จากอนิเมะบนจอ สู่ฉากจริงตรงหน้า
เพื่อนๆ เคยไหม เวลาดูอนิเมะแล้วประทับใจ จนอยากไปตามรอยในสถานที่จริง หรือลองทำกิจกรรมต่างๆ ที่ตัวละครในเรื่องทำดูสักครั้ง อย่างการไปถ่ายรูปที่สถานีติดทะเลต้นแบบฉากเรื่อง Slam Dunk เดินขึ้นบันไดแดงแถวศาลเจ้าสึกะที่ทาคิและมิสึฮะเดินสวนกันในเรื่อง Kimi no Nawa หรือไปเดินเทศกาลหน้าร้อน ใส่ยูคาตะไปดูดอกไม้ไฟเหมือนในอนิเมะโชโจ
เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความฝันนั้น พอมีโอกาสได้มาเรียนภาษาที่เกียวโต ฝันของเราก็เป็นจริง
พอพูดถึงเกียวโต ภาพแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึงคงเป็นวัด ศาลเจ้า และย่านเมืองเก่า แต่จริงๆ แล้วเกียวโตยังมีสถานที่มากมายที่เป็นฉากต้นแบบของอนิเมะ แถมยังมีกิจกรรมตามฤดูกาลให้ทำตลอดปีอีกด้วย ในช่วงที่มาเรียนภาษา เราได้ลองทำกิจกรรมที่ตัวละครในอนิเมะทำ ไปตามรอยสถานที่ต้นแบบของอนิเมะหลายเรื่อง เป็นหนึ่งในความประทับใจในการมาเรียนภาษาที่เกียวโตเลย
(บทความนี้เปิดเผยฉากสำคัญของแอนิเมชัน)
เดินไปโรงเรียนท่ามกลางซากุระโปรยปราย
ฤดูใบไม้ผลิถือเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้นสำหรับคนญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นช่วงเริ่มปีการศึกษาใหม่ของนักเรียน ยังเป็นช่วงเริ่มงานของคนวัยทำงานด้วย อนิเมะที่บอกเล่าเรื่องราวในรั้วโรงเรียนหลายเรื่องเลยเริ่มต้นด้วยการเปิดภาคเรียนท่ามกลางซากุระผลิบาน เราในฐานะนักเรียนภาษาก็ได้สัมผัสประสบการณ์นี้เหมือนกัน ในช่วงเปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิต้นเดือนเมษายน เราเดินออกจากบ้านไปโรงเรียน ระหว่างทางมีบ้านและโรงเรียนอนุบาลที่ปลูกต้นซากุระไว้ พอลมพัด ดอกซากุระก็จะปลิวไปตามลม และพอก้มลงมองที่พื้น ก็จะเห็นดอกซากุระที่โปรยปรายลงมาปกคลุมพื้นเหมือนพรมสีชมพู เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจมากๆ
เดินขึ้นบันไดของมหาวิทยาลัยศิลปะเกียวโตที่เป็นฉากในเพลงเปิดของเรื่อง K-On!
และแล้วก็มาถึงโรงเรียน โรงเรียนภาษาที่เรามาเรียนคือ 京都文化日本語学校 (Kyoto Institute of Culture and Language) โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ในแคมปัสของมหาวิทยาลัยศิลปะเกียวโตหรือ Kyoto University of the Arts ซึ่ง บันไดทางขึ้นหน้ามหาลัยเป็นฉากในเพลงเปิดของอนิเมะเรื่อง K-On! นี่เอง นอกจากนี้บริเวณรอบๆ โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น สถานีรถไฟของรถไฟสาย Eizan, แม่น้ำคาโมะบริเวณย่านเดมาจิยานางิ หรือถนนหนทางต่างๆ ก็เป็นฉากต้นแบบในอนิเมะเหมือนกัน ถ้าชอบ K-On! แล้วมาเรียนที่นี่ละก็จะได้ตามรอยอนิเมะเรื่องนี้ทุกวันเลย
รวมตัวกับเพื่อนไปแสดงดนตรีในงานของชมรม Light Music
นอกจากจะได้ตามรอยสถานที่ต้นแบบของอนิเมะเรื่อง K-On! ที่มหาวิทยาลัยที่โรงเรียนภาษาของเราสังกัดอยู่แล้ว เรายังได้ทำกิจกรรมเหมือนตัวละครใน K-On! ด้วย ในช่วงฤดูหนาว เรารวมตัวกับเพื่อนๆ ในห้องไป เข้าร่วมกิจกรรมแสดงดนตรีของชมรม Light Music (軽音部) ของทาง Kyoto University of the Arts โดยทางชมรมเปิดให้นักเรียนโรงเรียนภาษาเข้าร่วมด้วย ในช่วงนั้นเราได้เข้าไปซ้อมดนตรีที่สตูดิโอที่อยู่ใกล้ๆ โรงเรียน และไปแสดงดนตรีในหอประชุมให้คนในชมรมดู การได้เล่นดนตรีร่วมกับเพื่อนๆ ทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งการเข้าร่วมกิจกรรมชมรมในมหาลัยญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับเราเลย
เชียร์และเล่นกีฬาในโรงยิมเหมือนในการ์ตูน
นอกจากดนตรีแล้วก็ยังมีกีฬา ! ในอนิเมะแนวกีฬาหลายเรื่อง สถานที่ที่เป็นฉากสำคัญคือโรงยิมของโรงเรียน บรรดาตัวละครได้ทำความรู้จัก ฝึกซ้อม พยายามสุดกำลังเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่นี่ โรงยิมเลยเป็นสถานที่ที่คนรักอนิเมะแนวกีฬาต้องอยากมาสักครั้งแน่นอน
ทุกเทอมฤดูใบไม้ร่วง โรงเรียนภาษาของเราจะจัดงานแข่งกีฬา โดยจะแบ่งนักเรียนออกเป็น 4 สี เข้าไปแข่งกีฬาในโรงยิมของมหาลัย มีกีฬาสนุกๆ ให้เลือกเข้าร่วมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบาสเกตบอล, การแข่งนอนต่อตัวเป็นคันจิ, แข่งหาของตามโจทย์ที่ได้รับ, โยนบอลใส่ห่วง และก่อนถึงวันกีฬาสี ก็มีการคัดเลือกผู้นำเชียร์ และซ้อมเชียร์กันก่อนด้วย เรียกว่าได้สัมผัสกับงานกีฬาสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เลย
ไปเที่ยววัดคิโยมิสึในฤดูใบไม้ร่วงเหมือนใน Conan
เกียวโตเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น แต่สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าคือ เราสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีไปพร้อมๆ กับตามรอยอนิเมะที่นี่ได้ด้วย พอถึงช่วงต้นเดือนธันวาคม หลังสอบเสร็จ เรากับเพื่อนๆ เลือกไป ชมใบไม้แดงที่วัดคิโยมิสึ ที่นี่เป็นหนึ่งในฉากสำคัญในเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เป็นสถานที่ที่ชินอิจิ รันและเพื่อนๆ ไปทัศนศึกษากัน ภาพใบไม้แดงละลานตาที่มองจากระเบียงวัดสวยและโรแมนติกมากๆ สมเป็นสถานที่ที่รันตอบกลับคำสารภาพรักกับชินอิจิเลย
กระโดดไปบนหินเต่าที่ Kamogawa Delta ฉากสำคัญใน Tamako Love Story
ถ้าเพื่อนๆ ได้ดูอนิเมะเรื่อง Tamako Love Story ก็คงจำฉากที่โมจิโซสารภาพรักกับทามาโกะ ตอนที่ทั้งคู่กระโดดไปบนหินเต่าข้ามแม่น้ำระหว่างทางกลับบ้านได้ ร้านโมจิของบ้านคิตะชิราคาวะและโอจิตั้งอยู่ในย่านการค้าที่มีแรงบันดาลใจมาจากย่านการค้ามะสึนางะ (Masugata Shotengai) ซึ่งอยู่ใกล้กับสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่เรียกว่า Kamogawa Delta บริเวณนี้เองที่เป็น สถานที่ต้นแบบของแม่น้ำที่โมจิโซสารภาพรักกับทามาโกะ เพราะหอพักของเราอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้ เราเลยได้มานั่งพักผ่อนชมวิว กระโดดไปบนหินเต่าข้ามแม่น้ำบ่อยๆ แถมยังได้ไปซื้อโมจิจากย่านการค้าใกล้ๆ ที่เป็นต้นแบบของย่านการค้าในอนิเมชันมาทานด้วย เหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนเดียวกับพวกทามาโกะจริงๆ เลย
ใส่ยูคาตะไปเล่นไฟเย็นเหมือนใน Natsume Yuujinchou
ช่วงหน้าร้อน เกียวโตจะคึกคักไปด้วยบรรยากาศของงานเทศกาล นอกจากเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่อย่างเทศกาลกิอง ก็มีเทศกาลของศาลเจ้าอื่นๆ ด้วย ในช่วงเวลานี้ผู้คนในเมืองจะใส่ยูคาตะไปเดินยะไต เล่นไฟเย็น และดูดอกไม้ไฟกัน ในอนิเมะเรื่อง Natsume Yuujinchou เองก็มีฉากหลังเป็นบรรยากาศหน้าร้อนหลายตอน รวมทั้งเพลงปิดของซีซัน 3 ด้วย ภาพของนัตซึเมะที่เล่นไฟเย็นกับคุณชิเงรุและคุณโทโกะดูอบอุ่นใจ และทำให้เราอยากลองเล่นไฟเย็นที่ญี่ปุ่นสักครั้ง พอเข้าหน้าร้อน ในช่วงที่ศาลเจ้าชิโมะงาโมะจัดเทศกาลมิตาราชิ เราก็ได้ใส่ยูคาตะไปเล่นไฟเย็นกับเพื่อนๆ ริมแม่น้ำคาโมะ ตอนที่ล้อมวงกันแล้วฟังมองไฟดวงเล็กๆ สว่างขึ้นและมอดดับ เป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นใจเหมือนตอนที่ดูนัตซึเมะเลย
เก็บลูกโอ๊คและเดินเข้าไปในป่าทึบเหมือนใน Tonari no Totoro
ถ้าเพื่อนๆ ได้ดู Tonari no Totoro แอนิเมชันจากสตูดิโอจิบลิ ก็คงจำบรรยากาศชนบทญี่ปุ่นหลังสงครามโลกที่ธรรมชาติยังคงรุ่มรวย แวดล้อมไปด้วยภูเขา ป่า และทุ่งนา รวมทั้งฉากที่โทโทโร่มอบลูกโอ๊คให้กับเด็กๆ ที่ป้ายรถเมล์ ที่ต่อมาลูกโอ๊คนั้นเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ภายในคืนเดียวด้วยพลังของโทโทโร่ได้ เพราะ หอพักของเราอยู่ใกล้ภูเขามากๆ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่เพิ่งมาถึงเกียวโต เราเลยขึ้นไปเดินเล่นสำรวจภูเขาอยู่บ่อยๆ บนภูเขามีป่าทึบบรรยากาศลึกลับ ที่เข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง แถมยังมีลูกโอ๊คหล่นอยู่ตามรายทาง ชวนให้คิดว่าหรือเราเข้ามาอยู่ในโลกของโทโทโร่แล้วหรือเปล่านะ
ฟังดนตรีริมแม่น้ำเหมือนใน Hibike! Euphonium
ในอนิเมชันเรื่อง Hibike! Euphonium ที่มีฉากต้นแบบอยู่ในเมืองอุจิ เกียวโต สถานที่ประจำที่คุมิโกะ ตัวเอกของเรื่องมาซ้อมดนตรีคือริมแม่น้ำ ถึงเราจะไม่ได้อยู่ในอุจิ แต่ในวันที่อากาศดี เราเองก็ชอบไปนั่งเล่นริมแม่น้ำ และหลายๆ ครั้งก็จะได้ยินเสียงซ้อมดนตรีมาจากที่ใกล้ๆ และที่ไกลๆ บางครั้งก็เป็นกีต้าร์ บางครั้งก็เป็นดนตรีไอริช และบางครั้งก็เป็นเด็กนักเรียนจากชมรมดุริยางค์ เป็นบรรยากาศที่ชวนให้ผ่อนคลายเหมือนที่เคยเห็นจากอนิเมะเลย
มองผิวเผิน อนิเมะดูจะเป็นแค่ความชอบส่วนตัวที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่ความชอบนี้…ก็พาเรามารู้จักประเทศญี่ปุ่น
เราเริ่มสนใจวัฒนธรรมและอยากเรียนภาษา จนกระทั่งพาเราข้ามน้ำข้ามทะเลมาใช้ชีวิตต่างประเทศ หนึ่งปีนี้เราได้รู้จักผู้คนมากมาย ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิม ทำให้เราค้นพบความสนใจใหม่ๆ และเส้นทางเดินของชีวิตต่อจากนี้
อยากฝากถึงคนที่รักอนิเมะและอยากมาญี่ปุ่นว่า ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นของเราอาจจะไม่ใช่เป้าหมายใหญ่ๆ เป็นแค่ความชอบเล็กๆ ส่วนตัว แต่ความชอบนั้นอาจจะนำพาเรา ไปเจอเส้นทางที่ใช่สำหรับเราในอนาคตก็ได้
บทความโดย ยิ้ม–นักเรียนเจ๊เอ๊ด
หลักสูตรภาษาระยะยาวที่ญี่ปุ่น ( 1 ปี 6 เดือน )
สถาบัน Kyoto Institute of Culture and Language
เครดิต Anime ที่ได้มีการกล่าวถึงในบทความนี้
- K-On! © Kakifly / Houbunsha・Kyoto Animation
- Detective Conan (名探偵コナン) © Gosho Aoyama / Shogakukan・Yomiuri TV・TMS Entertainment
- Tamako Love Story © Kyoto Animation
- Natsume Yuujinchou (夏目友人帳) © Yuki Midorikawa / Hakusensha・Natsume Yuujinchou Project
- Tonari no Totoro (となりのトトロ / My Neighbor Totoro) © 1988 Studio Ghibli・Hayao Miyazaki
- Hibike! Euphonium (響け!ユーフォニアム) © Ayano Takeda / Takarajimasha・Kyoto Animation
- Slam Dunk © Takehiko Inoue / Shueisha・Toei Animation
- Kimi no Na wa (君の名は。/ Your Name.) © 2016 CoMix Wave Films
ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น
email : ask@jeducation.com
Upcoming event!!
「เปิดโลกเรียนภาษาที่เกียวโต」- Kyoto Senpai ครั้งที่ 12
ฟังประสบการณ์ตรงจากรุ่นพี่ KICL เกียวโต เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม