ชีวิตนักเรียนภาษาและกฎระเบียบใน โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น

ชีวิตใน โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น

จำนวนของนักเรียนต่างชาติ  ที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่น โรงเรียนสอนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นทุกปีค่ะ  ทั้งผู้ที่ไปเรียนเพื่อ พัฒนาทักษะความรู้ทางภาษาญี่ปุ่น  , เพื่อการทำงานในบริษัทญี่ปุ่น  และเพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยของญี่ปุ่น

แต่การไปเรียนภาษาญี่ปุ่นใน โรงเรียนสอนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น   ไม่ได้ชิวๆ อย่างที่หลายคนคิด   โดยเฉพาะสำหรับคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยหรือทำงานแล้ว  จะเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมอีกครั้งเลยล่ะค่ะ

คุณครูประจำชั้น   

แต่ละห้อง จะมีคุณครูประจำชั้นค่ะ  คืออาจารย์ผู้สอนภาษาญี่ปุ่นท่านนึงนั่นล่ะค่ะ  แต่จะทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้ดูแลนักเรียนห้องใดห้องหนึ่งด้วย   เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไรก็ไปปรึกษากับคุณครูประจำชั้นได้  ถ้าขาดเรียน มาสายบ่อย เปอร์เซ็นต์การเข้าเรียนต่ำ คุณครูประจำชั้นก็จะเรียกไปตักเตือน  เวลาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ คุณครูประจำชั้นก็จะเป็นคนพาไปค่ะ   ดูน่ารักราวกับเป็นนักเรียนอนุบาลเดินต้อยๆ ตามคุณครูไปทัศนศึกษา

ในห้องเรียน โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น

เรียนทุกวันจันทร์ – ศุกร์  

โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเรียนครึ่งวัน  จะได้เรียนครึ่งเช้าหรือครึ่งบ่ายนั้น  แล้วแต่ระดับชั้นที่ทางโรงเรียนกำหนดไว้  บางโรงเรียนอาจจะเรียนค่อนวันไปถึงช่วงบ่ายๆ

แต่ไม่ว่าจะเรียนเวลาไหน  เป็นหน้าที่ของนักเรียนภาษาที่จะต้องตื่นไปโรงเรียนทุกวัน  หยุดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดราชการ   มีปิดเทอมเป็นช่วงๆ ประมาณ 10 วันไปจนถึง 2 – 3 สัปดาห์

japanese_language_school2

เช็คชื่อ 

แม้จะไม่มีการเข้าแถวร้องเพลงชาติหน้าโรงเรียน  แต่ห้ามเข้าห้องเรียนสายค่ะ  อาจารย์ผู้สอนจะมาถึงห้องเรียนก่อนเวลาเรียนเล็กน้อย พอถึงเวลาเริ่มเรียนปั๊บ จะเช็คชื่อทันที  ถ้ามาสายแม้แต่นาทีเดียวก็จะถูกกาชื่อเอาไว้ว่ามาสาย   อย่าหวังว่าจะให้เพื่อนขานชื่อแทน   แต่ละห้องมีนักเรียนอย่างมาก 20 คน  ครูผู้สอนจำหน้านักเรียนได้หมดค่ะ   หน้าไทยจ๋าชื่อยาวเหยียด จะให้เพื่อนหมวยจีน  หรือสาวแซ่บเกาหลีขานชื่อแทน ยังไง๊ยังไงก็ไม่เนียน   ที่สำคัญคือเช็คชื่อทุกคาบค่ะ
ในกรณีที่จำเป็นต้องลาหยุดเรียน  ถ้ารู้ล่วงหน้าก็จะต้องแจ้งให้คุณครูประจำชั้นทราบ   หากไม่สบายมาเรียนไม่ไหว ถ้าสามารถทำได้ก็ต้องโทรหรือส่งอีเมล์มาแจ้งที่โรงเรียน  หรืออย่างน้อยที่สุดต้องฝากเพื่อนร่วมชั้นให้บอกอาจารย์ผู้สอน  จะหายตัวหยุดเรียนไปดื้อๆ โดยไม่มีสาเหตุไม่ได้ค่ะ  หากลาป่วยหลายวันจะต้องมีหลักฐานใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วยนะคะ  หรือถ้าลืมขอใบรับรองแพทย์มา  อย่างน้อยก็ต้องมีใบเสร็จรับเงิน หรือยา มาแสดงให้ดูว่าลาป่วยจริง
medicine

อ่านดูแล้วอาจจะเริ่มรู้สึกว่า  แค่โรงเรียนสอนภาษาทำไมจะเคี่ยวอะไรกันขนาดนี้   การมาสาย ขาดเรียนไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆน้อยๆ ค่ะ  จะมีผลต่อการมีสิทธิ์สอบเลื่อนชั้น  ไปจนถึงการขอต่ออายุวีซ่านักเรียนกันเลย  ทั้งนี้เป็นระเบียบของทางกองตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่น  เพื่อป้องกันปัญหาที่ขาวต่างชาติเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นโดยใช้วีซ่านักเรียน   ทั้งนี้ แต่ละโรงเรียนจะมีกฎระเบียบไว้ซึ่งแตกต่างกันไปค่ะ เช่น ถ้ามาสายเกิน 5 นาทีถือว่าขาดเรียนไปทั้งคาบ   ขาดเรียนไป 4 คาบนับเป็นขาดเรียน 1 วัน เป็นต้น ซึ่งกฎการเข้าเรียนนี้ เป็นหน้าที่ของนักเรียนที่จะต้องรับรู้และปฏิบัติตาม

 

หลักฐานแสดงสาเหตุของการมาสาย

การเดินทางในเมือง  ส่วนใหญ่นักเรียนจะเดินทางมาโรงเรียนกันด้วยรถไฟ   ในกรณีที่มาสายอันเนื่องมาจากรถไฟขัดข้อง  ทำให้ล่าช้า  ที่ทางออกของสถานีรถไฟสายที่เกิดปัญหาจะมี เอกสารแผ่นเล็กๆ ชี้แจง  แจกหรือให้หยิบ  นำไปเป็นหลักฐานในการมาสายได้ค่ะ

แต่มุขนี้จะใช้บ่อยๆ ไม่ได้หรอกนะคะ   เจ๊เคยเจอเพื่อนต่างชาติคนนึงซึ่งมาสายบ่อยมากๆ และจะโผล่เข้าห้องเรียนมาด้วยเอกสารแบบนี้แทบทุกครั้ง  จนโดนอาจารย์เรียกไปสอบสวน

หลักฐานการมาสาย โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น

 

การบ้าน 

ทุกวันมีการบ้านให้กลับไปทำเพื่อทบทวนบทเรียนที่เรียนในวันนั้น และเตรียมตัวสำหรับบทเรียนในวันรุ่งขึ้น  การบ้านมีตั้งแต่ การแต่งประโยค  การเขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด  ไปจนถึงการทำรายงาน  ค้นคว้าหาข้อมูลมา present หน้าห้อง แล้วแต่ระดับขั้นเรียน

และที่เด็กไทยจะบ่นมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นการคัดคันจิ หรือตัวอักษรจีน  ที่จะต้องนั่งคัด นั่งจำกันทุกวั๊นทุกวัน  แม้ยุคนี้แทบจะไม่ต้องใช้ปากกาเขียนกันแล้ว  แต่นักเรียนภาษาญี่ปุ่นก็ยังจำเป็นต้องนั่งคัดคันจิกันอยู่ค่ะ

การบ้าน โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น

การสอบ 

ทุกวันหรือแทบทุกวัน จะต้องมีการเทสต์ย่อยๆ เช่น เทสต์คันจิที่เรียนมาเมื่อวาน   เทสต์คำศัพท์    เรียนจบแต่ละบทก็มีการสอบ   การเทสต์ย่อยและการสอบของแต่ละบทเรียน  ยังไม่ค่อยซีเรียสมากนัก  แต่สำหรับการสอบกลางภาคและปลายภาคนี่  ถ้าสอบตกก็ต้องสอบซ่อมค่ะ  ถ้าตกอีก ก็จ่ายเงินค่าเล่าเรียนสำหรับเทอมต่อไปแต่เรียนซ้ำชั้นในระดับเดิมนะคะ  บางโรงเรียนที่เข้มงวดมากๆ ถ้าสอบตกล่ะก็  ทางโรงเรียนจะห้ามไม่ให้ทำงานพิเศษจนกว่าจะมีผลการเรียนที่ดี  จึงอนุญาตให้ทำงานพิเศษได้

 

กิจกรรมนอกเหนือจากการเรียน

แต่ใช่ว่าการเรียนใน โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น จะเคร่งเครียดอย่างเดียวนะคะ  มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำด้วยค่ะ เช่น  แข่งขันกีฬา  การประกวดสุนทรพจน์  คริสมาสต์ปาร์ตี้  รวมถึงการไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ  นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมกระจุ๋มกระจิ๋มตามความสมัครใจ  ใครสนใจก็ลงชื่อไปร่วมทำกิจกรรม  กิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนมีทั้งแบบเสียเงินบ้าง ฟรีบ้าง แล้วแต่ว่ากิจกรรมนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายหรือไม่

นอกจากนั้น จะมีกิจกรรมภาคบังคับ เช่น การไป  見学  ทัศนศึกษาสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในหลักสูตร  นักเรียนที่ไม่ไปจะถือว่าขาดเรียน เนื่องจากจะไปในวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุด  ทัศนศึกษาแบบนี้จะเน้นสถานที่ที่มีประโยชน์ต่อนักเรียน เช่นพิพิธภัณฑ์  โรงงาน  โรงผลิตหนังสือพิมพ์   รัฐสภา ไปดูละครคาบุกิ ฯลฯ

japanese_language_school6

ชีวิตนักเรียน โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น ไปงานเทศกาล

japanese_language_school8

japanese_language_school9

เรียกว่าชีวิตนักเรียนใน โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น  เป็นช่วงเวลาที่ได้ประโยชน์ทั้งทักษะทางภาษา  ได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น  ได้ทั้งความสนุกสนาน  ได้เพื่อนจากนานาชาติทั่วโลก  เป็นช่วงเวลาที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ได้ผ่านประสบการณ์นี้มา จะรู้สึกว่าเป็นความประทับใจที่ไม่เคยลืม ช่วงหนึ่งในชีวิตเลยล่ะค่ะ   งานนี้เจ๊คอนเฟิร์ม

>> การเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะยาว 1-2 ปีที่ญี่ปุ่น
>> แนะนำสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น
>> ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อญี่ปุ่นกับเจเอ็ดดูเคชั่น

 

ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น

เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง  ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ

รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)

ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : ask@jeducation.com

ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย  >> https://bit.ly/jed-line

Scroll to Top