บทสัมภาษณ์ ช้าง หนุ่มสถาปัตย์ จุฬาฯ กับเทคนิคการเรียนภาษาญี่ปุ่น และเทคนิคการจำคันจิระดับ คันจิ แชมเปี้ยน!
คุณสุวริทธ์ ประภัทรวิมล (ช้าง)
ไปเรียนต่อญี่ปุ่นกับเจเอ็ดดูเคชั่น เดือนเมษายน ปี2005
การศึกษา | ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
การศึกษาที่ญี่ปุ่น |
|
การทำงาน | BIM Architect, Engineering Department, Thai Shimizu Co., Ltd. |
เพจ บล็อก |
เพจมินนะโนะคันจิ.com https://www.minnanokanji.com/ |
การเรียนภาษาญี่ปุ่นและการเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
-
เด็กสถาปัตย์ อยู่ดีๆ คิดยังไง ทำไมเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นคะ
จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไหร่นะครับ ผมชอบประเทศญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น ผ่านการ์ตูนมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ อยากเรียนมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย กว่าจะได้เรียนจริงๆ ก็สมัยมหาวิทยาลัยปี 4 จนถึงช่วงทำงานแรกๆ ผมเรียนภาษาญี่ปุ่นชั้นต้นและชั้นกลางที่ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น (สสท.) และเจแปนฟาวเดชั่น
-
แล้วทำไมถึงไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นคะ
คือเรียนภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทยมาประมาณ 3-4 ปี ก็ได้เรื่องคำศัพท์ ไวยากรณ์ระดับนึง สอบวัดระดับพอได้ (สมัยนั้นเป็นระบบเก่า คิดเฉพาะคะแนนรวมว่าผ่านหรือตก ผมก็ทำพาร์ทคำศัพท์, ไวยากรณ์เยอะๆ เพื่อไปถ่วงน้ำหนักกับพาร์ทฟังที่ทำแทบไม่ได้เลย) แต่เรียนเมืองไทยไม่ได้ใช้จริง เลยอยากไปฝึกทักษะฟัง+พูดเพิ่ม ให้ใช้งานได้จริงๆ ก็เลยขอ (ตังค์) แม่ไปเรียนครับ
![](https://jeducation.com/main/wp-content/uploads/2015/10/cbc_chang8.jpg)
-
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่น
แน่นอนว่า สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวจะช่วย (และกดดัน) ให้เราเพิ่มทักษะฟังพูดอ่านเขียนในเวลาเดียวกัน ทั้งการเรียนจากอาจารย์ในห้อง เพื่อนต่างชาติ เช่น คนเกาหลี, คนจีน ที่จะไปได้เร็วกว่า การทดสอบคันจิและทดสอบย่อยทุกสัปดาห์ รวมถึงสภาพแวดล้อมต่างๆ และสื่อต่างๆ ในเมือง ป้ายสัญลักษณ์, ประกาศ, ร้านค้า, สถานี, รายการโทรทัศน์ ที่จะช่วยให้เราพัฒนาได้เร็วขึ้นกว่าอยู่เมืองไทยครับ
-
หลังจากที่เรียนภาษาจบแล้ว ทำไมถึงเรียนต่อเซนมงกักโคล่ะคะ (วิทยาลัยหลักสูตรวิชาชีพ)
ผมเรียนหลักสูตร 1 ปี จบภาษาญี่ปุ่นชั้นสูงเดือนเม.ย.พอดี ซึ่งเป็นช่วงเปิดการศึกษาใหม่ (จะเรียนอีกปีก็รู้สึกมากเกินไป) ก็เลยมองๆ หาหลักสูตรอะไรเรียนต่อเพื่อเพิ่มทักษะภาษาญี่ปุ่นด้วย ตอนนั้นไม่ได้มองสายสถาปัตย์ที่จบมาโดยตรง อาจเพราะตัวเองไม่ได้ชอบดีไซน์ขนาดนั้น ถ้าจะเรียนพวกเทคโนโลยีอาคารอะไร กลับมาทำงานออฟฟิศสถาปนิก (มองแบบแคบๆ) ก็ไม่ได้ใช้งานอะไรอยู่ดี เพราะเน้นประสบการณ์มากกว่า เลยลองดูพวกหลักสูตรของเซมมงกักโค ตอนแรกก็เลือกเรียนพวก Graphic (Editorial) แต่พอเรียนไปปีนึง รู้สึกว่าคล้ายความรู้เดิมด้านดีไซน์ที่เคยเรียนมา ก็เลยเปลี่ยนมาเรียน Web Programming ซึ่งมีความสนใจอยู่เหมือนกันครับ
![](https://jeducation.com/main/wp-content/uploads/2015/10/cbc_chang10.jpg)
-
การเรียนหลักสูตรวิชาชีพที่ญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้างคะ
หลักสูตรวิชาชีพ ถ้าเทียบก็คือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ความเข้มข้นก็จะน้อยกว่าการเรียนป.ตรี 4 ปี (เด็กญี่ปุ่นที่เรียนต่อก็คือจบม.ปลาย หรืออาจมีส่วนนึงเหมือนกันที่จบมหาวิทยาลัยแล้วอยากเปลี่ยนสายงานก็เลยมาเรียน) ส่วนใหญ่จะเป็นด้านที่ใช้ทักษะเฉพาะทาง เช่น กราฟฟิค, ดนตรี, ภาพยนตร์, มังกะ, อนิเมะ, ไอที
ถ้าจะแนะนำสำหรับคนที่จบป.ตรีแล้วก็คือ ไม่ควรเลือกสายเดิมที่เคยเรียนมา เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่จะเหมือนกัน (เช่น จบทางสายอาร์ตมา เรียนต่อกราฟฟิค) ส่วนตัวคิดว่า สำหรับคนที่ชอบสาขาที่โดดเด่นหรือเฉพาะทางที่ญี่ปุ่น อย่างพวกอนิเมะ, มังกะ ก็น่าสนใจทีเดียวครับ
-
การใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้างคะ เห็นว่าไปทำงานพิเศษเขียนโปรแกรมในบริษัทมาด้วย ตอนนั้นหางานได้ยังไงคะ
การใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น อย่างที่ทุกคนรู้ ค่าครองชีพแพงกว่าเมืองไทยมากครับ สมัยนั้นผมคิดว่า ซัก 6 เท่าได้ การรับเงินจากทางบ้าน แค่ค่าเรียน, ค่าหอพัก ปีๆ นึงก็ค่อนข้างสูงมากอยู่แล้ว ก็คิดไว้ว่ายังไงก็ต้องทำงานพิเศษไปด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระ อย่างน้อยก็เป็นค่ากิน ค่าเดินทางในแต่ละเดือน
สองงานแรกที่ทำ ก็เป็นงานร้านอาหารไทย (เสิร์ฟ/ล้างจาน) ส่วนใหญ่รุ่นพี่, เพื่อนก็จะแนะนำต่อๆ กันมาครับ เราจะคุ้นเคยอยู่แล้ว และคุยกับพี่ๆ คนไทยได้เป็นกันเอง แถมยังมีอาหารไทยทานฟรีอีกตังหาก หลังจากนั้นประมาณปีที่ 3 ผมก็ลองหางานใหม่จากในเน็ต เป็นงานทำเว็บดีไซน์ในบริษัทจัดหาสตาฟต่างชาติ (เป็นของคนเกาหลี) ก็ทำมาจนถึงก่อนกลับเมืองไทย เงินก็อาจไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่ก็เปลี่ยนจากใช้แรง มาใช้ทักษะบ้างอะไรบ้าง
![](https://jeducation.com/main/wp-content/uploads/2015/10/cbc_chang9.jpg)
-
สิ่งที่ไปเรียนที่ญี่ปุนได้นำกลับมาปรับใช้กับการทำงานอย่างไรได้บ้างคะ
ปัจจุบัน ผมเพิ่งย้ายมาทำบริษัทไทยชิมิสึ เป็นบริษัทลูกของ Shimizu Corporation ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น (แต่ในไทยขนาดยังไม่ใหญ่เท่าไหร่) ตำแหน่งสถาปนิก แต่ไม่ได้ทำงานออกแบบ ทำเกี่ยวกับการนำ BIM (Building Information Modelling) มาใช้ในงานก่อสร้าง แทนระบบ CAD ในปัจจุบัน ที่นี่จริงๆ เขาใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลัก
แต่ถ้าคนที่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็อาจจะสื่อสารได้เข้าใจมากกว่า รวมถึงเข้าใจนิสัยใจคอ วัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นได้มากกว่า รู้ว่าอะไรควรทำ หรือต้องทำ เช่น คนญี่ปุ่นจะไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน คำตอบจะต้องตอบให้ได้ว่า Yes หรือ No, อะไรคือปัญหา อะไรคือสาเหตุ เป็นต้น
![ช้าง คันจิ สอบN2 คะแนนเต็ม](https://jeducation.com/main/wp-content/uploads/2015/10/chang.jpg)
เพจมินนะ โนะ คันจิ
-
ทำไมถึงคิดทำเพจและเว็บมินนะ โนะ คันจิขึ้นมาคะ
สมัยนี้ส่วนใหญ่อาจจะอยากทำเพจในเฟสบุ้คขึ้นมา ก็แค่แป๊บเดียว แต่ตอนปี 2008 ผมเริ่มจากทำเว็บไซต์มินนะ โนะ คันจิ ขึ้นมาก่อนครับ จุดประสงค์คือ ทดลองเขียนเว็บโปรแกรมมิ่งที่เรียนมา กับชอบคันจิอยู่แล้ว ก็เลยเอามารวมเป็นเว็บดาต้าเบสคันจิภาษาไทย ให้คนไทยได้เรียนคันจิด้วยตนเองได้ คำว่าดาต้าเบสแต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นพจนานุกรม คือแค่มีการบอกความหมายของคันจิ การนำไปประสมคำ เสียงอ่านต่างๆ เบื้องต้น เอาไว้เรียนรู้ในแต่ละระดับที่เหมาะสมกับเรา เช่น N5, N4 ส่วนเพจในเฟสบุ้คก็คือตามมา สำหรับสื่อสารสองทางกับผู้ใช้ หรือโพสต์ความรู้อะไรต่างๆ เกี่ยวกับคันจิครับ
-
เด็กไทยส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าคันจิมันยาก โดยเฉพาะเด็กไทยที่เรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น แล้วเจอคนจีนที่รู้คันจิ จะทำให้เกิดอาการท้อถอย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ช้างคิดว่ายังไง เคยมีความรู้สึกแบบนั้นไหม
การไปเทียบความรู้คันจิกับคนจีน หรือเทียบไวยากรณ์กับคนเกาหลี แน่นอนว่า เราย่อมแพ้เขาอยู่แล้ว (ลองมาเรียนภาษาลาวแข่งกับคนไทยสิ) ทางที่ดีคือ การแข่งกับตัวเองจะดีกว่า จริงๆ แล้วถามว่าคันจิยากหรือง่าย ต้องบอกว่าเราเรียนภาษาญี่ปุ่น จะเข้าใจคำศัพท์หรือการอ่าน (หรือแม้แต่การฟัง) ได้อย่างไร คำตอบคือยังไงเราก็ต้องรู้คันจิตามระดับนั้นๆ ให้ได้
ผมจะบอกความลับการเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ รู้แล้วอย่าบอกเพื่อน (ยังกับไม่มีคนรู้-จริงๆ ทุกคนรู้อยู่แล้ว) การที่เรารู้คันจิ เราจะเข้าใจศัพท์คำประสมได้จำนวนมาก นั่นคือเราเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่า ที่ถามว่ารู้สึกท้อถอยไหม พอดีผมชอบคันจิอยู่แล้ว ก็เลยไม่เคยรู้สึกอะไร อยากจะรู้มากขึ้นๆ ไปด้วยซ้ำ :D
-
จะทำยังไงให้เก่งคันจิ จำคันจิได้ มีเทคนิคยังไงบ้าง
ผมก็ยังไม่เก่งคันจิขนาดนั้นนะครับ ยังมีที่เรียนแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใช้ ก็ลืมไปอยู่เยอะ แต่ถ้าจะแนะนำวิธีเรียนคันจิที่ผมเคยใช้ ก็จะแบ่งเป็นสองช่วง ก็คือชั้นต้น ประมาณ N5, N4 อันนี้คือหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะฝึกเขียนบ่อยๆ เรียนรู้ความหมายพื้นฐานคันจิแต่ละตัว, รวมถึงความหมายของบุชุ ( ส่วนประกอบของอักษรคันจิ ) เพื่อเราจะได้ประสมคำศัพท์ได้เข้าใจ
ทีนี้พอระดับกลาง N3, N2 เราจะเริ่มสังเกตเห็นความสัมพันธ์ของคันจิแต่ละตัว เสียงอ่านที่เริ่มซ้ำ, ส่วนประกอบที่เริ่มซ้ำ เราควรทำความเข้าใจคันจิประเภทที่ประกอบด้วยส่วนประกอบของความหมายและเสียง เทคนิคนี้จะช่วยให้เรียนรู้คันจิได้ถึง 70-80% เลยทีเดียว ซึ่งหลายคนไม่ทันสังเกต หรือไม่เคยเรียนในห้อง ก็จะคิดว่า คันจิเป็นพันตัวในระดับกลางนี้ จะท่องจำได้อย่างไร
การเรียนคันจิไปประสมเป็นศัพท์ หรือการท่องศัพท์แล้วกลับมาเป็นคันจิที่เรารู้จักกลับไป-มา ก็จะช่วยให้ระบบความรู้สัมพันธ์กันมากกว่าที่จะท่องเป็นตัวเดี่ยวๆ ด้วยครับ
-
มาถึงตอนนี้ คิดยังไงกับการไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น การไปเรียนที่ญี่ปุ่นให้อะไรกับตัวเองบ้าง
บอกได้เลยว่า ช่วงที่ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลยครับ เริ่มจากที่เราชอบประเทศญี่ปุ่น ชอบภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว พอได้ไปอยู่จริงๆ มันคือใช่ บ้านเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนที่มีวินัย การเดินทางที่สะดวก สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไป (ถึงแม้ไม่ได้มีเงินเหลือได้ไปบ่อยๆ) ทุกอย่างคือที่เราอยากไปพบ ไปเจอ ไปอยู่มาตลอด แถมได้แฟนคนแรกและคนเดียวกลับมาอีก (ฮิ้วว) คุ้มมากๆ ยกเว้นอย่างเดียว คือไม่ได้ทำงานประจำ ที่เค้าว่ากันว่า จริงจังและซีเรียสมาก
บอกได้เลยว่า ช่วงที่ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลยครับ
-
ถ้ามีคนรู้จักอยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น คิดว่าอยากจะแนะนำเค้าว่ายังไง
ถ้าเจ้าตัวอยากไปเองอยู่แล้ว ไม่ใช่โดนพ่อแม่หรือใครบังคับ ขอให้ไปเลยทันที โดยเฉพาะเรื่องภาษาญี่ปุ่น ถ้าเป็นคนที่ชอบอยู่แล้ว เราจะไม่คิดว่าเป็นอุปสรรคหรืออะไรเลย ยิ่งมีเรื่องที่เราไม่รู้ คำศัพท์ที่ไม่เข้าใจ คันจิใหม่ๆ เรายิ่งอยากจะเข้าใจมันให้ได้ หลายคนบอกว่าภาษาญี่ปุ่นยาก ถ้าเราชอบแล้ว ยากแค่ไหนเราก็อยากฟังพูดอ่านเขียนให้ได้
![ช้าง มินนะ โนะ คันจิ จบการศึกษา](https://jeducation.com/main/wp-content/uploads/2015/10/cbc_chang6.jpg)
เอ้า… ปิดท้ายบทสัมภาษณ์ตอนนี้
ใครอยากเก่งคันจิแบบพี่ช้าง คลิกไปอ่านที่ เพจ หรือ เว็บไซท์ มินนะโนะคันจิ กันเลยนะคะ
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น ไม่มีค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น
ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียน
โทร. 02-2677726
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> http://bit.ly/jed-line