นักเรียนที่มาเรียนภาษาญี่ปุ่นหลักสูตรระยะยาวที่ประเทศญี่ปุ่น ภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิ เดือนเมษายน 2013 ได้เริ่มต้นชีวิตนักเรียนในญี่ปุ่นกันแล้วนะคะ เมื่อมาถึงญี่ปุ่น กว่าจะเริ่มเข้าเรียนจริง ก็ต้องทำอะไรมากมายค่ะ เรามาตามติดชีวิตนักเรียนไทย ซึ่งเป็นนักเรียนเข้าใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ของโรงเรียน Intercultural Institute of Japan ที่ Akihabara จังหวัดโตเกียวกันนะคะ ภาคเรียนนี้มีนักเรียนไทยที่เข้าเรียนหลักสูตรระยะยาว 4 คน และหลักสูตรระยะสั้นต่อระยะยาวอีก 1 คนค่ะ
เริ่มต้นเช้าวันแรกด้วยการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ค่ะ หอพักของโรงเรียนทั้งสองหอก็อยู่ใกล้โรงเรียนแค่เดิน 1 นาที กับ 10 นาทีค่ะ ฉะนั้นเดินมาโรงเรียนกันได้แบบชิว ๆ ค่ะ
การปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ นอกจากเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนแล้ว ก็ยังจะมีรุ่นพี่นักเรียนของโรงเรียนมาช่วยเป็นล่ามแปลภาษาต่าง ๆ ด้วยค่ะ ซึ่งในครั้งนี้เราก็ได้แก้ม ซึ่งเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วมาช่วยเป็นล่ามแปลให้รุ่นน้องค่ะ ต้องขอบคุณน้องแก้มด้วยนะค๊า….
ในเบื้องต้น Numata เซนเซ ได้อธิบายเกี่ยวกับการเรียน เช่น
– ระดับชั้นเรียน ซึ่งจะเริ่มต้นที่ระดับ J1 ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึง J11
– เนื้อหาการเรียน จะแบ่งเป็น
ภาษาญี่ปุ่นทั่วไป ซึ่งครอบคลุมทุกทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน รวมไปถึงไวยากรณ์
วิชาเลือก ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาที่ตนเองสนใจได้ โดยนักเรียนที่สามารถเข้าเรียนในวิชาเลือกได้นั้น จะต้องเรียนระดับ 3 ขึ้นไปแล้วเท่านั้นค่ะ และนักเรียนที่เรียนในระดับสูงขึ้น จะมีชั่วโมงที่สามารถเลือกวิชาเลือกได้มากขึ้นค่ะ
คันจิ สำหรับชั้นเรียนคันจินั้น ที่ร.ร. Intercult จะแบ่งชั้นเรียนระหว่างนักเรียนที่มาจากประเทศที่ใช้คันจิ กับประเทศที่ไม่ได้ใช้คันจิค่ะ ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้คันจิได้แบบไม่กดดันค่ะ
ในการแบ่งระดับชั้นเรียนนั้น จะมีการสอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนและจัดให้เข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมกับระดับความรู้ของแต่ละคนค่ะ โดยจะมีทั้งการสอบข้อเขียนและการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาแบ่งชั้นเรียนของทางร.ร.คือ ความสามารถในการใช้(使える)มากกว่า ความเข้าใจ (わかる)ค่ะ ( ดูภาพด้านล่างประกอบ )
นักเรียนส่วนใหญ่ที่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นมาจากประเทศของตนเองแล้ว แม้จะมีระดับความเข้าใจสูง เช่นมีความเข้าใจถึงระดับ 5-6 แต่ระดับความสามารถในการนำภาษาญี่ปุ่นมาใช้ในการสื่อสารได้แค่ระดับ 2-3 จะเริ่มต้นจากการเรียนในระดับ 2-3 ก่อนค่ะ แต่เมื่อเรียนไปแล้ว เริ่มมีความคุ้นเคยและสามารถนำภาษาญี่ปุ่นมาใช้งานได้เพิ่มมากขึ้นจนเทียบเท่ากับความเข้าใจที่มีอยู่ ก็มีโอกาสที่จะเลื่อนระดับขึ้นไปได้เร็วขึ้นค่ะ
Numata เซนเซ ยังเสริมอีกว่า ในกรณีที่นักเรียนคิดว่าตัวเองได้อยู่ชั้นต่ำเกินไป การที่เดินมาบอกกับอาจารย์ว่าจะขอย้ายชั้นเรียนนั้น ไม่สามารถทำได้ค่ะ ฉะนั้น สิ่งที่นักเรียนต้องทำคือ เข้าเรียนในชั้นที่ทางร.ร.จัดให้ตามผลสอบวัดระดับที่ตัวเองทำได้ แต่ในห้องเรียน นักเรียนจะต้องพิสูจน์ให้อาจารย์ผู้สอนเห็นว่า ตัวเองสามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้มากกว่าระดับที่เรียนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามหรือบทสนทนาได้อย่างถูกต้อง ทำการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างถูกต้อง เพื่อที่อาจารย์ผู้สอนจะได้พิจารณาว่านักเรียนควรจะเรียนอยู่ในระดับไหนจึงจะเหมาะกับความสามารถที่แท้จริง
นอกเหนือจากการปฐมนิเทศเรื่องการเรียนแล้ว ก็เป็นการให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นค่ะ
หลังจากการปฐมนิเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นค่ะ ตอนนี้ก็ให้น้อง ๆ ไปทำข้อสอบกันก่อนนะคะ
ในช่วงบ่าย จะเป็นการไปลงทะเบียนถิ่นที่อยู่กับทางสำนักงานเขต Taito-ku (台東区 ) ค่ะ เลยต้องมานั่งกรอกเอกสารเตรียมไปยื่นที่เขตกันค่ะ แน่นอนว่าต้องกรอกเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ ฉะนั้น อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องเขียนชื่อตัวเองเป็นตัวอักษร Katakana ให้ได้ และเขียนคันจิที่อยู่ตัวเองให้ได้กันล่ะค่ะ
แต่ก่อนจะไปที่สำนักงานเขต ขอพักทานข้าวแบบเร่งด่วนก่อนนะคะ ที่ใกล้ ๆ โรงเรียนมีร้านขายข้าวกล่อง (お弁当 : obento ) ราคาย่อมเยาว์เหมาะกับกระเป๋าสตางค์นักเรียนค่ะ มีอาหารหลายอย่างให้เลือก และมีปริมาณที่มากพอแบบทานได้อิ่มท้อง กล่องละ 267 เยน บวกภาษี 5% รวมเป็น 280 เยนค่ะ ซื้อมานั่งทานที่ชั้น 1 ของโรงเรียน จะมีที่สำหรับนั่งพักทานข้าวได้ค่ะ いただきます~
ท้องอิ่มแล้ว…. เดินไปที่สำนักงานเขต Taito ku (台東区)กันค่ะ
ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2555 เมื่อนักเรียนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นที่ท่าอากาศยานนาริตะ ฮาเนดะ คันไซ และชูบุ จะได้รับบัตรไซริวการ์ด ( 在留カード : ざいりゅうカード ) หรือ Residence card ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ และภายใน 14 วัน ก็จะต้องมาแจ้งที่อยู่กับทางสำนักงานเขตที่ตัวเองพักอาศัยอยู่ค่ะ ทางเขตก็จะทำการบันทึกข้อมูล และบันทึกที่อยู่ปัจจุบันของนักเรียนไว้ที่หลังบัตรไซริวการ์ดค่ะ บัตรนี้จะใช้เป็นบัตรแสดงตนของนักเรียนในขณะอยู่ที่ญี่ปุ่น เหมือนเป็นบัตรประชาชนบ้านเราน่ะค่ะ ซึ่งก็จะต้องพกใบนี้แทนพาสปอร์ตล่ะนะคะ
หลังจากเสร็จสิ้นการรายงานที่อยู่แล้ว ก็ขึ้นไปทำบัตรประกันสุขภาพแห่งชาติกันต่อที่สำนักงานเขตนี่ล่ะค่ะ
บัตรประกันสุขภาพแห่งชาติ ( 国民健康保険 : こくみんけんこうほけん)เป็นระบบประกันสุขภาพแห่งชาติของญี่ปุ่นซึ่งทุกคนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นมากกว่า 90 วันจะต้องทำค่ะ โดยจะต้องเสียเบี้ยประกันทุก ๆ เดือน ค่าเบี้ยประกันจะแล้วแต่เขตที่อยู่ และหากเจ็บป่วย ไม่สบาย เวลาที่เข้ารับการรักษาพยาบาลจะชำระเงินเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ อีก 70 เปอร์เซ็นต์รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่ะ ฉะนั้น เวลาไปหาหมอที่คลินิคหรือโรงพยาบาลจะต้องพกบัตรประกันสุขภาพไปด้วยทุกครั้งนะคะ
บัตรประกันสุขภาพจะส่งมาให้ทางไปรษณีย์ ตามที่อยู่ที่ให้ไว้ค่ะ เสร็จขั้นตอนต่าง ๆ สำหรับวันนี้แล้ว วันอื่น ๆ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำค่ะ แต่ขอจบตอนนี้ก่อน แล้วค่อยมาตามติดชีวิตนักเรียนใหม่ของโรงเรียน Intercultural Institute of Japan กันต่อนะคะ
อ่านต่อ >> ตามติดนักเรียนใหม่ ร.ร. Intercult ภาคเรียนเมษายน 2013 ตอนที่ 2
เรื่องพิธีเปิดภาคเรียนและการทำงานพิเศษ คลิกที่นี่
Link ที่เกี่ยวข้อง : โรงเรียน Intercultural Institute of Japan