ญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์มากมาย หลากหลายประเภทค่ะ
สำหรับคนที่ชอบศิลปะไม่ว่าจะเป็นแขนงใด มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่น่าสนใจมากมายให้ไปเยือน
Miho Museum ミホ・ミュージアム
พิพิธภัณฑ์มิโฮะ เป็นหนึ่งในรายการ wish list ที่เจ๊เล็งไว้ว่าต้องไปเยือนสักครั้ง ด้วยความที่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางป่า ที่สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความสมดุลย์และกลมกลืนกับธรรมชาติ ท่ามกลางขุนเขาและป่าไม้รายล้อม พร้อม concept ที่ว่า
“ ธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และผลงานศิลปะ”
“ ดั้งเดิมและร่วมสมัย”
“ ตะวันตกและตะวันออก”
แถมสถาปนิกที่ออกแบบคือ I.M. Pei ชาวอเมริกัน-จีน ผู้ออกแบบพิระมิดแก้วหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีส และเป็นหนึ่งในสถาปนิกระดับแนวหน้าของโลกที่เคยได้รับรางวัลพริตซ์เกอร์ ซึ่งเปรียบเสมือนโนเบลของวงการสถาปัตยกรรมโลก
เจ๊เลือกเวลาที่จะไปเยือนพิพิธภัณฑ์มิโฮะ ช่วงกลางเดือนเมษายนหลังสงกรานต์ เนื่องจากซากุระที่พิพิธภัณฑ์เป็นซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่ชื่อว่า ชิดาเระซากุระ ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลสถิติการบานของซากุระได้ล่วงหน้า ที่หน้าเว็บไซท์ของพิพิธภัณฑ์ จะมีอัพเดทให้ทราบทุกปี
Miho Museum ตั้งอยู่ที่เมือง Shigaraki จ. Shiga พูดถึงจ.ชิกะ เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าจังหวัดนี้มีอะไร อยู่ที่ไหน จังหวัดชิกะอยู่ติดกับเกียวโต เป็นที่ตั้งของทะเลสาบบิวะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นค่ะ ( ช่วยอะไรไหมคะเนี่ย? )
การเดินทางสามารถไปได้ด้วยรถประจำทางค่ะ (อธิบายไว้ด้านล่าง ) แต่เจ๊ขับรถไปจากเมือง Kusatsu ในจ.ชิกะ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ
ก่อนอื่น ซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ คนละ 1,100 เยนที่อาคารด้านหน้า ส่วนการจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์จะต้องลอดผ่านอุโมงค์ ซึ่งสามารถเดินหรือนั่งรถกอล์ฟเข้าไปค่ะ
ทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์สองข้างทาง เรียงรายไปด้วยต้นซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่ชื่อว่าชิดาเระซากุระ (しだれ桜 : shidarezakura ) ให้ถ่ายรูปกันอย่างหนำใจ
เดินมาจนสุดเส้นทางสายซากุระ จะได้พบกับอุโมงค์ดำทมึนขนาดใหญ่ และที่เป็นไฮไลต์ของทริปครั้งนี้ก็คือ เดินเข้าไปในอุโมงค์แล้วหันกลับมา จะได้ภาพซากุระในอีกมุมที่สวยต่างจากภาพที่คุ้นตา
ตอนที่คุณ I.M.Pei สถาปนิกผู้ออกแบบ เดินทางมาดูสถานที่ก่อสร้างครั้งแรก เค้านึกถึงบทกวีจีนชื่อว่า “ธารดอกท้อ” (桃花源 : The Peach Blossom Spring ) ของกวีเอกเถาหยวนหมิง เป็นเรื่องของชาวประมงที่ล่องเรือไปตามลำธาร แล้วบังเอิญหลุดเข้าไปพบกับแดนดอกท้อ ดินแดนลับแลที่ตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นเมืองในอุดมคติหรือ Utopia ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสงบสุข
การออกแบบพิพิธภัณฑ์มิโฮะ ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีนี้ล่ะค่ะ
การเข้าสู่พิพิธภัณฑ์มิโฮะ ที่จะต้องผ่านแนวดอกไม้ที่สวยงาม ( แม้จะเป็นซากุระไม่ใช่ดอกท้อ) อุโมงค์ที่ตัดลอดภูเขา และสะพานยาวข้ามหุบเหว จึงเปรียบเสมือนการเดินทางที่จะข้ามผ่านไปยังดินแดนแห่งความสงบสุข
ระหว่างทางเดินในอุโมงค์ที่มีแสงสว่างรอคอยอยู่ข้างหน้า ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินไปสู่อีกโลกหนึ่งจริงๆค่ะ
เมื่อหลุดพ้นออกมา จะได้พบกับตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอย่างสวยงาม 80 % ของพิพิธภัณฑ์สร้างอยู่ใต้ดินค่ะ เมื่อเดินผ่านประตูวงกลมที่มีนามว่าประตูจันทรา The Moon Gate เข้ามา ก็ตะลึงงันกับภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า ประกอบกับแสงสว่างตามธรรมชาติที่ส่องลอดลงมา
อืมม์… เจ๊ก็ไม่ใช่มนุษย์ประเภทที่ดื่มด่ำศิลปะอย่างลึกซึ้งหรือเชี่ยวชาญงานศิลป์ใดๆ นะคะ ได้แต่นึกในใจอย่างเดียวว่า พิพิธภัณฑ์อะไรเนี่ย สวยไปโหม้ดดด ร้านอาหารก็ใช้วัตถุดิบที่เป็นออแกนิกส์ นั่งทานข้าวหรือจิบกาแฟชิวๆ ชมทิวทัศน์ป่าเขาด้านนอก
สำหรับงานศิลปะถาวรที่มีมากกว่า 2000 ชิ้น ซึ่งจัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ เป็นผลงานศิลปะที่มีคุณค่าจากหลากหลายแห่งทั่วโลก เช่น อารยธรรมอียิปต์ กรีก โรมัน จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์มิโฮะสร้างขึ้นโดยคุณ Mihoko Koyama หนึ่งในมหาเศรษฐีของญี่ปุ่น และเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิ Shinji Shumeikai เนื่องจากเป็นพื้นที่ในภูเขา ท่ามกลางธรรมชาติ ตั้งแต่ริเริ่มโครงการ ต้องผ่านการขออนุญาตอย่างเคร่งครัด ที่จะไม่ก่อให้เกิดการทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ ประกอบกับการก่อสร้างที่ยากลำบาก ทำให้กว่าจะสร้างเสร็จต้องใช้เวลากว่า 7 ปี
ในฤดูใบไม้ร่วง ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้คนนิยมไปเยือนกันค่ะ แต่ไม่ว่าจะฤดูไหน Miho Museum มีความงดงาม เปี่ยมด้วยเสน่ห์และความน่าทึ่งที่ควรค่าแก่การไปเยือนอย่างมากๆค่ะ
การเดินทาง
จากสถานีเกียวโต นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Ishiyama จากนั้นต่อรถประจำทาง ไปลงที่พิพิธภัณฑ์ใช้เวลาบนรถประจำทางประมาณ 50 นาที
พิพิธภัณฑ์จะปิดในฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคมนะคะ
Credit
https://miho.jp/
https://www.archdaily.com/photographer/miho-museum
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น
ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-665-2969, 02-258-3983
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line