5 ข้อ สำคัญในการเลือก ร.ร.สอนภาษาที่ญี่ปุ่น ให้ตรงใจ
“เรียนภาษาที่ญี่ปุ่น ไปเรียนร.ร.ไหนดี? “
เป็นคำถามของทุกคนที่กำลังวางแผนไปเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น
การไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น หลักสูตรระยะยาว 1-2 ปี ด้วยวีซ่านักเรียนนั้น จะต้องตัดสินใจสมัครเรียนกับ ร.ร.แห่งหนึ่งเพียงแห่งเดียว ไม่สามารถสมัครหลายๆ แห่งพร้อมกันได้ นอกจากนั้น เมื่อไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้ว การย้ายโรงเรียนระหว่างที่เรียนอยู่เป็นเรื่องยาก
มาดูกันค่ะว่า มีเกณฑ์อะไรบ้างที่ควรนำมาใช้ในการตัดสินใจเลือก ร.ร.สอนภาษาที่ญี่ปุ่น
เพื่อการเลือกโรงเรียนได้เหมาะสมกับตัวเราเองมากที่สุด
1. เมือง สภาพแวดล้อมที่ตรงกับนิสัยตัวเอง
การจะไปใช้ชีวิตนักเรียนภาษาอยู่ใน ร.ร.สอนภาษาที่ญี่ปุ่น อย่างน้อย 1 ปีนั้น ชีวิตในแต่ละสัปดาห์ ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างที่พัก และโรงเรียน ฉะนั้น อยากจะไปใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมแบบไหน ควรดูจากตัวเองเป็นหลัก และแต่ละเมืองมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบต่างกันไป
ถ้าเป็นคนที่ชอบแสงสีเสียง สิ่งบันเทิง งานอีเว้นท์ ผู้คนพลุกพล่าน ก็เลือกเมืองใหญ่ แต่ก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่า ค่าครองชีพสูง และการเดินทางโดยรถบัสหรือรถไฟที่อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง
ถ้าเป็นคนที่ชอบความชิว ๆ ไม่แออัดยัดเยียด ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองตลอดเวลา มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่น ก็ควรเลือกเมืองต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นต่างจังหวัดของญี่ปุ่นก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ร.ร.สอนภาษาจะตั้งอยู่ในตัวเมืองหลวงของจังหวัด ซึ่งมีความสะดวกสบาย เจริญทันสมัยกว่าต่างจังหวัดของเมืองไทยมาก
เมื่อเลือกลักษณะของเมืองที่อยากจะไปใช้ชีวิตได้แล้ว จะช่วยห้เราสามารถตัด choice ให้เหลือน้อยลงได้
2. หลักสูตรสอดคล้องกับเป้าหมาย
ถามตัวเองก่อนว่า “เป้าหมายในการไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นของตัวเองคืออะไร”
การเรียนการสอนในโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น ในระดับชั้นต้นๆ จะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในระดับกลางขึ้นไป
จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ควรเลือกร.ร.ที่มีหลักสูตรหรือจุดเด่นอื่นๆ ที่ตรงกับเป้าหมายของตัวเราเอง เช่น
– เพื่อเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ระดับปริญญาตรี
ควรจะเลือก ร.ร.ที่เปิดหลักสูตรเพื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่มีการสอนวิชาต่างๆ เช่น เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา
ความรู้ทั่วไป (เรียนด้วยภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้ในการสอบ EJU หรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนต่างชาติ
>> โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น เพื่อเตรียมสอบ เข้ามหาวิทยาลัยญี่ปุ่น ระดับปริญญาตรี
– เพื่อเข้าเรียนต่อวิทยาลัยวิชาชีพ
โรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่นบางแห่ง มีหลักสูตรเพื่อเตรียมเข้าวิทยาลัยวิชาชีพโดยเฉพาะ บางแห่งมีวิทยาลัยวิชาชีพในเครือเดียวกัน หรือมีวิทยาลัยคู่สัญญา ที่สามารถแนะนำนักเรียนเข้าเรียนต่อได้
การเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาที่มีวิทยาลัยในเครือเดียวกัน จะทำให้เข้าเรียนต่อได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสได้ไปทดลองเรียน หรือหาข้อมูลเรื่องหลักสูตรวิชาชีพได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้ายังไม่มีวิทยาลัยที่เจาะลง จะเข้าเรียนร.ร.ใดนั้น ไม่มีผลเท่าใดนัก เนื่องจากทุกโรงเรียนจะมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่น และการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับสูงเป็นหลักอยู่แล้ว
>> ร.ร.สอนภาษาในญี่ปุ่นที่มี เซนมง ในเครือเดียวกัน
– เพื่อการทำงาน
บางโรงเรียนมีหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครงานในญี่ปุ่น วิธีการสมัครงาน
การหาข้อมูลบริษัท การหาจุดเด่นจุดด้อยของตัวเอง การเขียนเรซูเม่ การเตรียมตัวสัมภาษณ์ ฯลฯ ไปจนถึงการ
เริ่มต้นเข้าทำงานในบริษัทญี่ปุ่น มารยาททางธุรกิจต่างๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการทำงานในอนาคตได้ ไม่ว่าจะ
หางานทำที่ญี่ปุ่นหรือที่ไทย
>> ร.ร.สอนภาษาที่ญี่ปุ่น ที่เปิดสอนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ
– เพื่อเข้าเรียนต่อปริญญาโท
สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายจะเรียนต่อปริญญาโทนั้น ร.ร.ส่วนใหญ่ไม่ได้มีหลักสูตรเพื่อการเรียนต่อป.โท โดยเฉพาะ เนื่องจากการเรียนป.โท ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและการค้นคว้าข้อมูลของตัวนักเรียนเองเป็นหลัก ร.ร.จะช่วยในส่วนของการแนะแนว เรื่องวิธีการสมัครเรียน การขัดเกลาในเรื่องของการใช้ภาษาญี่ปุ่นที่ถูกต้อง เพื่อการเขียนแผนวิจัยสำหรับสมัครเรียน หรือเพื่อการสอบสัมภาษณ์ เป็นต้น
– เพื่อพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นโดยทั่วไป
สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นให้เก่งขึ้น หรือยังไม่มีเป้าหมายใดๆ ที่ชัดเจน การเลือกโรงเรียนจากหลักสูตรอาจจะไม่ได้มีผลเท่าใดนัก เพราะทุกโรงเรียนมีเป้าหมายหลักคือเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาของนักเรียน ให้ขึ้นไปถึงระดับสูงอยู่แล้ว
3. จำนวนนักเรียน
จำนวนนักเรียนในโรงเรียน จะทำให้รู้ว่าเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่หรือโรงเรียนเล็ก โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนมาก มีข้อดีคือ สามารถแบ่งชั้นเรียนที่หลากหลายในแต่ละระดับ
แต่โรงเรียนขนาดเล็ก ก็มีข้อดีตรงที่ทั้งอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน สามารถจำนักเรียนได้ทุกคน มีความ
สนิทสนมและดูแลนักเรียนได้อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียนหรือมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นไม่เกิน N3 เรื่องจำนวนนักเรียนในโรงเรียน ไม่ได้มี
ผลเท่าใดนัก แต่ผู้ที่สอบผ่านระดับ N2 ขึ้นไปแล้ว ควรเลือกร.ร.ที่มีขนาดใหญ่จะดีกว่า
4. ความหลากหลายของเชื้อชาติ
ในปัจจุบัน นักเรียนต่างชาติในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ 3 อันดับแรก คือจีน ไต้หวัน เวียดนาม นอกจากนั้นก็จะคละกันไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนจากเอเชียมากกว่าทางอเมริกาหรือยุโรป
ควรดูอัตราส่วนของนักเรียนจากชาติต่างๆ โดยเฉพาะชาติที่ใช้คันจิ ว่ามีมากแค่ไหน สำหรับโรงเรียนที่มีนักเรียนจีนกับไต้หวันเป็นจำนวนมากนั้น ทางร.ร. การแบ่งคลาสเรียนคันจิให้กับชาติที่ไม่ได้ใช้คันจิหรือไม่
จำนวนนักเรียนไทยในโรงเรียน ก็เป็นอีกปัจจัยในการเลือกโรงเรียน
โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นหลายแห่ง มีนักเรียนไทยศึกษาอยู่ค่อนข้างมาก (ประมาณ 20-30% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด) ในกรณีนี้ ต้องพิจารณาด้วยว่า ที่ร.ร.นั้นๆ มีนักเรียนไทยเยอะเพราะอะไร ถ้าเป็นเพราะความเก่าแก่ มีชื่อเสียง มีนักเรียนไทยมาเรียนแล้วหลายรุ่นทำให้เกิดการบอกต่อปากต่อปาก ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า จะต้องเจอกับนักเรียนไทยเยอะแน่นอน
สำหรับผู้ที่คิดว่า เป็นคนติดเพื่อน ไม่ค่อยกล้าพูดกล้าคุยกับคนใหม่ๆ แต่อยากที่จะะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ควรเลือกร.ร.ที่มีนักเรียนไทยน้อย เพราะนิสัยของคนไทยส่วนใหญ่คือ ถ้าอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ คนไทยมักจะรู้สึกเขินที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นต่อหน้าเพื่อนคนไทยด้วยกัน และถ้าติดกับเพื่อนคนไทยตลอดเวลา จะทำให้ภาษาญี่ปุ่นไม่พัฒนา
ส่วนคนที่คิดว่าตนเองเป็นคนกล้าพูด กล้าคุย กล้าที่จะทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ไม่อายที่จะพูดภาษาญี่ปุ่น
กับเพื่อนคนไทยด้วยกันเอง มีเพื่อนคนไทยแต่ไม่จำเป็นต้องไปไหนด้วยกันกับคนไทยด้วยกันเองตลอดเวลา ถ้าเป็นคนนิสัยแบบนี้ ( หรือคิดว่าจะพยายามทำแบบนี้ให้ได้ ) ก็ไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่าจะมีนักเรียนไทยเยอะหรือน้อย เพราะจะเรียนร.ร.ที่มีคนไทยเยอะหรือน้อย ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก
>> โรงเรียนสอนภาษาในญี่ปุ่น ที่นักเรียนไทยไม่กระจุกตัว
5. ความคิดเห็นจากศิษย์เก่า
ความคิดเห็นจากนักเรียนหรือศิษย์เก่าของร.ร. จะทำให้ได้ข้อมูลจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรง ทำให้มองเห็นจุดเด่น หรือลักษณะเฉพาะของโรงเรียนนั้นๆ จากมุมมองของนักเรียนโดยตรง
ถ้ามีโอกาสได้พูดคุยกับศิษย์เก่าของร.ร.ใด ๆ ควรสอบถามทั้งจุดเด่นจุดด้อย ของการไปเรียนที่นั้น ๆ จะทำให้ได้ข้อมูลเพื่อนำมาตัดสินใจได้มากขึ้น
แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับศิษย์เก่า อาจจะใช้การอ่านความคิดเห็นจากเว็บไซท์
บางคนอาจจะคิดว่า ความคิดเห็นของนักเรียนในเว็บไซท์แนะนำโรงเรียนนั้น เชื่อไม่ค่อยได้ เพราะมักจะมีแต่ความคิดเห็นในด้านดี แต่กลับเชื่อความคิดเห็นตามเว็บบอร์ดที่ไม่ระบุหน้าตา ชื่อจริง ไม่รู้ที่มาใดๆ ของผู้เขียน
ในเรื่องนี้ อยากให้ลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเราเอง ที่จะต้องเขียนแสดงความคิดเห็นบางเรื่อง ที่จะต้องระบุชื่อจริงหรือภาพของตัวเองในความคิดเห็นนั้นๆ เราจะเขียนอย่างไร เราจะไม่พูดความจริงหรือคะ?
แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละคนมีมุมมองต่างกัน นิสัยต่างกัน ความพึงพอใจต่างกัน อีกทั้งนักเรียนที่ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นระยะยาว จะไม่ได้มีโอกาสเรียนในโรงเรียนหลายๆ แห่ง การเปรียบเทียบกับร.ร.อื่นๆ จึงเป็นเรื่องยาก นอกจากให้ข้อมูลในมุมมองของตนเองเป็นหลักเท่านั้น
คุยกับรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่งาน Jeducation Fair ครั้งที่ 40
2 วันสุดท้าย
19-20 กุมภาพันธ์ 2565 ( ONLINE)
5 ข้อนี้ เป็นหัวข้อหลัก ที่อยากให้นำไปพิจารณาค่ะ ในส่วนของค่าเล่าเรียน ที่พัก จะแตกต่างกันไปแล้วแต่โรงเรียน ลักษณะของหอพัก ซึ่งจะต้องพิจารณาไปตามงบประมาณของตัวเองดูอีกครั้ง
ค่อยๆ ตัดช้อยส์ตัวเลือกออกไป ให้เหลือสัก 2-3 แห่ง แล้วค่อยเปรียบเทียบอีกครั้ง โดยเลือกจากสิ่งที่ตัวเราเองให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นมากที่สุด
แต่ถ้าอ่านข้อมูลแล้ว ยังรู้สึกสับสน ไม่มั่นใจว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี อยากแนะนำให้เข้ามาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่แนะแนว #ทีมเจ๊เอ๊ด นะคะ
เพราะเจ้าหน้าที่แนะแนวของเจเอ็ดดูเคชั่นทุกคน มีประสบการณ์ในการไปเรียนที่ญี่ปุ่น มีทั้งคนที่ใช้ชีวิตในโตเกียว และจังหวัดอืนๆ
มีความเข้าใจถึงความกังวลและความต้องการของนักเรียน อีกทั้งมีประสบการณ์ในการไปเยี่ยมโรงเรียนต่างๆ ที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นสำนักงานในประเทศไทย ได้เห็นบรรยากาศและพูดคุยกับนักเรียนของแต่ละโรงเรียน
การเข้ามานั่งพูดคุยกันกับเจ้าหน้าที่แนะแนว จะทำให้ช่วยไขข้อข้องใจต่างๆ และทำให้ตัดสินใจได้อย่างตรงเป้าหมาย และเลือกสถาบันที่เหมาะสมกับตัวเองได้ง่ายขึ้นค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- รายละเอียดหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะยาว
- ขั้นตอนการสมัครเรียนกับเจเอ็ดดูเคชั่น
- เรียนภาษาที่ญี่ปุ่น 1 ปี ใช้เงินเท่าไร
เรียนต่อญี่ปุ่น หลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะยาว 6 เดือน – 2 ปี กำลังเปิดรับสมัคร
ดูรายชื่อโรงเรียนที่กำลังเปิดรับสมัคร คลิกที่นี่
:: สำหรับนักเรียนที่สมัครเรียนต่อญี่ปุ่นระยะยาวกับเจ๊เอ๊ด รับส่วนลด 2,000 บาทเมื่อสมัครเรียนภาษาญี่ปุ่นก่อนเดินทางกับ JEDUCATION CENTER ::
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น
ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-2677726
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line