนสมัครกันเยอะแยะ ทำไมเค้าถึงต้องเลือกเรา เรามีคุณสมบัติหรือมีความเหมาะสมที่จะได้รับทุนนี้อย่างไร อ่านรายละเอียดวิธีการสมัครให้รอบคอบ และทำตามให้ถูกต้อง
เตรียมเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วน
ระวังเรื่องอายุของเอกสารด้วยนะคะ เช่น จะต้องเป็นเอกสารที่ออกมาไม่เกินกี่เดือน หรือผลคะแนนภาษาต่างๆ ต้องภายในกี่ปี
รูปถ่าย
รูปถ่ายที่สุภาพเรียบร้อย ขนาดและจำนวนให้ตรงที่ทางทุนกำหนด
เขียนชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษไว้หลังรูปทุกใบ หรือเขียนรายละเอียดตามที่ทางทุนกำหนด
Letter of Recommendation จดหมายแนะนำจากอาจารย์ , ผู้บังคับบัญชา
มีหลายทุนที่จะต้องยื่น Letter of Recommendation จากอาจารย์หรือหัวหน้างาน เพื่อดูลักษณะนิสัยหรือคุณสมบัติของผู้สมัครในแง่มุมอื่นจากบุคคลที่อยู่ในระดับสูงกว่า
Letter of Recommendation ที่ดี ไม่ใช่ว่าจะให้ใครเขียนก็ได้นะคะ
- ควรเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับสาขานั้น รู้จักเราจริงๆ และสามารถเขียนถึงเราในแง่มุมที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เขียนในมุมกว้างๆ ทั่วๆไป เหมือนๆ กันหมดทุกคน ที่สำคัญคือจะต้องเป็นผู้ที่มองเห็นเราในแง่มุมที่ดี
- การจะติดต่ออาจารย์หรือเจ้านายให้เขียนจดหมายแนะนำ ต้องติดต่อล่วงหน้านะคะ ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บจะขอจดหมาย พร้อมบอกกำหนดการให้ทราบว่าจะต้องใช้เมื่อไหร่ ควรให้ได้มาล่วงหน้าก่อนเดทไลน์การปิดรับสมัครพอสมควร
- ต้องไปพบท่านด้วยตัวเองนะคะ ไม่ใช่ส่ง line หรืออีเมล์ไปขอดื้อๆ นัดเข้าไปพบอย่างเป็นทางการ พร้อมอธิบายให้ท่านทราบด้วยว่า คุณจะสมัครทุนอะไร ถ้าสามารถแนบตัวอย่าง Personal Statement หรือ Research Plan ไปด้วยก็ได้
- และไม่ว่าจะได้ทุนหรือไม่ ควรส่งจดหมายไปขอบคุณทุกท่านที่กรุณาเขียนจดหมายแนะนำให้ ไม่แน่ว่า…คุณอาจจะต้องรบกวนท่านอีกครั้งในอนาคต
ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ใครที่สนิทกับอาจารย์ ไม่ใช่แค่ตีซี้อาจารย์นะคะ สนิทในแง่มุมของการเป็นนิสิตนักศึกษาที่ดี มีความตั้งใจ ก็ขออาจารย์ให้ช่วยเขียนได้ไม่ยาก
แต่ใครที่ไม่เคยโผล่หน้าไปให้อาจารย์เห็นเลย แล้วจู่ๆ จะไปขอจดหมายแนะนำ นี่ก็…อืมม์ เชื่อว่าอาจารย์ท่านก็ยินดีเขียนให้ล่ะค่ะ แต่จะกลายเป็นจดหมายแนะนำแบบที่เป็นแพทเทิร์นทั่วไป ไม่ได้ช่วยทำให้เราโดดเด่นหรือแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร
Personal Statement / Research Proposal
ในการสมัครทุน นอกเหนือจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษาหรือการทำงานทั่วไปแล้ว จะมีแบบฟอร์มสำหรับเขียน Personal Statement หรือถ้าเป็นระดับบัณฑิตวิทยาลัย จะมีให้เขียน Research Plan อธิบายแผนการวิจัยด้วย
ศึกษาวิธีการเขียนที่ถูกต้อง ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนยังไงดีถามอากู๋เลยค่ะ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ…เพียบ!
สิ่งสำคัญคือ
- เขียนจากสิ่งที่เป็นความคิดของตัวเอง ไม่ก๊อปปี้คนอื่น ข้อนี้สำคัญมาก
- ไม่สั้นหรือยาวเกินกว่าที่ทางทุนกำหนด
- ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาที่อลังการ สวยหรูจนเกินไป ควรเขียนให้เข้าใจได้ง่าย สื่อสารให้ตรงประเด็น
Personal Statement / Research Plan จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ (หรือญี่ปุ่น) ดังนั้น เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ควรให้คนที่เก่งด้านภาษาช่วยตรวจทานการใช้ภาษา คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้องอีกครั้ง
แต่มีข้อควรระวังคือ การให้คนช่วยตรวจทานภาษา ต้องไม่แก้ไขภาษา ใช้คำศัพท์หรือประโยคที่ยากเกินความสามารถของผู้สมัคร อย่าลืมว่ากรรมการคัดเลือกทุน มีเอกสารผลคะแนนภาษาอังกฤษ หรือญี่ปุ่นของคุณอยู่
รวบรวมเอกสารให้ครบถ้วน
- เมื่อได้เอกสารครบแล้ว ตรวจทานเอกสารอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน
- เรียงเอกสารตามลำดับที่ทางทุนระบุไว้ ถ้ามี checklist ให้เรียงเอกสารตาม checklist นั้น
- ก่อนจะส่งเอกสารสมัคร อย่าลืม ถ่ายสำเนาเอกสารการสมัครไว้ทั้งหมดด้วยค่ะ
ส่งเอกสารก่อนวันปิดรับสมัคร
ควรดำเนินการสมัครให้เสร็จก่อนวันปิดรับสมัครวันสุดท้าย เพราะหากฉุกเฉินเกิดอะไรผิดพลาด ส่งไม่ทันตามกำหนด เช่น ถ้าต้องไปส่งด้วยตนเอง ดั๊นเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไปยื่นไม่ทันตามเวลา หรือต้อง submit เอกสารออนไลน์ แต่อินเตอร์เน็ตมีปัญหากระทันหัน จะทำให้พลาดไปอย่างน่าเสียดาย
Step 4 : การสอบชิง ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น
ทุนส่วนใหญ่ที่สมัครในไทยจะมีการสอบข้อเขียน , สอบสัมภาษณ์
ทุนที่สมัครไปยังมหาวิทยาลัย อาจจะพิจารณาจากเอกสาร แล้วนัดสัมภาษณ์ทางอินเตอร์เน็ต
แล้วแต่การคัดเลือกของแต่ละทุนไป
ศึกษาข้อสอบเก่า (ถ้ามี)
- ลองเซิร์ซอินเตอร์เน็ตดูเลยค่ะ ถ้ามีข้อสอบเก่า ให้ฝึกทำข้อสอบเก่าโดยจับเวลาสอบตามจริง
- อ่านรีวิวจากรุ่นพี่ที่เคยได้ทุนนั้นๆ รุ่นพี่ใจดีเขียนรีวิวไว้เยอะแยะ
- อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านข่าวสารต่างๆ เพิ่มพูนความรู้รอบตัวด้วย
สอบข้อเขียน
- ไปถึงสถานที่สอบล่วงหน้า ก่อนเวลาสอบจริง เผื่อเวลาหลงทางหรือหาห้องสอบไม่เจอ
- กินให้อิ่มพอประมาณ
- เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องสอบ
- ทำใจให้สบาย ไม่ต้องเครียด มาถึงวันนี้แล้ว จะทำข้อสอบได้หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่การพยายามนั่งท่องหนังสืออยู่หน้าห้องสอบค่ะ แต่เป็นความรู้ที่สั่งสมมาในระยะยาว
- ทำข้อสอบอย่างมีสติ ไม่ต้องกังวลกับคนรอบข้าง ที่ดูเหมือนจะเทพๆ กันทั้งน้าน
สอบสัมภาษณ์
ถ้าผ่านมาถึงขั้นตอนการสอบสัมภาษณ์ได้ แปลว่าเท้าคุณก้าวเข้าไปเป็นนักเรียนญี่ปุ่นข้างนึงล่ะค่ะ เหลืออีกข้าง จะชี้เป็นชี้ตาย ก็อยู่ที่ตอนสอบสัมภาษณ์เนี่ยล่ะ
ซักซ้อมให้มั่นใจ
อย่าคิดว่าเราจะตอบคำถามได้ดี ถ้าไม่ซ้อมมาก่อน
ควรซักซ้อมการตอบคำถาม ด้วยการออกเสียงจริง เพราะเมื่อถึงเวลาสอบสัมภาษณ์จริง เราอาจจะตื่นเต้น ประหม่า เกิดอาการมึนตึ๊บ นึกคำศัพท์ไม่ออก อธิบายไม่ถูก
โดยเฉพาะในส่วนของ Research Proposal ต้องเป๊ะ เขียนอะไรส่งไปตอนสมัคร เอากลับมาทบทวนอีกที
แต่งกายสุภาพ รู้จักกาละเทศะ
แต่งกายที่สุภาพเหมาะสม ผมเผ้าไม่ยุ่งเหยิง
ถ้าเป็นนักเรียน นิสิตนักศึกษา ใส่เครื่องแบบไปได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ชุดนักศึกษากระโปรงสั้นเต่อหรือเสื้อรัดรูปจนเกินไป
ถ้าเป็นคนทำงาน แต่งกายสุภาพ ผู้ชายใส่เสื้อเชิ๊ตเอาเสื้อเข้าในกางเกง ผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงแบบสุภาพ ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ดูให้เหมาะสมกับกาละเทศะ หรือเพื่อความปลอดภัย ใส่สูทไปเลยก็ได้ ถ้าผู้สัมภาษณ์เป็นคนญี่ปุ่น การใส่สูทเป็นเรื่องปรกติธรรมดามากค่ะ
ศึกษามารยาทแบบญี่ปุ่น
ก็จะไปเรียนต่อญี่ปุ่นอ่ะนะคะ ถ้าหน่วยงานผู้ให้ทุนนั้น เป็นหน่วยงานญี่ปุ่นล่ะก็ ศึกษามารยาทของญี่ปุ่นไว้บ้างก็ดีค่ะ
แต่ถ้าไม่มั่นใจ กลัวทำผิด ก็ขอให้แสดงมารยาทงามๆ แบบไทยเนี่ยล่ะค่ะ
ระหว่างการสัมภาษณ์
- พยายามสงบจิตสงบใจ ไม่ให้ตื่นเต้น พูดจาชัดถ้อยชัดคำ หน้าตาที่สดชื่นพร้อมรอยยิ้ม
- ถ้าไม่เข้าใจคำถาม ให้ถามกลับไปอีกครั้ง อย่าพยายามตอบคำถามทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเค้าถามอะไรมา
- ถ้าโดนคำถามที่เหมือนจะแกล้งถามแบบกวนๆ ให้หายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบคำถามแบบใจเย็น ไม่ชักสีหน้าหรือแสดงความโกรธออกไป
- สัมภาษณ์เสร็จแล้ว อย่าลืมกล่าวขอบคุณผู้สัมภาษณ์ทุกท่าน
- ที่สำคัญ* อย่าลืมปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์นะคะ
คนที่ได้ ทุนเรียนต่อญี่ปุ่น
ไม่ใช่เพราะโชคช่วยค่ะ
แต่เพราะความมุ่งมั่นและมีความพยายาม
คุณก็สามารถเป็นหนึ่งในนักเรียนทุนญี่ปุ่นได้เช่นกัน
頑張ってください。ganbattekudasai.
สู้! สู้! ค่ะ
#เจ๊เอ๊ด เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มุ่งมั่นและพยายามนะคะ
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-2677726
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line