เรียนทำ ฟิกเกอร์ ที่ญี่ปุ่น
การศึกษาที่ไทย | ปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น โททัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร |
การศึกษาที่ญี่ปุ่น | หลักสูตรภาษาญี่ปุ่น 6 เดือน ECC Kokusai College of Foreign Languages , Osaka |
หลักสูตร Figure Course 2 ปี Osaka Sogo Design College 大阪総合デザイン専門学校 |
คอลัมน์ Senior Talk ครั้งนี้ #เจ๊เอ๊ด พามาคุยกับพี่เม อดีตเจ้าหน้าที่ #ทีมเจ๊เอ๊ด ผู้ที่เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ตัดสินใจบินไปญี่ปุ่นเพื่อเรียนการทำ ฟิกเกอร์ โดยเฉพาะ ใครที่สนใจด้านนี้ อยากรู้ว่าเรียนอย่างไร ตามมาอ่านได้เลยค่ะ
เมคิดถึงสิ่งที่ตัวเองชอบนะ.. เราชอบและเรามีความสุขกับอะไร เราก็จะอยู่กับสิ่งนั้นได้นาน และจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ดีด้วย
เคยเรียนต่อญี่ปุ่นมากี่ครั้ง และทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนต่ออย่างจริงจังอีกที
เมมาเรียนที่ญี่ปุ่นแล้วรวมครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วค่ะ
เมเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่บ้านก็สนับสนุนมาตลอด ครั้งแรกได้ไปเรียนซัมเมอร์ 1 เดือนที่โรงเรียนมัธยม OISCA ตอนนั้นยังอยู่ม.4 อยู่เลย ได้มาด้วยกันกับเพื่อนแก๊งค์เดียวกันอีก 8 คน ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เป็นการมาญี่ปุ่นครั้งแรกที่ทำให้รู้สึกดีกับประเทศญี่ปุ่นมากๆๆ เพราะว่าในช่วงหนึ่งเดือนนั้นไม่ใช่แค่เรียน แต่ได้ไปเที่ยวหลายๆที แล้วก็ได้ไปพักโฮมสเตย์ด้วยค่ะ
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปญี่ปุ่นอีกเลย จนเรียนจบปี 4 ครั้งนี้ไปเพราะขอไปเอง ตรงๆ ก็คือยังไม่พร้อมทำงานค่ะ 555 ก็เลยไปเรียนยาวขึ้นหน่อยคือ 3 เดือน ที่ ILA KOBE และเลือกไปอยู่โฮมสเตย์
ครั้งนั้นก็ถือว่า แปลกใหม่กว่าเดิมอีกเพราะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวเป็นครั้งแรก ด้วยภาษาญี่ปุ่นที่เรียนมาเกือบตลอดชีวิต 555 เลยเป็นการใช้ภาษาญี่ปุ่นอย่างจริงจังตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าประเทศญี่ปุ่น ใช้แต่ภาษาญี่ปุ่นทุกวันเลย มันทำให้เราพัฒนาจริงๆ จากที่เวลาพูดต้องคิดแกรมม่า แปลจากไทยในหัวก่อน จนเป็นการพูดแบบชินปากแทน แต่พอชินได้ไม่นานก็ถึงเวลากลับซะแล้ว
พอกลับมา จากที่ก่อนไป สอบ N2 ไม่ผ่าน มาสอบอีกทีก็ผ่านอย่างที่ตั้งใจไว้ พอได้ N2 ก็ทำให้มั่นใจในการไปสมัครงานมากขึ้น
หลังจากทำงานใน #ทีมเจ๊เอ๊ด ได้สามปี เมรู้สึกว่าจริงๆแล้วอยากจะลองไปอยู่ ไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น อยากจะไปอยู่นานๆ เอาให้พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีๆไปเลย และอยากจะมีความสามารถด้านอื่นนอกจากภาษาด้วยค่ะ ก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลโรงเรียนด้านที่ชอบ ทุกคนจะรู้ว่า เมชอบวาดรูป ชอบเล่นตุ๊กตา เมลังเลอยู่นานเหมือนกันว่า อะไรคือสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ
สุดท้ายก็ตัดสินใจไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ ECC Osaka ตอนเดือนตุลาคม 2015 และหลังจากเรียนภาษา 6 เดือน เมก็สอบเข้าเรียนที่ Osaka Sogo Design College Figure Course เข้าเรียนในเดือนเมษายน 2016 ค่ะ
เรียนเอกญี่ปุ่นมาแล้ว ทำไมยังต้องไปเรียนในรร.ภาษาอีก
คือจริงๆ เมยังไม่มั่นใจในการสื่อสารภาษาญี่ปุ่นของตัวเองนัก แล้วก็อีกข้อคือตอนสมัครเรียนของเซมมง (วิทยาลัยอาชีวศึกษา) เขารับสมัครช่วงปลายปีจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ และเปิดเรียนตอนเดือนเมษายน เพราะฉะนั้น เมเลยต้องหาทางที่จะไปอยู่ที่ญี่ปุ่นล่วงหน้าให้ได้ก่อน และการไปเรียนโรงเรียนสอนภาษาก็ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เรียนสาขาอะไรในเซนมง
เมเรียนคณะ Visual Creator เอกวิชา Figure ค่ะ
หาข้อมูลของเซนมงนี้ยังไง
เมเข้าไปหาในเว็บไซต์ของ jasso ที่รวบรวมข้อมูลโรงเรียนเซนมงทั่วประเทศเลย
ก่อนอื่นเมเลือกจังหวัดที่อยากจะไปก่อน แล้วก็เข้าไปในข้อมูลของจังหวัดนั้น (ก็คือโอซาก้า) แล้วก็เลือกเข้าไปดูข้อมูลของแต่ละโรงเรียนเลยค่ะ มันมีค่อนข้างเยอะ แต่ก็เลือกตามความพอใจของตัวเองทั้งนั้นค่ะ
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเรียนที่ร.ร.นี้ เมก็ได้ไปงาน Open Campus ของโรงเรียน และได้ไปทดลองเรียนวิชา ฟิกเกอร์ ได้ทดลองทำจริงๆ ได้รู้ว่าที่นี่สอนยังไง
ส่วนสอบเข้าที่นี่ไม่ยากเลยค่ะ แค่เขียนใบสมัครและเหตุผลสั้นๆ 4 ข้อ แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นนะคะ
ทำไมถึงเลือกเรียนต่อด้านการทำ ฟิกเกอร์
ทำไมเลือกเรียนด้านนี้.. ตอนแรกในความคิดคือสิ่งที่อยากเรียนนั้นเรียนจบแล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง ตอนแรกคิดว่าจะเรียน CG แต่ทุกวันนี้ถือว่าการใช้อุปกรณ์พื้นฐานเช่น PS และ AI ก็เป็นที่แพร่หลายและตัวเองก็สามารถใช้ได้(คร่าวๆ)แล้ว เลยไม่อยากจะไปเรียนซ้ำอีก จบมาก็ต้องทำงาน CG คิดว่าไม่ได้ชอบเท่าไหร่ค่ะ 55
ที่เลือกมาเรียน ฟิกเกอร์ ไม่ใช่เลือกไปงั้นๆ แต่เมคิดถึงสิ่งที่ตัวเองชอบ เราชอบและมีความสุขกับอะไร อยากทำอะไรมากๆๆๆๆ เราจะอยู่กับสิ่งนั้นได้นาน และจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ดีด้วย
สาขาที่เรียนคืออะไร จะต้องเรียนกี่ปี และจะได้เรียนอะไรบ้าง
สาขาที่เรียนก็อย่างที่บอก เอกฟิกเกอร์ค่ะ เรียน 2 ปี พูดถึงฟิกเกอร์ทุกคนคงนึกถึงหุ่นตั้งโชว์ ฟิกเกอร์ การ์ตูนสวยๆ เท่ๆ แต่จริงๆ ฟิกเกอร์ก็คือ หุ่นจำลองทุกชนิด ตั้งแต่สิ่งใกล้ตัวเลยก็พวงกุญแจตุ๊กตาหรือพวกคาแรคเตอร์ เหรียญกันดั้ม ฟิกเกอร์อนิเมะ BJD รถและเรือจำลอง ไปจนถึงหุ่นพอร์ตเทรตเหมือนคนจริง
ซึ่งวิชาที่เมได้เรียนก็จะมี..
- วิชาปั้น
• ปั้นเครื่องปั้นดินเผา ก็ใช้ดินเหนียวปั้น แบบที่ต้องเอาไปเผา หรือก็คือเครื่องปั้นดินเผา เลอะเทอะทั้งตัวค่ะ
• ปั้นฟิกเกอร์ ตอนนี้ก็ทำพวงกุญแจเล็กๆ ใช้ดินสำหรับปั้นโดยเฉพาะแล้วก็ทำแม่พิมพ์หล่อเรซิ่น แล้วตอนนี้ก็ได้ทำกันดั้มไปด้วย
• ปั้นหุ่นคนเหมือนจริง วิชานี้เมชอบมาก เพราะได้เรียนอนาโตมี่ด้วย ต้องปั้นให้ได้ขนาดเท่าที่อาจารย์กำหนด ถือว่าจริงจังมาก ปั้นไปวัดขนาดไป
• ปั้นเลียนแบบ ครั้งแรกก็ให้ปั้นเลียนแบบพริกหยวกเลย บอกเลยว่าไม่ใช่ง่ายๆค่ะ แล้วก็ปั่นรูปนูนต่ำคล้ายๆพวกเหรียญรางวัล - วิชาสี อันนี้จะเรียนเรื่องเกี่ยวกับสี และวิธีการใช้สี ก็จะทำชิ้นงานด้วยสีอคริลิค กระดาษตัดแปะแบบนี้
- วิชา Drawing ก็วาดตั้งแต่พื้นฐานเลยค่ะ กล่องสี่เหลี่ยม ทรงกลม ทรงกระบอก
- วิชาลงสี คือเริ่มเรียนตั้งแต่พื้นฐานในการลงสีทุกอย่างที่ไม่ใช่ลงสีในกระดาษ จะเป็นลงสีกันดั้ม ฟิกเกอร์ต่างๆ ค่ะ ใช้แอร์บรัชสนุกมาก
- วิชาคอมพิวเตอร์ เข้ามาเอกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเรียนแค่ปั้นมือ เราได้เรียนพื้นฐานการใช้โฟโต้ชอพและอิลลัสด้วย และจะมีเรียนสร้างฟิกเกอร์โดยคอมพิวเตอร์ด้วยค่ะ
ระหว่างที่เรียนเซนมงแต่ละวันทำอะไรบ้าง เล่าสิ่งที่เรียนหน่อย
เรียนอาทิตย์ละ 5 วัน
วันที่เรียนเต็มวันคือเรียนตั้งแต่ 9:30-12:40 และ 13:30-16:40 เรียนวันละ 2 วิชา วิชาละ 3 ชม.ค่ะ แบ่งเป็นช่วงเช้า และ บ่าย
และเมทำพาร์ทไทม์อาทิตย์ละ 3 วัน สรุปคือไม่มีวันหยุดเลย 555
เรียนทำ ฟิกเกอร์ เนี่ยยากมั้ย
จะบอกว่ายากก็ยาก ง่ายก็ง่ายค่ะ
เพราะว่าเวลาเราไม่เข้าใจ ถามอาจารย์ได้เลย อาจารย์ใจดีมากทุกคน นอกนั้นอาจจะเป็นที่ความสามารถแต่ละคน อันที่ทำยากมันก็ยากตามเนื้องาน แต่ปัญหาที่มีก็มีบ้างตรงคำศัพท์ใหม่ๆ แต่ไม่ได้มีปัญหาหนัก เพราะเมถามอาจารย์ตลอด ทำหน้างงเขาก็จะอธิบายให้ฟังอีกที 555
มีปัญหาตลกๆ อีกอย่างคือเวลาคำนวนปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้เป็นเปอร์เซนต์ค่ะ เวลาจะใช้ซิลิโคนเท่านี้กรัม ต้องใช้สารละลาย 3% ฉะนั้น ต้องใช้เท่าไหร่ อาจารย์ก็ขำใหญ่ว่าทำไมแค่นี้คำนวนไม่ได้ ห่างหายเลขไปนานจริงๆ
มีคนไทย หรือต่างชาติเรียนด้วยกันมั้ย
ในเอกเดียวกันไม่มี แต่ว่าจะมีนร.ต่างชาติจากเอก illus (คนอินโดนีเซีย) และเอก interior (คนจีน) ก็จะมีวิชาที่เรียนรวมกัน คือ Drawing วิชาใช้สีแล้วก็วิชาคอมพิวเตอร์ค่ะ
กิจกรรมระหว่างเรียนมีอะไรบ้าง
เมก็มีออกงานแสดงผลงานของนักเรียนบ้าง บางทีก็มีการบ้าน มีงานพิเศษจากอาจารย์ เป็นงานของบริษัทภายนอก ที่นำคาแรกเตอร์ที่เค้าออกแบบไว้ มาให้นักเรียนผลิตเป็นฟิกเกอร์จริงค่ะ
ที่เห็นนี่เป็นภาพตอนที่เมติดตามรุ่นพี่ปี 2 มาโตเกียว และนำผลงานมาขายในงาน Wonder Festival 2017 (Winter) หนึ่งในกิจกรรมของทางโรงเรียน ที่จะเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงผลงานสู่สาธารณชนค่ะ
เรียนจบแล้วเมทำอะไรต่อ
พอเมเรียนจบก็สมัครงานเลยเพราะได้รู้จักกับรุ่นพี่ที่จบไปที่ชอบดอลล์เหมือนกันเขาแนะนำให้ ตอนนี้ทำงานที่ DOLK STATION เป็นสาขาหลัก ทำงานแผนกดูแลสินค้าแล้วก็จัดส่ง ก็จะทำคล้ายๆQC แล้วก็เพราะจบด้านนี้มาเลยได้เป็นฝ่ายメンテナンス ด้วย
แต่ความฝันของเมจริงๆ ถ้าเป็นไปได้อยากจะไปต่างประเทศให้ไกลกว่านี้อีกค่ะ (เจ๊เอ๊ดรู้มาว่า เมอยากไปทำงานที่ Hollywood ค่ะ) แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็จะทำด้านนีตุ๊กตาขายเองละค่ะ อย่าลืมอุดหนุนน้าาา
- การทำงานและใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
แฮปปี้ดีนะ 555
งานไม่ได้หนักขนาดนั้น คนญี่ปุ่นในบริษัทส่วนใหญ่ก็หัวสมัยใหม่เพราะทำงานกับต่างชาติ อย่างเกาหลีกับจีน
ชีวิตทั่วๆไปก็สบายๆค่ะ คิดถึงบ้านบ้างเป็นครั้งคราว แต่เมก็หากิจกรรมทำที่ทำให้เราไม่เหงา เช่น ออกไปเดินเล่นวันอากาศดีๆ เริ่มไปเที่ยวธรรมชาติเยอะขึ้น แก่แล้ว55
เมมาอยู่ญี่ปุ่นหลายปี แต่ก็เพิ่งเข้าใจนะ ว่าไม่ใช่แค่ทำตัวนิ่งๆเฉยๆ แต่ต้องทำตัวให้เข้ากับประเทศเขา หมายถึงต้องทำอะไรแบบเขาด้วย แบบว่ามีเทศกาลก็ไปเข้าร่วม มันถึงทำให้เราสนุกได้
เพื่อนที่ทำงานชวนไปเที่ยว บางทีก็มีคิดว่าแบบขี้เกียจอ่ะ ไม่อิน อะไรแบบนี้ แต่พอไปก็คือดี ได้คุยกับเพื่อนมากขึ้น ทำงานก็สนุกขึ้น
คิดว่า การไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นให้อะไรกับเรา
ในเมื่อเรามาเรียน แน่นอนว่าให้ภาษา ให้ความรู้ และอีกข้อคือให้ความอดทน
รู้สึกว่าถ้าเราอดทน เวลามีปัญหามันไม่ได้มีคนช่วยแก้ปัญหาให้ตลอด แต่ทำให้เราแก้ปัญหาเองได้มากขึ้นจริงๆ
เราต้องอดทนหลายอย่าง ทั้งอดทนต่อคนที่นี่ เราไม่ได้เข้าใจเขาทั้งหมด บางทีอาจจะโดนเหน็บแนมบ้างก็มี อดทนต่อความอยากทั้งหลาย
สมัยเรียน เมบอกป๊าว่าอยากกลับบ้านไปเที่ยวสงกรานต์จัง ป๊าบอกว่า ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะสนุก มันจะยิ่งสนุกมากขึ้น ถ้าเราประสบความสำเร็จไปพร้อมพร้อมกัน
จากประโยคนี้ป๊าไม่ได้ปฏิเสธเรื่องเที่ยวสงกรานต์ แต่ทำให้เมเข้าใจว่า ตอนนี้เราต้องเลือกสิ่งที่ควรทำก่อน
- ถ้ามีคนรู้จักมาถามว่าไปเรียนต่อญี่ปุ่นดีมั้ย จะบอกเค้าว่าอะไร
อย่าลืมถามตัวเองก่อนว่าที่อยากจะมา เป้าหมายคืออะไร ถ้าไม่มีเป้าหมาย มันจะไม่มีแรงและได้แต่นับถอยหลัง รอวันจะได้กลับบ้าน แต่ถ้ามีเป้าหมายและมีความตั้งใจจริงแล้ว ก็มาเลยค่ะ
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่นโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่มีค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-2677726 ต่อ 101-106
email : ask@jeducation.com
หรือ Add Line มาสอบถามกันได้นะคะ
คลิก 👉 http://bit.ly/jed-line