ญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์มากมาย หลากหลายประเภทค่ะ
สำหรับคนที่ชอบศิลปะไม่ว่าจะเป็นแขนงใด  มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่น่าสนใจมากมายให้ไปเยือน
miho-museum

 

Miho Museum  ミホ・ミュージアム 

พิพิธภัณฑ์มิโฮะ  เป็นหนึ่งในรายการ wish list ที่เจ๊เล็งไว้ว่าต้องไปเยือนสักครั้ง  ด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางป่า  ที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความสมดุลย์และกลมกลืนกับธรรมชาติ   ท่ามกลางขุนเขาและป่าไม้รายล้อม พร้อม concept ที่ว่า

“ ธรรมชาติ  สถาปัตยกรรม และผลงานศิลปะ”
“ ดั้งเดิมและร่วมสมัย”
“ ตะวันตกและตะวันออก”

miho-museum26

แถมสถาปนิกที่ออกแบบคือ I.M. Pei ชาวอเมริกัน-จีน  ผู้ออกแบบพิระมิดแก้วหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีส และเป็นหนึ่งในสถาปนิกระดับแนวหน้าของโลกที่เคยได้รับรางวัลพริตซ์เกอร์  ซึ่งเปรียบเสมือนโนเบลของวงการสถาปัตยกรรมโลก

เจ๊เลือกเวลาที่จะไปเยือนพิพิธภัณฑ์มิโฮะ ช่วงกลางเดือนเมษายนหลังสงกรานต์  เนื่องจากซากุระที่พิพิธภัณฑ์เป็นซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่ชื่อว่า ชิดาเระซากุระ   ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลสถิติการบานของซากุระได้ล่วงหน้า ที่หน้าเว็บไซท์ของพิพิธภัณฑ์ จะมีอัพเดทให้ทราบทุกปี

 

Miho Museum ตั้งอยู่ที่เมือง Shigaraki จ. Shiga  พูดถึงจ.ชิกะ เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าจังหวัดนี้มีอะไร อยู่ที่ไหน จังหวัดชิกะอยู่ติดกับเกียวโต เป็นที่ตั้งของทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นค่ะ  ( ช่วยอะไรไหมคะเนี่ย? )

การเดินทางสามารถไปได้ด้วยรถประจำทางค่ะ (อธิบายไว้ด้านล่าง ) แต่เจ๊ขับรถไปจากเมือง Kusatsu ในจ.ชิกะ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ

miho-map

 

ก่อนอื่น  ซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ คนละ 1,100  เยนที่อาคารด้านหน้า   ส่วนการจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์จะต้องลอดผ่านอุโมงค์ ซึ่งสามารถเดินหรือนั่งรถกอล์ฟเข้าไปค่ะ

Miho museum


ทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์สองข้างทาง  เรียงรายไปด้วยต้นซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่ชื่อว่าชิดาเระซากุระ
 (しだれ桜 : shidarezakura ) ให้ถ่ายรูปกันอย่างหนำใจ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

 

เดินมาจนสุดเส้นทางสายซากุระ  จะได้พบกับอุโมงค์ดำทมึนขนาดใหญ่  และที่เป็นไฮไลต์ของทริปครั้งนี้ก็คือ เดินเข้าไปในอุโมงค์แล้วหันกลับมา  จะได้ภาพซากุระในอีกมุมที่สวยต่างจากภาพที่คุ้นตา

miho

ตอนที่คุณ I.M.Pei สถาปนิกผู้ออกแบบ เดินทางมาดูสถานที่ก่อสร้างครั้งแรก   เค้านึกถึงบทกวีจีนชื่อว่า “ธารดอกท้อ” (桃花源 : The Peach Blossom Spring ) ของกวีเอกเถาหยวนหมิง  เป็นเรื่องของชาวประมงที่ล่องเรือไปตามลำธาร  แล้วบังเอิญหลุดเข้าไปพบกับแดนดอกท้อ  ดินแดนลับแลที่ตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นเมืองในอุดมคติหรือ Utopia ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสงบสุข

การออกแบบพิพิธภัณฑ์มิโฮะ ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีนี้ล่ะค่ะ

การเข้าสู่พิพิธภัณฑ์มิโฮะ  ที่จะต้องผ่านแนวดอกไม้ที่สวยงาม ( แม้จะเป็นซากุระไม่ใช่ดอกท้อ)  อุโมงค์ที่ตัดลอดภูเขา  และสะพานยาวข้ามหุบเหว จึงเปรียบเสมือนการเดินทางที่จะข้ามผ่านไปยังดินแดนแห่งความสงบสุข

ระหว่างทางเดินในอุโมงค์ที่มีแสงสว่างรอคอยอยู่ข้างหน้า  ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินไปสู่อีกโลกหนึ่งจริงๆค่ะ

miho-museum22

เมื่อหลุดพ้นออกมา จะได้พบกับตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอย่างสวยงาม   80 % ของพิพิธภัณฑ์สร้างอยู่ใต้ดินค่ะ  เมื่อเดินผ่านประตูวงกลมที่มีนามว่าประตูจันทรา The Moon Gate เข้ามา ก็ตะลึงงันกับภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า  ประกอบกับแสงสว่างตามธรรมชาติที่ส่องลอดลงมา

Miho museum

Miho museum

Miho museum

อืมม์… เจ๊ก็ไม่ใช่มนุษย์ประเภทที่ดื่มด่ำศิลปะอย่างลึกซึ้งหรือเชี่ยวชาญงานศิลป์ใดๆ นะคะ  ได้แต่นึกในใจอย่างเดียวว่า พิพิธภัณฑ์อะไรเนี่ย สวยไปโหม้ดดด  ร้านอาหารก็ใช้วัตถุดิบที่เป็นออแกนิกส์  นั่งทานข้าวหรือจิบกาแฟชิวๆ ชมทิวทัศน์ป่าเขาด้านนอก

 

สำหรับงานศิลปะถาวรที่มีมากกว่า 2000 ชิ้น ซึ่งจัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์  เป็นผลงานศิลปะที่มีคุณค่าจากหลากหลายแห่งทั่วโลก  เช่น อารยธรรมอียิปต์ กรีก โรมัน จีน  อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น

miho-museum27

 

พิพิธภัณฑ์มิโฮะสร้างขึ้นโดยคุณ Mihoko Koyama หนึ่งในมหาเศรษฐีของญี่ปุ่น  และเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิ Shinji Shumeikai  เนื่องจากเป็นพื้นที่ในภูเขา ท่ามกลางธรรมชาติ  ตั้งแต่ริเริ่มโครงการ ต้องผ่านการขออนุญาตอย่างเคร่งครัด ที่จะไม่ก่อให้เกิดการทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ  ประกอบกับการก่อสร้างที่ยากลำบาก ทำให้กว่าจะสร้างเสร็จต้องใช้เวลากว่า 7 ปี

miho-museum28

 

ในฤดูใบไม้ร่วง ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้คนนิยมไปเยือนกันค่ะ   แต่ไม่ว่าจะฤดูไหน Miho Museum มีความงดงาม เปี่ยมด้วยเสน่ห์และความน่าทึ่งที่ควรค่าแก่การไปเยือนอย่างมากๆค่ะ

miho museum 24

 

การเดินทาง
จากสถานีเกียวโต นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Ishiyama   จากนั้นต่อรถประจำทาง ไปลงที่พิพิธภัณฑ์ใช้เวลาบนรถประจำทางประมาณ 50 นาที

พิพิธภัณฑ์จะปิดในฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคมนะคะ

 

Credit
https://miho.jp/
https://www.archdaily.com/photographer/miho-museum


ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง  แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน  โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น

ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-665-2969, 02-258-3983
email : ask@jeducation.com

ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย  >> https://bit.ly/jed-line

Scroll to Top