เรียนต่อ ปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น ต้องทำยังไง ?

เจ๊เอ๊ดเชื่อว่าคงมีน้องๆ ม.ปลาย  สนใจอยากจะไป เรียนต่อ มหาวิทยาลัย ในประเทศที่ มีระบบการศึกษาที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก, อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย, สะอาด เมืองสวย มีความปลอดภัย, สะดวก ใช้ชีวิตง่าย อาหารอร่อยอย่าง ประเทศญี่ปุ่น กันอยู่ไม่น้อยเลยใช่มั้ยคะ

อีกทั้งหลายคนยังมีความกังวลว่า การไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น จบ ม.6 แล้วจะมาเตรียมตัว มันจะทันมั้ย ถ้าไม่ได้วางแผนมาตั้งแต่ ม.ต้น แล้วเพิ่งมาอยากไปตอนนี้จะยังไปได้หรือเปล่า คำตอบคือ..ไปได้ค่ะ และสามารถเลือกได้หลายวิธีด้วย

บทความนี้ เจ๊เอ๊ดเลยจะมาแนะนำ 3 เส้นทาง เรียนต่อ ปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น หลังจบ ม.6 ที่ไทย ให้น้องๆ ได้ลองเลือกทางเลือกที่เหมาะสมกับตัวเองกันดูค่ะ

ก่อนอื่นทุกคนต้องมารู้จักกับหลักสูตรในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นกันก่อนค่ะ

ปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น ก็คล้ายกับบ้านของเรา คือ มีหลักสูตรที่เป็นภาษาแม่ ได้แก่ หลักสูตรปกติ ที่สอนโดยภาษาญี่ปุ่น และ หลักสูตรอินเตอร์ ที่สอนโดยภาษาอังกฤษ ให้เลือกเข้าเรียนค่ะ (บางที่สอนแบบ 2 ภาษาทั้งอังกฤษ และญี่ปุ่น ไปเลยก็มีค่ะ) 

เรียนต่อป.ตรี ที่ญี่ปุ่น

ดังนั้นก่อนที่จะเลือกเส้นทางใดๆ สิ่งแรกที่ต้องตัดสินใจก่อนเลยก็คือ เราอยากจะเรียนหลักสูตรที่สอนโดยภาษาอะไร ?

สำหรับน้องๆ ที่อยาก เรียนต่อ ปริญญาตรี หลักสูตรปกติ ควรจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่น ในระดับที่ดีมาก โดยอย่างน้อยที่สุดจะต้องมีความรู้ระดับ N2 ขึ้นไป เพื่อที่จะสามารถเรียนร่วมกับนักศึกษาญี่ปุ่นได้อย่างไม่มีอุปสรรคทางภาษาค่ะ

แล้วถ้ายังไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลย หรือมีก็ยังน้อยนิด จะทำยังไงดี ?

ก็ต้องเข้าสู่ทางเลือกแรกเลยค่ะ นั่นก็คือ

ทางเลือกที่ 1 หลังจบ ม.6 ไปเข้า โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น 1 ปีครึ่ง – 2 ปี ก่อนสอบเข้า ปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น

เรียนต่อ ญี่ปุ่น

วิธีที่จะเก่งภาษาญี่ปุ่นได้เร็วที่สุดก็คือ น้องๆจะต้องเริ่มติวเข้ม ปูพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่อยู่ในไทยเลยค่ะ จากนั้นก็บินไปเรียนเพิ่มเติมในสถาบันสอนภาษาที่ญี่ปุ่น 1-2 ปี ที่สำคัญควรเลือกเรียนใน หลักสูตรเพื่อเรียนต่อ หรือ เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะค่ะ

โดยการเรียนในหลักสูตรนี้ นอกจากเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้ว นักเรียนยังจะได้เรียนวิชาที่จำเป็นสำหรับ การสอบเพื่อศึกษาต่อญี่ปุ่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติ  หรือ การสอบ EJU  เช่น วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ความรู้ทั่วไป และ ภาษาญี่ปุ่น คล้ายๆ กับติวเข้มเพื่อไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมกับเรียนภาษาไปด้วย ซึ่งก็จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำคะแนนสอบเพื่อการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้สูง และมีโอกาสที่จะสอบติดมากขึ้น

การสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น ระยะเวลา 1 ปีขึ้นไปนั้น โดยทั่วไปจะเปิดรับสมัครกันทั้งหมด 4 ภาคเรียน  คือ  มกราคม, เมษายน, กรกฎาคม และ ตุลาคม ( บางสถาบันอาจเปิดรับเฉพาะ เมษายน และ ตุลาคม ) โดยจะต้องทำการสมัครก่อนเปิดเทอมล่วงหน้า 4- 5 เดือน

ทั้งนี้ การจะสมัครไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นได้ ผู้สมัครต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่น อย่างน้อย 150 ชั่วโมง หรือ มีผลสอบ JLPT ระดับ N5 หรือ ผลสอบ J.Test ระดับ F ขึ้นไปก่อน ฉะนั้น จึงควรวางแผนระยะเวลาเพื่อปูพื้นฐานการเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไทยก่อนให้ดีนะคะ หรือถ้าไม่รู้จะวางแผนยังไง ลองปรึกษาเจ๊เอ๊ดก่อนก็ได้ค่ะ

หลักสูตรภาษาระยะยาวที่ญี่ปุ่น กำลังเปิดรับสมัคร ภาคเรียนตุลาคม 2022 ดูรายชื่อโรงเรียนสอนภาษาที่เปิดรับ คลิกที่นี่

แต่..ถ้าสำหรับใครที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมานาน จบ ม.6 แล้วมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นแล้วอยู่ในระดับ N3 ขึ้นไป ก็สามารถเลือกทางเลือกที่ 2 ได้ นั่นก็คือ

ทางเลือกที่ 2 หลังจบ ม.6 ไปเข้าเรียน หลักสูตรมัธยมปลายที่ญี่ปุ่น 1 ปี ก่อนสอบเข้า ปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น

โรงเรียนมัธยมปลายญี่ปุ่นบางที่ มีการเปิดรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียน หลักสูตรมัธยมปลายญี่ปุ่น 1 ปี โดยจะได้เข้าไปเรียนภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ พร้อมได้เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปด้วยค่ะ

ซึ่งการเรียนแบบนี้ มีข้อแตกต่างจากการเรียนภาษาญี่ปุ่น ในสถาบันสอนภาษา ตรงที่

  • มีจำนวนชั่วโมงเรียนเยอะ มีคลาสเสริมหลังเลิกเรียนและช่วงปิดเทอมให้ด้วย
  • ได้เข้าไปเรียนในบรรยากาศแบบโรงเรียนมัธยมปลายญี่ปุ่น
  • ได้ไปใช้ชีวิต อยู่หอพักรวมกับเพื่อนๆ นักเรียนญี่ปุ่น
  • มีโควต้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย สำหรับนักเรียนที่เรียนได้คะแนนดี
  • มีอาจารย์ที่ปรึกษาในโรงเรียนคอยดูแลให้คำปรึกษาใกล้ชิด

ทั้งนี้นักเรียนที่จะสมัครเข้าเรียนได้ ต้องมีเงื่อนไขคือ

  • จะต้องจบชั้น ม. 6 (หรือเทียบเท่า) ก่อนเข้าเรียน
  • มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นระดับ N3 ขึ้นไป

สาเหตุที่ต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่น N3 ขึ้นไปก็เพราะว่าหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรเพียง 1 ปี ถ้าหากเรามีความรู้ไม่ถึง N3 ก็อาจจะทำให้หลังเรียนจบแล้ว ยังมีระดับภาษาญี่ปุ่นที่ไม่เพียงพอต่อการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในหลักสูตรปกติได้นั่นเองค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจหลักสูตรมัธยมปลายญี่ปุ่น 1 ปี สามารถอ่านข้อมูลของโรงเรียนมัธยมปลายที่เปิดรับสมัครหลักสูตรนี้ที่นี่ Meitoku Gijuku Senior High School ( ภาคเรียนที่กำลังจะเปิดรับสมัครคือ ภาคเรียนตุลาคม 2022 )

โดยหากมีข้อสงสัย ก็สามารถทักแชทเพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่ทีมเจ๊เอ๊ดเรื่องการสมัคร เพื่อเตรียมพร้อมล่วงหน้าได้เลยค่ะ^^

https://youtu.be/vw3Y9feqiAo

รีวิวการสอบเข้า ป.ตรี ด้านศิลปะที่ญี่ปุ่นของ “น้องบอล” นักเรียนไทยที่เข้าหลักสูตรมัธยมปลายญี่ปุ่น 1 ปี ของ Meitoku Gijuku Senior High School และสอบติดมหาวิทยาลัย  Kyoto Seika University 

แต่..ถ้าใครที่ สนใจเรียนด้วยภาษาอังกฤษมากกว่า ก็เลือกทางเลือกที่ 3 นี้เลยค่ะ

ทางเลือกที่ 3 สมัครสอบเข้าเรียน ปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น หลักสูตรอินเตอร์ 

เรียนต่อ ปริญญาตรี ที่ญี่ปุ่น

มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น มีหลักสูตรแบบอินเตอร์เปิดให้นักศึกษาต่างชาติสมัครอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ น้องๆสามารถลอง ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยทั้งหมดในญี่ปุ่น ที่มีเปิดสอนหลักสูตรอินเตอร์ได้ที่นี่

นอกจากหลักสูตรอินเตอร์ ที่สอนด้วยภาษาอังกฤษล้วนๆ แล้ว ที่ญี่ปุ่นยังมีหลักสูตรที่เรียกว่า Bilingual หรือ สองภาษา ที่จะสอนด้วยภาษาอังกฤษ และ ภาษาญี่ปุ่นพร้อมกัน ซึ่งหลักสูตรนี้ก็เหมาะสำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากได้ภาษาญี่ปุ่นเพิ่ม เพราะว่าจะได้เรียนทั้งวิชาหลักของคณะ และเรียนภาษาญี่ปุ่นไปด้วย ส่วนมากหลักสูตรนี้จึงจะเป็นหลักสูตรสายศิลป์ เพราะเน้นไปทางเรื่องของภาษานั่นเองค่ะ

เรียนต่อ ปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น

ถ้าอยากจะสมัครหลักสูตรอินเตอร์ สิ่งที่จำเป็นเลยก็คือ ความรู้ภาษาอังกฤษ ค่ะ เพราะหลักสูตรนี้จำเป็นต้องใช้คะแนน TOEFL 79 คะแนนขึ้นไป หรือไม่ก็ IELTS 6.0 ขึ้นไป ใครที่เรียนในโรงเรียนนานาชาติ มาก็อาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ แต่ถ้าใครที่ยังไม่ค่อยเก่งอังกฤษเท่าไหร่ล่ะก็ต้องฟิตเลยนะ แนะนำให้หาเรียนเพิ่มและรีบไปสอบเก็บไว้ ก่อนที่จะถึงเวลาเปิดรับสมัครค่ะ

และแม้ว่าน้องๆ จะไม่ต้องใช้คะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นในการสมัครเรียนก็จริง แต่อย่างน้อย หากน้องๆ สอบติดแล้ว ก็ควรศึกษาภาษาญี่ปุ่นในระดับที่พอจะสื่อสารในชีวิตประจำวันเอาไว้ด้วย เพราะว่ายังไงซะต่อให้เรียนในหลักสูตรหรือคณะอินเตอร์ เราก็ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ดีนั่นล่ะ !

เจ๊เอ๊ดสรุปง่ายๆ ก็คือ …

ถ้าอยากเรียนต่อ ปริญญาตรีหลักสูตรปกติ (สอนโดยภาษาญี่ปุ่น) ก็ควรไปเรียนภาษาญี่ปุ่นประมาณ 1 – 2 ปี ให้เก่งภาษาก่อนแล้วถึงจะสามารถสอบเข้าได้ แต่ถ้าเก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว อยากเรียนต่อหลักสูตรอินเตอร์ ก็เตรียมผลคะแนนภาษาอังกฤษ ให้พร้อม แล้วก็รอสมัครได้เลย

หลายคนอาจกังวลว่า ถ้าเลือกไปเรียนหลักสูตรปกติ แล้วต้องไปเรียนภาษาก่อน ก็จะเรียนจบป.ตรี ออกมาหางาน ช้ากว่าเพื่อนน่ะสิ ?

ใช่ค่ะ แต่เจ๊อยากบอกว่าสิ่งนี้ก็ไม่ใช่ข้อเสียนะ ถ้าหากเรามีเป้าหมายอยากทำงานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น การที่เราได้เรียนภาษาญี่ปุ่นก่อน 2 ปี ค่อยเข้ามหาวิทยาลัย อีก 4 ปี นั่นหมายความว่า เราจะได้เรียนรู้และใช้ภาษาญี่ปุ่นยาวๆ 6 ปีเต็ม เจ๊เอ๊ดยืนยันได้เลยว่า น้องๆ จะเก่งภาษาญี่ปุ่นราวกับเป็นคนญี่ปุ่นเลย

แล้วถ้า เรารอเรียนจบหลักสูตรอินเตอร์ก่อน ค่อยมาหาเรียนภาษาญี่ปุ่นทีหลังได้ไหม ?  ได้ค่ะ แต่เราก็จะมีช่วงเวลาที่ได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นน้อยกว่าคนที่ได้เข้าไปเรียนหลักสูตรปกติที่สอนโดยภาษาญี่ปุ่นอยู่ดี 

ทั้งนี้ก็ต้องแล้วแต่เป้าหมายของน้องๆ ทุกคนค่ะ ว่าอยากได้ทักษะอะไร และ อยากเรียนจบมาทำงานแบบไหน ขอให้ทุกคนตัดสินใจกันให้ดีๆ และรีบลงมือเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ไม่พลาดเป้าหมายนะคะ สู้ๆ !

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น

เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่นโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999  แนะแนวโดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง  ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ

รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)

ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียน
โทร. 02-2677726 
email : ask@jeducation.com

คุยกับเจ้าหน้าที่แนะแนว ศิษย์เก่าญี่ปุ่น คลิก  http://bit.ly/jed-line

ติดต่อ-สอบถาม แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่น..ฟรี ดำเนินการทุกขั้นตอน…ฟรี ไม่มีค่าดำเนินการใดๆ

Scroll to Top