9 ข้อดีของการไป เรียนภาษาที่ญี่ปุ่น ภาคเรียน ตุลาคม
หลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะยาว ภาคเรียนเดือนตุลาคม
โดยส่วนใหญ่จะเป็นการหลักสูตรระยะเวลา 1 ปีครึ่ง เพื่อให้ไปจบการศึกษาในเดือนมีนาคมของปีถัดไปจากปีหน้า
มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะเปิดเทอมในเดือนเมษายน นักเรียนที่จะเข้าเรียนต่อ หลังจากเรียนภาษา 1 ปีครึ่งแล้ว จะเข้าเรียนต่อในเดือนเมษายนปีถัดไปได้อย่างต่อเนื่อง
การไป เรียนภาษาที่ญี่ปุ่น ในภาคเรียน ตุลาคม ยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
1 บัณฑิตจบใหม่ มีเวลาเตรียมตัวก่อนไปเรียนจริง
นิสิตนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบมาสดๆ ร้อนๆ ในเดือนพฤษภาคม จะมีเวลาได้เตรียมตัวฝึกภาษาญี่ปุ่นที่เมืองไทยก่อนประมาณ 3 เดือน เรียนคอร์สเร่งรัดแบบเรียนทุกวันเหมือนเรียนที่ญี่ปุ่น ให้พออ่านออกเขียนได้ พอสื่อสารง่ายๆ ได้บ้าง แล้วก็บินไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นต้นเดือนตุลาคม
2 ยังไม่ใช่ช่วงพีคของตั๋วเครื่องบิน
ไปเรียนภาษาภาคเรียนเดือนตุลาคม จะออกเดินทางกันประมาณปลายเดือนกันยายน ถึงต้นเดือนตุลาคม ช่วงนี้ยังไม่ใช่ช่วงพีคของการไปเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้หาตั๋วไม่ยากและราคาไม่ได้แพงมากนัก
3 ระยะเวลาเรียนกำลังพอดี
หลายคนอาจจะคิดว่า การไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น เรียนแค่ 1 ปีก็พอ แต่จริงๆ แล้ว การเรียนภาษาใหม่ด้วยเวลาเพียง 1 ปี เรียกกว่าน้อยมากๆ ค่ะ
ถ้าไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลย การเรียน 1 ปี ยังได้แค่ระดับสื่อสารในชีวิตประจำวันเท่านั้น ยังไม่ถึงระดับที่จะสื่อสารทางธุรกิจ
แต่ถ้าเกรงว่าเรียน 2 ปีจะนานเกินไป เลือกเรียนสัก 1 ปีครึ่งจะเป็นเวลาที่กำลังดี ให้มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างน้อยระดับ N2 แล้วค่อยกลับมาหางานทำที่ไทย จะหางานได้ง่ายกว่ากันเยอะ
แต่สำหรับคนที่อยากเรียนให้เต็มที่ แนะนำว่าเรียนให้ครบโควต้าการเป็นนักเรียนภาษา 2 ปีคือดีที่สุดค่ะ
4 มีเวลาในการเตรียมตัวสำหรับเรียนต่อระดับสูง
ถ้าคิดว่าอยากจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยวิชาชีพ การเข้าเรียนภาษาในเดือนตุลาคม
จะทำให้มีเวลาเพียงพอในการเตรียมหาข้อมูลสถาบันการศึกษาต่างๆ ไปงาน Open Campus , ไปทดลองเรียน ฯลฯ ทำให้มีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกสถาบันสำหรับเรียนต่อได้ตรงตามเป้าหมายมากขึ้น
การไปเรียนภาษาแค่ 1 ปี แล้วคิดว่าจะหาข้อมูลมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย ยื่นใบสมัคร สอบเข้าเรียน ปุ๊บปั๊บ เสร็จเข้าเรียนต่อได้ภายในเวลา 1 ปีนั้น ขอบอกว่าไม่ง่ายเลยค่ะ ต้องเป็นคนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาแล้วมากพอสมควร หรือหาข้อมูลสถาบันการศึกษามาก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมที่จะไปสอบเข้าได้ทันที
5 สามารถเตรียมพร้อมทางภาษาสำหรับการเรียนต่อระดับสูงได้
เรียนภาษาญี่ปุ่นเพียง 1 ปี ก็มีนักเรียนหลายคนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยวิชาชีพได้ แต่พอเข้าไปเรียนโดยใช้ภาษาญี่ปุ่นในสปีดปกติ กับนักเรียนญี่ปุ่นจริงๆ จะพบอุปสรรคทางภาษาอย่างมาก เพราะฟังไม่ทัน เรียนไม่เข้าใจ จะพูดจะเขียนอธิบายอะไรยาวๆ ก็ยังไม่คล่อง แทนที่จะทุ่มทเก็บเกี่ยววิชาความรู้ให้เต็มที่ กลับต้องมานั่งเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติม
ยอมเสียเวลาเรียนในร.ร.สอนภาษาเพิ่มอีกครึ่งปี จะช่วยให้ชีวิตการเรียนดีขึ้นเยอะ
6 มีช่วงเวลาในการปรับตัว
ผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมามากพอสมควรแล้ว เช่น ผ่านระดับ N2 แล้ว อยากจะไปเรียนต่อในวิทยาลัยวิชาชีพ การไปเรียนภาษา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม – มีนาคม แล้วค่อยเข้าเรียนต่อในเดือนเมษายน จะทำให้มีเวลาในการปรับตัวสำหรับการใช้ชีวิตในญี่ปุ่น
และยังสามารถใช้ช่วงเวลา 6 เดือนระหว่างที่เรียนภาษาอยู่ ไปทดลองเรียนตามวิทยาลัยวิชาชีพต่างๆ เพื่อตัดสินใจเข้าเรียนในสถาบันที่ตรงกับเป้าหมายของตัวเองจริงๆ และสามารถดำเนินการสมัครเรียนและสอบเข้าให้เสร็จเรียบร้อย ภายใน 6 เดือน
7 อากาศกำลังดี สวยงาม โรแมนติก
เดือนตุลาคม เป็นช่วงเวลาที่อากาศกำลังดี ยังไม่หนาว ทำให้มีเวลาให้ร่างกายได้ปรับตัว ก่อนที่อากาศจะค่อยๆ หนาวขึ้น พอเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน ฤดูแห่งใบไม้เปลี่ยนสี เหลือง แดง แสนจะโรแมนติก ถ่ายรูปก็สวย ยิ่งถ้าไปเรียนที่เกียวโต หรือแวะไปเที่ยวที่ Nikko ก็ยิ่งได้ฟีล
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว คนที่อยู่มานาน บางคนอาจจะรู้สึกเหงา หดหู่ หนาว โดดเดี่ยวบ้าง แต่ส่วนใหญ่ คนที่มาถึงญี่ปุ่นยังไม่ทันครบ 3 เดือนดี จะยังรู้สึกสนุก ตื่นเต้นอยู่ ฤดูหนาวครั้งแรก เจอหิมะครั้งแรก เล่นสกีครั้งแรก ใส่บู้ทครั้งแรก ฯลฯ ทุกอย่างมันยังใหม่ ให้อยากลองไปหมด อารมณ์หดหู่ยังเข้ามาไม่ถึง
8 แต่งตัวสวยจัดเต็มได้แบบไม่เทอะทะ
ฟังดูไม่ค่อยเกี่ยวกับการเรียน แต่มันเกี่ยวกะความรู้สึกติ๊ดนึง ฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูแห่งการแต่งตัวเกร๋ๆ สุดๆ สามารถใส่เสื้อผ้ามีเลเยอร์หลายๆ ชั้นแบบที่ไม่มีโอกาสใส่ได้ในเมืองไทย หยิบผ้าพันคอมาพันแบบชิกๆ พอเป็นแอคเซสเซอรี่
สวยหล่อได้แบบชนิดที่ยังไม่ถึงขั้นเทอะทะ หนาเตอะแบบฤดูหนาว โทนสีของเสื้อผ้าฤดูนี้ มักจะเป็นโทนสีครึมๆ เอิร์ธโทน แบบดูผู้ดี๊ผู้ดี เป็นคุณหนู คุณชายกันขึ้นมาในพริบตา อากาศก็ดี เดินไปทางไหน ก็เห็นได้ผู้คนแต่งตัวดูดี ดูเจริญหูเจริญตา
9 ช่วงข้าวใหม่ปลามัน
เปล่าค่ะ ไม่ได้หมายถึงให้ไปแต่งงาน ฮันนีมูนกับใคร แต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูที่อาหารคนญี่ปุ่นว่ากันว่า “ อาหารอร่อย” ที่ซู้ด!!!!
ที่ว่าข้าวใหม่ ก็เพราะช่วงที่เก็บเกี่ยวข้าวใหม่ออกมาให้ทานกันเป็นส่วนใหญ่คือ ช่วงเดือนกันยายน ตุลาคมค่ะ นอกจากนั้นญี่ปุ่นซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของปลา ฤดูนี้เป็นช่วง “ปลามัน “ โดยเฉพาะปลาซัมมะ ปลาแซลมอน ฯลฯ จะมีความอร่อยล้ำนุ่มลิ้นกว่าฤดูใดๆ เพราะมีไขมันนุ่มชุ่มช่ำ
กองทัพขนมนมเนยรสเกาลัดก็พลาดไม่ได้ ถ้าไปเที่ยวแป๊ปเดียวเราอาจจะได้กินแค่อย่าง สองอย่าง แต่ถ้าไปเรียนล่ะก็ จะตะลอนกินสารพัดของหวานขึ้นชื่อจนหมดฤดูก็ยังได้
แถมผักผลไม้ต่างๆ อยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้ได้ลิ้มรสความสดกรอบอร่อย ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตจ่ายตลาด จะได้เห็นอาหารสดต่างๆ มากมายติดป้าย 旬 ( shun : しゅん) บอกให้รู้ว่า นี่ล่ะของกินของฤดูนี้แหล่ะ ชวนให้หยิบมาลิ้มลอง ไม่กินตอนนี้จะรอไปกินฤดูไหนกันเล่าคะ
อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เรียนภาษาที่ญี่ปุ่น ภาคเรียนเดือนตุลาคม 2020 เปิดรับสมัครแล้ว
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line