Yama Girl ไป เดินป่าปีนเขา สไตล์สาวญี่ปุ่น
แม้จะเป็นประเทศเกาะที่มีทะเลล้อมรอบ แต่คนญี่ปุ่นชอบ เดินป่าปีนเขา กันมากกว่าคนไทยเรามาก อาจจะเพราะภูมิประเทศที่มีแต่ภูเขาถึง 70% ของพื้นที่ทั้งหมด อีกทั้งป่าเขาได้รับการอนุรักษ์ ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีความสวยงามที่แตกต่างกันไปในทุกฤดู
โดยเฉพาะเดือนตุลาคม เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง 秋 : aki ก็หมายความว่าได้เวลาแห่งการชม ใบไม้เปลี่ยนสี ( 紅葉 : kouyou ) กันแล้วค่ะ
หนึ่งในการไปชมใบไม้แดงอย่างสุนทรีย์แบบคนญี่ปุ่น คือต้องไปชื่นชมความงามของธรรมชาติกันกลางป่าเขา ไม่ใช่แค่ไปเดินๆ เล่นๆ ขึ้นเคเบิลคาร์ชมวิว ถ่ายรูปแล้วกลับบ้าน แต่เป็นการไปเดินเขากันอย่างจริงจัง แค่แบบสั้นๆ ไปเช้าเย็นกลับ พี่แกก็เดินขึ้นเขาลงห้วยกันหลายกิโลแล้ว
เดินป่าปีนเขา สไตล์สาวญี่ปุ่น เป็นยังไง ?
ในส่วนของสาวๆ ญี่ปุ่น การไปเดินป่าปีนเขานั้นก็เป็นที่นิยมเช่นกัน และยิ่งมาบูมมากตั้งแต่ช่วงประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว มีทัวร์เดินป่าที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ถึงกับมีคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาว่า 山ガール Yama girl ( ยามะแปลว่าภูเขา ) เป็นคำศัพท์ที่หมายถึงสาวๆ ที่ชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์อย่างการเดินป่า ปีนเขา และที่สำคัญคือการแต่งกายค่ะ
ยามะเกิร์ลตัวจริงเสียงจริง เสื้อผ้าหน้าผม พร้อมแอคเซสซารี่ทุกอย่าง ต้องเป๊ะ! จะมาเสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบเพลนๆ ไปเดินป่า ไม่ด้ายยยย
แล้ว ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เอาท์ดอร์ที่ญี่ปุ่น ก็ดั๊นมีมากมายค่ะ เท่าที่ลองเปรียบเทียบราคาดู ซื้อสินค้าเอาท์ดอร์ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยมากนักหรอกค่ะ เพราะเป็นสินค้านำเข้าจากยุโรปหรืออเมริกาก็ใช่น้อย เพียงแต่ว่ามันมีให้เลือกเยอะมากๆๆๆ เสื้อผ้า รองเท้า หลายแบบหลากสไตล์ จะแฟชั่นจ๋า กุ๊กกิ๊ก บึกบึน ฯลฯ มีให้เลือก mix and match ได้ตามใจชอบ
โดยเฉพาะแบรนด์อุปกรณ์ outdoor ของญี่ปุ่น ที่เจ๊ชอบมากเลย ก็คือ Montbell เป็นแบรนด์ที่ทำอุปกรณ์ outdoor ได้ครบถ้วน แต่หยิ่งมาก ไม่เคยเจอลดราคาซักทีค่ะ ได้แค่สะสมแต้มอย่างเดียว
แถมพนักงานในร้านเอาท์ดอร์เหล่านี้ เค้าจะคัดมาเป็นพิเศษ คือส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีงานอดิเรก มีความรัก ความหลงใหล กิจกรรมเอาท์ดอร์เป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว จึงมีความรู้และประสบการณ์ที่จะให้ข้อมูลและคำแนะนำแก่ลูกค้าได้อย่างเชี่ยวชาญ และมีความรู้ มีประสบการณ์จริงๆ ไม่ใช่แค่อ่านสรรพคุณจากแคตตาล็อกสินค้า
เราจะไปเดินป่า ปีนเขาที่ไหน ฤดูอะไร สามารถปรึกษาขอคำแนะนำจากพนักงานในร้านได้เลย พนักงานที่ตอบคำถามในบางสถานที่ไม่ได้ จะไปเรียกเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์ไปสถานที่นั้น มาอธิบายเป็นฉากๆ ( อธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ ) และแนะนำอุปกรณ์ที่จำเป็นได้อย่างน่าเชื่อถือมากๆๆ ค่ะ เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียให้ฟังอย่างชัดเจน เล่นเอาเคลิ้ม ควักเงินจ่ายไปแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
ว่าแล้ว ไปเลือกซื้อเครื่องแต่งกายสไตล์ยามะเกิร์ลกันค่ะ
เริ่มจากเสื้อผ้า ในการไปเดินป่าไม่ใช่ว่าจะใส่อะไรก็ได้นะคะ แต่จะต้องเลือกเสื้อผ้าที่มันสามารถสวมทับเป็นชั้นๆ หรือ ” レイヤー : เลเยอร์” ได้อย่างเหมาะสมกับฤดูกาล และสภาพอากาศ ตั้งแต่พื้นราบจนถึงเป้าหมายซึ่งแน่นอนว่าควรจะเป็นยอดเขา ( สูงหรือเตี้ยนั่นอีกเรื่องนึง)
อีกทั้งสภาพอากาศบนภูเขามีการแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยว ฝนตก แดดออก เอาแน่เอานอนไม่ได้ ตอนเดินก็ร้อน นั่งพักสักพักก็หนาว เดี๋ยวถอดเดี๋ยวใส่ ดูน่าหงุดหงิด แต่มันคือเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นตอนไปเดินป่า
เสื้อที่ต้องหลีกเลี่ยงเลยคือ “เสื้อที่ทำจากฝ้าย “
แม้ว่าจะนุ่มใส่สบาย แต่เสื้อผ้าฝ้ายดูดซับความชื้นมาก และใช้เวลานานกว่าจะแห้ง จะทำให้ไม่สบายเอาได้ง่ายๆ ผ้าฝ้ายจึงจะเหมาะกับกิจกรรมในฤดูร้อนในสถานที่ที่ไม่สูงมากกว่า
โดยหลักเลย เสื้อท่อนบนจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลัก ๆ เค้าจะใช้คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ คือ
- เสื้อตัวใน アンダーウェア ( underwear ) ควรทำจากวัสดุสังเคราะห์ที่แห้งง่าย ระบายเหงื่อได้ดี
- เสื้อตัวกลาง ミッドレイヤー ( middle layer ) แจ็คเก็ตเพื่อความอบอุ่น
- เสื้อตัวนอก アウターウェア ( outer wear ) เพื่อกันลม กันฝน
แต่ไม่ได้หมายความว่าใส่แค่ 3 ชั้นนี้แล้วจบนะคะ ต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่จะไปด้วยว่าสภาพอากาศเป็นอย่างไร เพราะแต่ละฤดู มีสภาพอากาศที่แตกต่าง ทำให้การเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมก็จะแตกต่างกันไป
สำหรับท่อนล่าง
จะเป็นกระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น ขายาว แล้วแต่สภาพอากาศที่จะไปในฤดูนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ ควรเลือกวัสดุสังเคราะห์ที่แห้งง่าย ทนทาน แต่มีความยืดหยุ่น
ไทท์ タイツ : tight หรือกางเกงยืดซัพพอร์ท
เป็นตัวสำคัญที่ทำให้แฟชั่นชุดปีนเขาดูเก๋ไก๋ และมีสีสันสำหรับคุณสาวๆ เลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะถ้าใส่กระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้นล่ะก็ ไทท์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียวเชียว
แม้แต่ไทท์ก็ยังมีสารพัดแบบให้เลือกค่ะ ตั้งแต่แบบธรรมดาๆ แค่ใส่เพื่อความกระชับและความสวยงาม ไปถึงแบบที่ผลิตมาสำหรับการออกกำลังกายหนักๆ แบบการปีนเขาโดยเฉพาะ
วัตถุประสงค์หลักคือช่วยในการซัพพอร์ทการเดิน ในส่วนของสะโพก หัวเข่า ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการไหลเวียนของเลือดได้ดี ทำให้ลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ
ไทท์ซัพพอร์ท ไฮเทค ไฮโซพวกนี้ต้องขอบอกว่า ราคาแบบกัดฟันซื้อกันเลยทีเดียว ยี่ห้อดังๆ ราคาหมื่นเยนขึ้นไป โอย…แค่ซื้อไทท์ ราคาสาม-ห้าพันบาท ก็ทำเอาเหงื่อแตกพลั่กตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกเดินทางแล้วล่ะค่ะ แต่ต้องยอมรับว่ามันช่วยได้มากเลยล่ะค่ะ (หรือจะคิดไปเองก็ไม่รู้นะคะ )
ที่สำคัญคือ สาวๆ ชาวอาทิตย์อุทัยส่วนใหญ่จะมีเซ้นส์เรื่องสี ในการมิกซ์แอนด์แมชท์ได้ดี ถ้ากระเป๋าสตางค์หนาพอ จะซื้อทุกอย่างพร้อมกันรวดเดียวครบเซ็ท ใส่ได้ทุกฤดูกาล ก็คงสามารถจับเซ็ทให้เข้ากันได้ในการซื้อครั้งเดียว
แต่ในความเป็นจริง สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ จะเดินป่าครั้งเดียวแล้วเลิกหรือเปล่าก็ไม่รู้ จะค่อยๆ ทะยอยซื้อทีละนิด ทีละหน่อย ก็ต้องระวังเลือกสี รวมถึงแบบให้เข้ากัน
แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด นั่นก็คือ “รองเท้า” ค่ะ
เพราะต้องอาศัยการเดินเป็นเวลานาน ๆ ทั้งทางเรียบ ขุรขระ ทางขึ้น ทางลง การไปเดินป่า หรือปีนเขาในแต่ละแห่ง จำเป็นต้องเลือกรองเท้าที่เหมาะสมด้วย
ถ้าใส่เดินไปนานๆ แล้วเจ็บ เล็บถลอก ข้อเท้าพลิก จะกลายเป็นว่าแทนที่จะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันสวยงาม กลับต้องเดินกัดฟันทรมานไปกับเท้าที่ปวดระบมซะนี่
รองเท้าแบรนด์ดังๆ มีจำหน่ายมากมาย น้ำหนักเบา ฟังก์ชั่นระบบการซัพพอร์ทสุดล้ำ พื้นรองเท้าแต่ละแบบก็ต่างกันตามสภาพการใช้งาน แถมมีทั้งแบบหุ้มส้น หุ้มข้อ หุ้มข้อแบบสูง วัสดุที่ใช้ กันน้ำ ซับน้ำ โอยยยย… ฯลฯ ฟังก์ชั่นที่เหมาะกับลักษณะของการไปเดินป่า ปีนเขาแต่ละแบบ
แต่เนื่องจากลักษณะเท้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเลือกรองเท้าที่มีขนาดและรูปทรงฟิตกับเท้าของเรา ไม่ได้เลือกจากเบอร์รองเท้าที่ใส่ประจำ หรือสั่งซื้อจากอินเตอร์เน็ตเพราะเชื่อคำโฆษณาของแบรนด์ดัง ๆ แต่ต้องไปลองใส่จริง
ร้าน Victoria ที่เจ๊ชอบไปประจำ (คือแค่เข้าไปเดินดูก็สนุกแล้ว ) มีสิ่งที่ชอบมากคือตอนซื้อรองเท้า จะมีจำลองทางที่เป็นหินขุรขระ ทางลงลาดชันให้ลองเดินดูว่าเวลาไปเดินจริง เจอสภาพทางแบบนี้ ใส่รองเท้าแล้วรู้สึกยังไง เราจะเลือกรองเท้าที่พอดีกับเท้าเป๊ะไม่ได้ เพราะตอนลงเขา เท้าจะจิกไปข้างหน้า อีกทั้งต้องเผื่อสำหรับถุงเท้าที่ต้องหนาพอสมควร จึงจำเป็นต้องเลือกรองเท้าขนาดที่พอจะมีที่ว่างด้านหน้าไว้นิดหน่อยค่ะ
นี่พูดถึงแค่เสื้อผ้าและรองเท้า ก็เขียนมายาวเหยียดแล้ว ยังมีอุปกรณ์อีกมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหมวก เป้สะพาย ถุงมือ ถุงเท้า ที่หุ้มข้อเท้า ไม้เท้า ฯลฯ เรียกว่าจะเป็นยามะเกิร์ลเต็มตัวนี่ ต้องพร้อมทั้งใจและกาย บวกเงินในกระเป๋า
แต่ตอนนี้พอแค่นี้ก่อน ปิดท้ายกันด้วยภาพแพคอาหารสำหรับเดินป่า ที่มีให้เลือกมากมายไม่น้อยหน้าอุปกรณ์อื่นๆ แบบเห็นแล้วทึ่งว่าพี่แกช่างสร้างสรรค์สมกับเป็นดินแดนแห่งความครีเอทีฟจริงๆ
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนเที่ยวอย่างสนุก มีความสุขกับสีสันอันสวยงาม และบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นนะคะ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
- ปีนภูเขาไฟฟูจิ กับทานิเซนเซ
- เพื่อนบอกว่าไปเรียนต่อญี่ปุ่น ไหงเฟสบุ้คมีแต่รูปเที่ยว !!!
- 9 ข้อดีของการไปเรียนภาษา ที่ญี่ปุ่นเดือนตุลาคม
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น
ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-2677726 ต่อ 101-104
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line