วีซ่านักเรียน ที่ญี่ปุ่น
แม้ว่าในปัจจุบัน ( ช่วงก่อนโควิด ) คนไทยเราจะไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน
แต่การไป เรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ในระดับมัธยมปลาย วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นหลักสูตรระยะยาว (1-2 ปี) นั้น ยังต้องขอวีซ่าอยู่นะคะ โดยที่เราจะไปเรียนไปใช้ชีวิตในญี่ปุ่นกันด้วย วีซ่า “นักเรียน” Student visa หรือ 留学 : ryugaku ค่ะ
ขั้นตอนการไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นด้วย วีซ่านักเรียน
เมื่อคิดที่จะไปเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น ระยะยาวคือ 1 – 2 ปี การจะได้วีซ่านักเรียนมานั้น ไม่ใช่ว่าจะเดินดุ่ยๆ ไปสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย แล้วขอวีซ่านักเรียนได้เลยนะคะ จะต้องผ่านขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งก่อนนั่นคือ ” การขอใบรับรองสถานภาพการพำนัก ” Certificate of Eligibility หรือ COE
สถานภาพการพำนักคืออะไร
คือตัวกำหนดสถานภาพของคนต่างชาติในญี่ปุ่น รวมทั้งประเภทของกิจกรรมที่คนต่างชาติในญี่ปุ่นจะมีส่วนเกี่ยวข้องได้ โดยแบ่งออกเป็น 27 ประเภท เช่น สถานภาพนักเรียน อาจารย์ ศิลปิน สื่อมวลชน นักลงทุน นักวิจัย คู่สมรสหรือบุตร ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเภทมีกำหนดระยะเวลาในการพักอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแตกต่างกันไป
แต่ที่เราจะคุยกันวันนี้จะเป็นเรื่องของสถานภาพ “นักเรียน ” สำหรับผู้ที่ไปเรียนต่อญี่ปุ่นด้วยทุนของตัวเองค่ะ
ขั้นตอนการขอสถานภาพการพำนัก
ในการขอสถานภาพการพำนัก “นักเรียน” ที่ญี่ปุ่นนั้น โดยทั่วไปแล้ว ทางสถาบันการศึกษาที่เราสมัครไปเรียนจะทำหน้าที่ดำเนินการให้กับเราค่ะ โดยที่เราจะต้องเตรียมเอกสารต่างๆ มากมาย ทั้งหลักฐานการศึกษา ใบรับรองผลการเรียน หลักฐานการทำงาน (สำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว) ไปจนถึงหลักฐานการทำงานและการเงินของผู้ที่จะออกเงินให้เราไปเรียนที่ญี่ปุ่น
>> เอกสารที่ใช้ในการสมัครเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะยาว
เมื่อยื่นใบสมัคร พร้อมหลักฐานประกอบการสมัคร และชำระค่าสมัครเรียนให้แก่สำนักงานในประเทศไทยของทางสถาบันแล้ว ทางสถาบันการศึกษาจะเป็นผู้ยื่นเรื่องกับกองตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่น (ตม.) ในพื้นที่ที่สถาบันตั้งอยู่ เพื่อขอ ” ใบรับรองสถานภาพการพำนัก ” ( Certificate of Eligibility : COE )
ทางตม. จะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 2 – 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับเอกสาร แต่ในความเป็นจริง เราจะต้องเตรียมตัว เตรียมเอกสารเพื่อสมัครเรียนล่วงหน้าประมาณ 4-5 เดือนค่ะ
ควรยื่นเอกสารสมัครเรียนแต่เนิ่นๆ เนื่องจากหากเกิดกรณีที่เอกสารไม่ครบ หรือมีปัญหาใด ๆ จะสามารถแก้ปัญหาได้ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสมัครเรียนในโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่นนั้น จะมีกำหนดการปิดรับเอกสารที่ทางตม.แต่ละภูมิภาคกำหนดไว้อย่างชัดเจน หากยื่นสมัครเรียนไม่ทันตามกำหนด จะต้องนั่งรอไปอีก 3 เดือนหรือ 6 เดือน เพื่อสมัครเรียนในเทอมถัดไปเลยล่ะค่ะ
คำถามที่ถามกันบ่อยคือ มีโอกาสไม่ผ่านการพิจารณา “สถานภาพนักเรียน” จากกองตรวจคนเข้าเมืองไหม? คำตอบคือ “มี” ค่ะ
หากไม่ผ่านการพิจารณา ทางตม.จะมีเอกสารแจ้งให้ทราบโดยคร่าวๆ ว่าไม่ผ่านเพราะสาเหตุใด ซึ่งสาเหตุที่พบมากที่สุด ได้แก่
-
- ตนเองหรือสมาชิกในครอบครัว มีประวัติการทำผิดกฎหมายวีซ่าญี่ปุ่น เช่น หนีวีซ่า อยู่ในญี่ปุ่นเกินวีซ่าที่กำหนด เป็นต้น หรือแม้แต่ตัวผู้สมัครเองที่มีประวัติการขอวีซ่าไม่ผ่านมาก่อน พยายามปกปิดข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง ซึ่งคนไทยเราอาจจะคิดง่ายๆว่า ญี่ปุ่นคงไม่รู้หรอก คงไม่มีใครมาสืบประวัติเราหรอก แต่จริงๆแล้ว เค้าสามารถเช็คได้ค่ะ แถมเช็คย้อนหลังไปได้หลายสิบปี
-
- รองลงมาอีกเรื่องคือ หลักฐานทางการทำงานและการเงินของผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการไปเรียนมีน้อยเกินไป หรือดูไม่สมเหตุสมผล ซึ่งตรงจุดนี้ทางญี่ปุ่นอาจจะเกรงว่า เราจะไม่สามารถเรียนและใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นได้ อาจจะไปเพื่อทำงานหาเงินมากกว่าที่จะไปเรียนจริงก็เป็นได้
- ประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ การกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง หรือไม่สมเหตุสมผล ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัย และหากผู้สมัครไม่สามารถชี้แจงข้อมูลได้อย่างชัดเจน จะมีผลต่อการพิจารณาขอสถานภาพนักเรียนได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการเตรียมเอกสารเพื่อสมัครเรียนต่อที่ญี่ปุ่น คือ ” ความถูกต้อง ซื่อสัตย์และละเอียดรอบคอบ “
การสมัครเรียนต่อญี่ปุ่นกับเจเอ็ดดูเคชั่น เจ้าหน้าที่แนะแนวจะสอบถามข้อมูลของนักเรียนอย่างละเอียด ขอให้นักเรียนเขียนเอกสารชี้แจงต่างๆ ให้ชัดเจน และตรวจเช็คเอกสารของนักเรียนทุกคนอย่างรอบคอบ เพื่อให้นักเรียนที่สมัครเรียนกับเจเอ็ดดูเคชั่น ผ่านการพิจารณาจากกองตรวจคนเข้าเมือง 100%
เมื่อได้ใบรับรองสถานภาพการพำนักแล้ว
หลังจากที่ได้ใบรับรองสถานภาพการพำนัก หรือ Certificate of Eligibility เรียกย่อๆว่า COE มาแล้ว คราวนี้ถึงจะได้ฤกษ์ไปขอ “วีซ่า” ที่สถานทูตญี่ปุ่นหรือสถานกงสุลญี่ปุ่นประจำประเทศไทยค่ะ มาถึงขั้นตอนนี้ ก็ไม่ต้องกังวลแล้วค่ะว่าวีซ่าจะไม่ผ่าน โอกาสที่วีซ่าไม่ผ่านมีน้อยมาก คนที่วีซ่าไม่ผ่านในขั้นตอนนี้ อาจจะเคยมีประวัติที่ทางสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทยตรวจพบ เช่น ปลอมแปลงเอกสาร , เคยทำผิดกฎหมาย หรือมีประวัติอาชญากร เป็นต้น
เมื่อวีซ่าผ่าน เราจะได้ประทับหน้าวีซ่ามาให้ชื่นใจว่า เป็น Student Visa ได้ไปเป็นนักเรียนที่ญี่ปุ่นแน่นอนแล้วล่ะ ส่่วนระยะเวลาที่นักเรียนจะอยู่ในญี่ปุ่นได้นานเท่าไหร่นั้น โดยทั่วไป จะได้วีซ่าครั้งแรก 1 ปี 3 เดือน
นักเรียนต่างชาติจะเรียนในโรงเรียนสอนภาษาที่ญี่ปุ่น มากที่สุดคือ 2 ปี หากเรียนไป 1 ปีแล้วอยากจะเรียนต่ออีก 1 ปีก็สามารถทำได้ค่ะ โดยสามารถยื่นเรื่องต่ออายุวีซ่าได้ที่ประเทศญี่ปุ่น
แต่…ในการต่ออายุวีซ่านักเรียนนั้น ต้องมีเอกสารแสดงเปอร์เซ็นต์การเข้าเรียน ไม่ใช่ว่าเรียน ๆ เล่น ๆ ก็จะสามารถต่อวีซ่ากันได้ง่ายๆ หมดทุกคนนะคะ
โดยเฉพาะในโรงเรียนสอนภาษาแล้ว ทางโรงเรียนจะทำเรื่องต่อวีซ่าให้นักเรียนค่ะ แต่ถ้าเปอร์เซ็นต์การเข้าเรียนต่ำกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ล่ะก็ นักเรียนต้องไปดำเนินการต่อวีซ่าเองนะคะ ซึ่งจะมีโอกาสที่จะไม่ได้รับการต่อวีซ่า เพราะวีซ่านักเรียนเค้าให้มา “เรียน” นี่คะ ไม่ได้ให้มาโดดเรียน
นอกจากนั้น จะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินของผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย รวมถึงหลักฐานการโอนเงินจากเมืองไทยมาให้เราใช้ที่ญี่ปุ่น เพื่อแสดงให้เห็นว่า มีเงินที่จะเรียนต่อไปอีก 1 ปีได้จริง
วีซ่านักเรียนของโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นทำอะไรได้บ้าง
– สามารถขออนุญาตทำงานพิเศษได้ค่ะ โดยมีกำหนดว่าสามารถทำงานได้ไม่เกิน 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
– ซื้อตั๋วรถไฟ รถบัสแบบตั๋วเดือนได้ในราคาพิเศษ แต่ทั้งนี้ จะได้ลดมากหรือลดน้อย ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสถาบันการศึกษาอีกค่ะ อาจจะได้ลดตั้งแต่ 20% ไปจนถึง 60% เลยก็มี
– เข้าพิพิธภัณฑ์บางแห่งได้ฟรี รวมถึงสถานที่ต่างๆ บางแห่งสามารถแสดงบัตรนักเรียนเพื่อรับส่วนลดค่าเข้าชมในราคานักเรียนได้
เมื่อเรียนจบการศึกษาหรือลาออกกลางครัน จะถือว่าสิ้นสถานภาพการเป็นนักเรียนค่ะ แม้ว่าระยะเวลาวีซ่าจะยังคงเหลืออยู่ก็ตาม การทำงานพิเศษหลังจากจบการศึกษาหรือลาออกจากสถาบันแล้วจะถือว่าผิดกฎหมาย
ในกรณีที่เรียนจบจากโรงเรียนสอนภาษาแล้ว สามารถสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยวิชาชีพได้ ก็จะต้องทำเรื่องต่อวีซ่าโดยสถาบันการศึกษาแห่งใหม่ที่รับเราเข้าไปเรียน จะมีเอกสารให้เรานำไปใช้ในการต่อวีซ่าที่กองตรวจคนเข้าเมือง
หรือในกรณีที่เรียนจบแล้ว สามารถหางานทำที่ญี่ปุ่นได้ เราก็สามารถเปลี่ยนสถานภาพ จากนักเรียน ไปเป็นสถานภาพทำงาน และจะได้รับวีซ่าทำงาน เพื่อทำงานและใช้ชีวิตคนทำงานในญี่ปุ่นได้ต่อไปค่ะ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
>> การเรียนภาษาญี่ปุ่นหลักสูตรระยะยาวที่ญี่ปุ่น
>> ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อญี่ปุ่นกับเจเอ็ดดูเคชั่น
>> คำถามถามบ่อยเรื่องการเรียนต่อญี่ปุ่น
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line