ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นระยะยาว

ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นระยะยาว ควรเลือกไปเรียนเทอมไหนดี ? แล้วแต่ละเทอมมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นระยะยาว

การ ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นระยะยาว ในโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น หลายๆ โรงเรียนจะแบ่งการเปิดรับสมัครเป็น 4 ภาคการศึกษา คือ

  • ฤดูหนาว : เข้าเรียนเดือน มกราคม
  • ฤดูใบไม้ผลิ : เข้าเรียนเดือน เมษายน
  • ฤดูร้อน : เข้าเรียนเดือน กรกฎาคม
  • ฤดูใบไม้ร่วง : เข้าเรียนเดือน ตุลาคม

การเข้าเรียนแต่ละเทอม ระยะเวลา ก็ต่างกันไป โดยเป็นหลักสูตรไม่เกิน 2 ปีคือ

  • ฤดูหนาว : หลักสูตร 1 ปี 3 เดือน
  • ฤดูใบไม้ผลิ : หลักสูตร 1 หรือ 2 ปี
  • ฤดูร้อน : หลักสูตร 1 ปี 9 เดือน
  • ฤดูใบไม้ร่วง : หลักสูตร 1 ปี 6 เดือน

ทำไมไม่เท่ากัน? สาเหตุก็เพราะ ตามหลักสูตรการศึกษาทั่วไปในญี่ปุ่น สถาบันจะต้องให้ผู้เรียน เรียนจบหลักสูตรภายใน ‘เดือนมีนาคม’ ของทุกปี ดังนั้น เริ่มเรียนเดือนไหนก็ตาม ยังไง 1 หรือ 2 ปีให้หลัง เราจะมาจบกันที่เดือนมีนาคมแน่นอน

ทำไมต้องจบเดือนมีนาคมเท่านั้น ?

ชีวิตที่ญี่ปุ่น เมื่อจบการศึกษา
สาเหตุคือที่ญี่ปุ่น ช่วงเดือนเมษายนของทุกปี จะเป็นช่วงของการเปิดภาคการศึกษาใหม่พร้อมกัน ทั้งมหาวิทยาลัย, วิทยาลัยวิชาชีพ รวมถึงการเริ่มทำงานในบริษัท คล้าย ๆ เป็นรอบวาระของประเทศเค้าเลยค่ะ

ดังนั้นเพื่อที่จะให้นักเรียนเข้าเรียนต่อ-ทำงานต่อที่ญี่ปุ่นในเดือนเมษายนได้พอดี สถาบันการศึกษาในญี่ปุ่นจึงได้กำหนดรอบของทุกเทอมไว้ให้จบเดือนมีนาคม เพื่อให้นักเรียนสามารถทำตามเป้าหมายถัดไปได้

เมื่อเดือนที่เริ่มเรียนแตกต่างกันไปตามเทอมที่สมัครแต่ต้องจบพร้อมกัน นั่นก็จะทำให้ระยะเวลาที่จะได้เรียนในหลักสูตรก็จะต่างกันด้วยโดยปริยาย

แล้วส่งผลอะไรต่อการเรียนหรือไม่?

เมื่อเวลาเรียนลดน้อยลง ก็หมายถึงเราจะเรียนได้สั้นลงไป ถ้าสำหรับคนที่สมัครไปตอนยังได้ภาษาญี่ปุ่นเพียงระดับต้น ๆ หรือแทบไม่มีพื้นฐาน แต่วางแผนไว้ว่าจำเป็นต้องเรียนให้ได้ถึงเป้าระดับ N2 ก่อนจบหลักสูตร แล้วจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นให้ได้ หรือ ตั้งเป้าหมายว่าจะหางานที่ญี่ปุ่นให้ได้

การเลือกเข้าเรียนเทอมที่ได้เรียน 1 ปีต้นๆ ก็อาจจะทำให้เราอัปสกิลภาษาญี่ปุ่นไม่ทันไปสอบ JLPT ที่จัดเพียงปีละ 2 ครั้ง แถมในช่วงที่เรียนในหลักสูตร ยังจำเป็น ต้องแบ่งเวลาออกมาติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ติวสอบ EJU หรือ เข้าร่วมกิจกรรมหางานอีก ซึ่งถ้าแบ่งเวลาไม่ได้ก็อาจจะทำให้เราทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ

ตัวอย่าง Timeline การสมัครงานที่ญี่ปุ่น จะมีวาระเริ่มงานของพนักงานใหม่ ในทุกๆ เดือนเมษายนของทุกปี ระหว่างเรียน นักเรียนจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมหางานไปพร้อมกัน

ดังนั้นการเลือกเทอมที่ได้เรียนนานหน่อย ก็จะทำให้มั่นใจได้มากที่สุดว่าเราจะมีเวลาพัฒนาทักษะภาษา + เตรียมตัวสมัครเรียน/สมัครงานได้แบบไม่ต้องรีบจนเกินไป

แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับทักษะภาษาเริ่มต้นของนักเรียนด้วย ถ้าหากมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วในระดับที่ต่อยอดอีกนิดเดียวก็บรรลุเป้าหมายระดับที่ต้องการ จะเลือกเข้าเรียนเทอมไหนก็ไม่มีปัญหาเลยค่ะ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสะดวกของตัวนักเรียนด้วยเช่นกันค่ะ

ส่วนใครไปอยู่แล้วหลงรักญี่ปุ่น อยากอยู่ต่อมากกว่า 2 ปี ก็ต้องตั้งใจสอบเข้าเรียนต่อ หรือ หางานต่อให้ได้นั่นล่ะ เพราะวีซ่าเรียนภาษาญี่ปุ่นของเราอยู่เกินกว่า 2 ปีไม่ได้แล้ว นอกจากจะสอบติดมหาวิทยาลัย เรียนต่อวิทยาลัยวิชาชีพ หรือเปลี่ยนไปเป็นวีซ่าทำงาน เมื่อสมัครงานผ่านค่ะ

Jeducation เทอมเมษายน

กิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียน Jeducation หลักสูตรเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นระยะยาว เทอมเมษายน 

ถ้าหากใครไม่มั่นใจ หรือกลัววางแผนได้ไม่ดี ก็ ปรึกษาเจ๊เอ๊ด ก่อนได้นะคะ เจ๊เอ๊ดช่วยแนะนำให้ค่ะ😊

รอบการสมัคร

ปกติแล้วการเรียนต่อระยะยาวจะต้อง สมัครกัน 5-6 เดือนล่วงหน้า ก่อนเปิดภาคเรียนแต่ละเทอมค่ะ เนื่องจากจะต้องเตรียมเอกสาร และ รอผลพิจารณาการขอหนังสือรับรองสถานภาพการพำนัก (COE) กัน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลา เช็กกำหนดการกันได้ตามนี้

  • ฤดูหนาว : เทอมมกราคม สมัครเรียนช่วง เดือนกรกฎาคม ของทุกปี
  • ฤดูใบไม้ผลิ : เทอมเมษายน สมัครเรียนช่วง เดือนตุลาคม ของทุกปี
  • ฤดูร้อน : เทอมกรกฎาคม สมัครเรียนช่วง เดือนมกราคม ของทุกปี
  • ฤดูใบไม้ร่วง : เทอมตุลาคม สมัครเรียนช่วง เดือนเมษายน ของทุกปี

รู้แบบนี้แล้ว ถ้าใครอยากไปเรียนต่อปีหน้าในช่วงเทอมไหน ขอให้จำรอบการสมัครไว้ให้ดีๆ นะคะ เพราะ โรงเรียนจะมีช่วงเวลาให้เปิดสมัครกันประมาณหนึ่งเดือน และหลายโรงเรียนก็ยังจำกัดจำนวนโควต้าในการรับนักเรียนด้วย ดังนั้นถ้าเปิดเมื่อไหร่ เราเริ่มสมัครไว้ก่อนเลยก็จะทำให้ไม่พลาดโรงเรียนที่อยากได้นั่นเองค่ะ

ใครสนใจสมัครเทอมไหน ทักมาปรึกษาได้เลยนะคะ! คุยกับเจ้าหน้าที่แนะแนวทางไลน์ คลิกเลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

Scroll to Top