คุยกับชาร์ต :: แนวคิด การเรียน การทำงาน การใช้ชีวิต ของ มิสยูนิเวอร์สโตเกียว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปประชุมที่ญี่ปุ่นเลยใช้เวลาว่างในวันหยุดนัดรวมก๊วนกับเพื่อนๆ สมัยเรียนและได้มีโอกาสเจอ “คุณทามาโอะ ทาดะ” ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยโตเกียว
คุณทามาโอะเป็นคนที่ทำกิจกรรมนอกห้องเรียนเยอะมากและยังเคยได้รับเลือกเป็น มิสยูนิเวอร์สโตเกียว ซึ่งเรียกได้ว่ามีคิวงานแน่นมากแต่ก็น่าแปลกใจที่เธอยังสามารถบริหารเวลาและเรียนจบปริญญาโทมาได้ดีครับ
จริงๆ แล้วประวัติของเธอนั้นก็มีความน่าสนใจซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นน้องๆ สามารถอ่านได้ในคอลัมน์คุยกับชาร์ตประจำเดือนนี้ครับ
ไม่แน่นะครับ อาจะมีแนวคิด วิธีการใช้ชีวิตต่างๆ ที่น้องๆ สามารถนำไปปรับใช้กับตัวเองได้พอไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ
คุณทามาโอะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยโทโฮขุ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ โดยศึกษาทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศหรือ Climate Change นั่นเองครับ
ซึ่งสมัยเรียนอยู่ที่นั่นเธอได้ทำกิจกรรมเป็นนักกีฬาลาครอส (Lacrosse) และเธอก็ไม่ได้เล่นเอาสนุกเฉยๆ นะครับ เธอเล่นจริงจังมากโดยได้เป็นกัปตันของทีมประจำมหาวิทยาลัยและได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับจังหวัดซึ่งเคยได้รับรางวัลที่หนึ่งเป็นแชมป์ของภูมิภาคโทโฮขุเลยทีเดียวครับ
คุณทามาโอะเล่าให้ฟังว่าการที่เธอได้มาเป็นกัปตันทีมตรงนี้ช่วยให้เธอได้เรียนรู้การบริหารจัดการ การสื่อสารกับคน ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมกับงานที่เธอทำในปัจจุบันเป็นอย่างมากครับ
หลังจากที่เธอได้จบปริญญาตรี เธอก็ตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโทโดยสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวในสาขาความร่วมมือระหว่างประเทศ (International Cooperation) ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ผมเรียนจบมา และด้วยความสนใจในเรื่องของ Climate Change ที่มีอยู่แต่เดิม เธอจึงเข้าร่วมชมรมศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change Working Group) โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจ และเข้าร่วมประชุมต่างๆ ในเวทีต่างประเทศ
จากที่เราได้คุยกันในคอลัมน์ที่แล้วว่านักเรียนญี่ปุ่นเกือบทุกคนมีประสบการณ์เคยทำงานพิเศษมา คุณทามาโอะก็เช่นกันครับ เธอเคยทำงานพิเศษมาหลากหลายมาก เริ่มจากการรับสอนพิเศษภาษาอังกฤษ สอนเลขแบบตัวต่อตัวตามโรงเรียนกวดวิชา และเนื่องด้วยตัวเธอเองเป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องของแฟชั่นมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน เธอจึงได้ไปทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสื้อผ้าประจำร้านยูนิโคล่อีกด้วย
หลังจากนั้น เธอจึงเริ่มสนใจในงานโทรทัศน์และได้ลองไปสมัครทำงานพิเศษเป็นผู้ช่วยผู้ประกาศข่าวของช่องทีวีแห่งหนึ่งครับ จากการที่เธอมีประสบการณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะจากในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนและเนื่องด้วยความสนใจส่วนตัวในเรื่องของการพัฒนาต่างๆ เธอจึงได้มาทำงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจด้านการพัฒนาในปัจจุบันครับ
เมื่อผมลองถามเธอดูว่าทำไมเธอถึงทำงานพิเศษระหว่างเรียนหลากหลายมากมายทั้งๆ ที่เธอเรียนอยู่ในสาขาวิชาที่ยากในมหาวิทยาลัยชั้นนำซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเรียนจบยาก
เธอก็เล่าให้ฟังว่ามันประกอบไปด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างครับ . .
1️⃣ อย่างแรกเลย ก็เหมือนกับเด็กนักเรียนทั่วไปแหละครับ เธอทำงานพิเศษเพราะเธออยากรู้ว่าการหาเงินด้วยตัวเองเป็นอย่างไรและเธอต้องการนำเงินไปใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ในการเรียน ฐานะที่บ้านเธอตอนนั้นไม่ได้ดีเท่าไหร่แต่ด้วยความที่เธอเรียนเก่ง เธอจึงได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยให้เรียนฟรีทั้งตอนปริญญาตรีและปริญญาโท
2️⃣ อย่างที่สองคือเธอทำงานพิเศษเพราะเธออยากได้ประสบการณ์ตรงกับในสิ่งที่เธอสนใจ เช่น เธอได้ทำงานที่ยูนิโคล่ด้วยความที่สนใจเรื่องของแฟชั่น
3️⃣ และอย่างสุดท้าย เธอบอกว่าเธอไปทำงานพิเศษเพราะต้องการได้ประสบการณ์สังคมครับ เธอได้เล่าให้ฟังว่าจริงๆ แล้วเธอได้ประโยชน์ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากการทำงานพิเศษครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือเธอได้ฝึกตัวเองให้รู้จักรับฟังคนเพราะเธอต้องคอยดูแลลูกค้าว่าอยากได้อะไรและตัวเธอเองช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งถือเป็นการฝึกทักษะในการติดต่อสื่อสารซึ่งช่วยส่งเสริมเธอตลอดมาจนถึงตอนนี้ที่เธอนำมาปรับใช้กับชีวิตการทำงาน
อย่างที่เราทราบกันดี การเรียนในชั้นมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างหนักและการที่เราจะทำงานพิเศษนั้นหมายถึงเราต้องบริหารเวลาให้ดีเพื่อไม่ให้กระทบเรื่องการเรียนหรือเป็นการสร้างความกดดันให้ตัวเองเกินไป
ผมจึงถามเธอว่าเธอมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกผมว่าเธอสนับสนุนให้นักเรียนทุกคนมีประสบการณ์ทำงานพิเศษระหว่างเรียน แน่นอน การโฟกัสที่การเรียนเป็นสิ่งที่ดี แต่เธอแชร์ให้ฟังว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่สามารถเรียนได้จากห้องเรียน
การทำงานพิเศษจะช่วยให้เราได้พบปะคนใหม่ๆหลากหลายทั้งในเชิงของพื้นฐานครอบครัว ฐานะและการศึกษา
เธอมองว่าในห้องเรียนเราจะเจอแต่คนที่มีพื้นฐานมีความสนใจคล้ายๆ กัน การออกมาเจอโลกภายนอกแบบนี้จึงเป็นการที่จะทำให้เราได้เห็นมุมมองและวิธีการคิดในแบบอื่นๆ ซึ่งนอกจากนี้แล้วการทำงานพิเศษก็เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วยครับ
เห็นเธอทั้งเรียน ทั้งทำงาน ทั้งทำกิจกรรมเยอะเสียขนาดนี้ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไม่เคยประสบอุปสรรคหรือปัญหาอะไรเลยหรือ
เธอเล่าให้ฟังว่าตอนที่เธอเรียนปริญญาโทอยู่ปีสองนั้นเป็นปีนี้หนักที่สุดเนื่องจากเธอต้องเข้าร่วมกิจกรรมมิสยูนิเวอร์สและเขียนวิทยานิพนธ์ไปพร้อมๆ กัน แต่โชคดีที่เธอได้คนรอบข้างที่ดีทั้งเพื่อนๆ และอาจารย์ และเนื่องจากทั้งกิจกรรมมิสยูนิเวอร์สและการเขียนวิทยานิพนธ์เป็นสิ่งที่เธอรักที่จะทำ เธอจึงพยายามทำให้เต็มที่ซึ่งแน่นอนว่าเหนื่อยแต่เธอก็ผ่านมาได้ครับ
การที่จะเป็นคนเก่งทั้งเรียนและเล่นในเวลาเดียวกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ เราลองมาดูกันครับว่าคุณทามาโอะมีแนวคิดอย่างไรถึงทำให้เธอสามารถก้าวข้ามอุปสรรคและข้อจำกัดต่างๆ จนมายืนตรงจุดนี้ได้ครับ
เธอมีคติประจำใจอยู่หลายคำและบางทีเธอจะเปลี่ยนไปในแต่ละปีซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าเธอได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ให้ตัวเองในปีนั้นๆ
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นคอลัมน์ว่าคุณทามาโอะนั้นไม่ธรรมดาเพราะเธอเคยได้รับคัดเลือกเป็นถึงผู้ชนะเลิศในการประกวด มิสยูนิเวอร์สโตเกียว ปี 2015 ซึ่งเท่าที่คุยกันแล้วประวัติการเรียนของเธอนั้นดูจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ผมจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอมาถึงจุดนี้ได้ยังไงครับ
ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นเธอมีความสนใจในเรื่องของปัญหาความยากจน ปัญหาโลกร้อน ฯลฯ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่ถูกถกกันในระดับเวทีโลก เธอจึงอยากทำงานในองค์กรระหว่างประเทศ เธอมองว่าปัญหาระดับโลกต่างๆ เหล่านี้ได้ถูกนำไปศึกษาโดยแพร่หลายเพื่อหาวิธีแก้ไข
ทั้งๆ ที่มีการรณรงค์ต่างๆ นานาอยู่แล้ว ทำไมผู้คนยังไม่ตระหนักที่จะร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งสมัยมัธยมเธอมีความสนใจในการประกวดนางงามเพราะเธอรู้สึกว่าผู้เข้าร่วมประกวดดูสวยและสง่าบนเวที เธอเลยคิดว่าเธออยากลองเข้าประกวดสักครั้งเพื่อใช้เวทีเผยแพร่ปัญหาระดับโลกเหล่านี้ให้ผู้คนในประเทศต่างๆ สนใจ ตระหนัก และมองว่าการใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ดูดีดูเท่และผู้คนจะสนใจให้ความร่วมมือกันมากขึ้นครับ
พอจบเรื่องราวที่ว่าเธอมาอยู่ตรงจุดนี้อย่างไร ผมเลยถือโอกาสถามเพิ่มว่าคุณทามาโอะนั้นเคยมาเมืองไทยและรู้จักประเทศไทยมากน้อยแค่ไหนครับ เธอบอกว่าเธอเคยมาเที่ยวไทยอยู่แค่ครั้งเดียว
เธอได้มีโอกาสมาอยู่กรุงเทพสองสามคืนและได้ไปดูวัดที่อยุธยา เธอบอกว่าหากพูดถึงประเทศไทยแล้ว เธอจะนึกถึงนวดแผนไทย และอาหารไทยที่อร่อยแต่เผ็ดซึ่งเธอก็โอเคกับความเผ็ดของมัน
ผมเลยเล่าให้เธอฟังว่าจริงๆ แล้วไทยกับญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กันที่แน่นแฟ้นมายาวนานและปีนี้ก็จะเป็นปีครบรอบ 130 ปีความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น
คุณทามาโอะบอกว่าเธอรู้จักประเทศไทยเพราะมีโอกาสได้เห็นได้ฟังข่าวเกี่ยวกับประเทศไทยบ่อยๆ จากสื่อญี่ปุ่นซึ่งเธอบอกว่าไม่น่าจะมีคนญี่ปุ่นคนไหนที่ไม่รู้จักประเทศไทย เธอมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยว ยิ่งถ้าได้ไปแล้วก็จะยิ่งรู้สึกอยากไปอีก
ในมุมของการทำธุรกิจเองประเทศไทยก็เป็นแหล่งลงทุนที่เป็นที่นิยมที่สุดในอาเซียนสำหรับคนญี่ปุ่นและเธอเองก็อยากให้ญี่ปุ่นมีความร่วมมือกับไทยมากยิ่งขึ้นจากนี้ไป
ทีนี้ เราลองมาคุยกันในมุมของการศึกษาบ้างครับ อย่างที่ทราบกันดี ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในปลายทางยอดฮิตของเด็กไทยที่ฝันว่าสักครั้ง…ขอให้ได้ไปเรียนอยู่ญี่ปุ่นด้วยเถิด และผมเองก็เชื่อว่าน้องๆ หลายคนที่กำลังอ่านคอลัมน์นี้คงคิดอยู่เหมือนกัน
คุณทามาโอะบอกว่า เธออยากจะเชิญชวนให้น้องๆ คนไทยไปเรียนที่ญี่ปุ่นครับ ซึ่งเธอเน้นว่าการมาเรียนที่ญี่ปุ่นนั้นเธอไม่อยากให้มาเรียนเอาความรู้ทางวิชาการกลับไปอย่างเดียวเพราะเธอมองว่าหลายๆ ที่ก็มีการสอนที่คล้ายๆ กัน สอนจากหนังสือเล่มเดียวกัน ฉะนั้นนี่อาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่น้องๆ จะสามารถมาเก็บเกี่ยวจากที่ญี่ปุ่นได้
นอกจากนี้ การมาเรียนอยู่ต่างประเทศจะช่วยเปิดโอกาสให้รู้จักคนจากประเทศต่างๆ ซึ่งเธอได้บอกกับผมว่า การที่เรามีเพื่อนชาวต่างชาติจะทำให้เราได้รู้เรื่องของประเทศนั้นๆ มากยิ่งขึ้น ได้เรียนรู้ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ทำให้เราเป็นคนที่มีมุมมองที่กว้างขึ้น และสามารถเรียนรู้ได้ว่าญี่ปุ่นมีตรงไหนบ้างที่คนต่างชาติมองว่าไม่ดีและควรปรับอะไรครับ
ท้ายสุด เธอบอกกับผมว่าเธออยากจะฝากถึงน้องๆ คนไทยที่อ่านคอลัมน์นี้หรือกำลังคิดอยากไปเรียนต่อต่างประเทศที่ไหนสักที่(และอาจจะเป็นญี่ปุ่น)ว่า แน่นอนการเรียนต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายและทุกคนย่อมพบอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่าย เรื่องของความสามารถ หรือกำลังใจ แต่เธอบอกว่าเราไม่ควรยอมแพ้ในสิ่งที่เราคิดว่าเราอยากจะได้หรืออยากจะทำสักครั้งในชีวิตครับ
สิ่งเหล่านี้คุ้มแค่แก่การที่จะลองสู้สักตั้งซึ่งหากท้ายสุดเราล้มเหลวก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยเราได้รู้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยลองและพยายามเต็มที่แล้ว
เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า คุณทามาโอะที่ต้องเรียนหนักในมหาวิทยาลัยชั้นนำ ตั้งใจเรียนให้ได้ผลดีๆ เพื่อขอรับทุนการศึกษา และยังต้องทำงานพิเศษหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวยังสามารถประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ได้
ผมอยากจะบอกว่าการเรียนและการหาประสบการณ์นอกห้องเรียนไปพร้อมๆ กันนั้นไม่ใช่เรื่องอยากเลย ซึ่งหากเราทำได้ สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเรามากและความทรงจำที่ดีจะติดไปตลอดชีวิตเราครับ ท้ายสุด ผมขอให้น้องๆ ทุกคนโชคดีกับการเตรียมตัวและไปให้ถึงฝันนะครับ!
สำหรับคนที่มีคำถามอยากถามคุณทามาโอะเพิ่มเติมหรืออยากปรึกษาเรื่องของการเรียนการใช้ชีวิตในญี่ปุ่น แมสเสจเข้ามาพูดคุยกันได้ที่เฟซบุ้ค Shad Sarntisart ครับ
พบคอลัมน์ “คุยกับชาร์ต” ที่เว็บไซต์เจเอ็ดดูเคชั่นทุกเดือน
คุณสืบศิษฏ์ ศานติศาสน์ หรือชาร์ต นักเรียนเก่าญี่ปุ่น ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียนเพียงเท่านั้น แต่ชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยประสบการณ์นอกห้องเรียน รวมไปถึงประสบการณ์ในวงการบันเทิงของญี่ปุ่น! ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่า เส้นทางสู่การเป็นนักเรียนที่ญี่ปุ่น เรียนต่อญี่ปุ่น รวมถึงการหาทุนการศึกษา ไม่ยากเลย ถ้าตั้งใจและพยายาม
การศึกษาที่ญี่ปุ่น | – ปริญญาตรี : นักศึกษาแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยซากะ (Saga University) // ผ่านโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างชาติ SPACE ทุนที่ได้รับคือ ทุน JASSO International Student Scholarship for Short-Term Study in Japan – ปริญญาโท : สาขาความร่วมมือระหว่างประเทศ (International Cooperation) มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo) // ได้รับทุน JASSO Honors Scholarship พร้อมกับ Shundoh International Scholarship |
การทำงาน | – ปัจจุบันทำงานให้กับธนาคารญี่ปุ่นในประเทศไทย ดูแลส่วนงานธุรกิจระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น – งานอดิเรกเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจและการลงทุนในไทยและอาเซียนให้กับบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consulting) ในประเทศญี่ปุ่น |