การเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น คือ การไปเรียนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนสอนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน ( 90 วัน ) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะทางภาษาญี่ปุ่น ในช่วงเวลาที่จำกัด หรือนักเรียน และนักศึกษาที่ต้องการใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์เพื่อฝึกภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม และเพิ่มพูนประสบการณ์การใช้ชีวิตด้วยตนเองในต่างแดน
การเรียนระยะสั้นในลักษณะนี้ นักเรียนต้องดูแลจัดการเวลาของตนเอง การไปท่องเที่ยวหรือทัศนศึกษาในที่ต่าง ๆ หลังเลิกเรียนหรือในวันหยุดนั้น นักเรียนต้องไปด้วยตัวเองหรือไปกับเพื่อน ๆ ต่างชาติที่เรียนด้วยกันในห้อง เป็นต้น
หากต้องการไปเรียนระยะสั้นแบบที่มีพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ด้วย สามารถไปเรียนระยะสั้นแบบ Study Trip
เรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นคืออะไร
การเรียนการสอน
โดยส่วนใหญ่จะเข้าเรียนร่วมกับหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะยาวตามปรกติ แต่บางสถาบันจะจัดชั้นเรียนสำหรับนักเรียนระยะสั้นโดยเฉพาะ
การเรียนการสอนจะสอนโดยอาจารย์ชาวญี่ปุ่น และใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นสื่อกลางในการสอน และสอนทุกทักษะ ทั้งการฟัง พูด อ่านและเขียน เป็นการเรียนอย่างจริงจัง มีการบ้าน มีการสอบย่อยเมื่อจบบทเรียน มีการเทสต์คันจิทุกวัน
ระดับชั้นเรียน
ระดับชั้นเรียนจะแบ่งเป็นระดับต้น ถึงระดับสูง โดยเมื่อนักเรียนเดินทางถึงญี่ปุ่นแล้วจะมีการทดสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น เพื่อจัดให้เข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมกับพื้นฐานความรู้ของนักเรียน โดยโรงเรียนจะพิจารณาจากผลการสอบของนักเรียน ณ เวลานั้น ว่าสามารถทำข้อสอบทักษะต่าง ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าบางทักษะยังอ่อน เช่น ทำข้อสอบข้อเขียนได้ แต่ไม่สามารถพูดโต้ตอบในการสอบสนทนา หรือพูดได้แต่ไวยากรณ์ผิด ก็จะต้องเรียนซ้ำในส่วนที่เคยเรียนมาแล้วก็เป็นไปได้
นักเรียนในแต่ละห้องจะประมาณ 15 – 25 คน โดยเพื่อนร่วมห้องจะเป็นนักเรียนต่างชาติจากชาติต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีคนจีน เกาหลี ไต้หวัน เป็นอันดับต้น ๆ
วันและเวลาเรียน
เวลาเรียนคือ ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ หยุดวันเสาร์ , อาทิตย์และวันหยุดราชการ โดยเรียนครึ่งวัน ประมาณ 4 ชั่วโมง จะเป็นครึ่งเช้าหรือครึ่งบ่ายก็แล้วแต่ระดับชั้นเรียน ส่วนใหญ่ชั้นต้น-ชั้นกลางจะเรียนช่วงบ่าย ชั้นสูงจะเรียนช่วงเช้า ( บางสถาบันจะเรียนประมาณ 5-6 ชั่วโมงต่อวัน )
มีการเช็คชื่อทุกวัน หากมาสายจะถือว่าขาดเรียน ( ในคาบแรก ) ในกรณีที่ไม่สบายหรือเกิดเหตุที่ทำให้ไม่สามารถมาเรียนได้ จะต้องโทรศัพท์แจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ
ที่พัก
ที่พัก
สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ที่พักซึ่งทางโรงเรียนจัดหาให้ หรือพักกับครอบครัวชาวญี่ปุ่น ( Homestay )
- ที่พักของทางโรงเรียน
โรงเรียนส่วนใหญ่จะจัดหาที่พักไว้ให้สำหรับนักเรียน อาจจะเป็นหอของทางโรงเรียนโดยตรง หรือที่พักเอกชนที่ทำสัญญาไว้ ที่พักจะมีทั้งแบบที่เป็นห้องคู่ ห้องเดี่ยว ห้องสี่คน ฯลฯ ในกรณีที่พักห้องคู่ หรือพักมากกว่า 2 คน ทางโรงเรียนจะจัดหารูมเมทให้เอง รายละเอียดเกี่ยวกับหอพักของโรงเรียนแต่ละแห่งจะต่างกัน กรุณาดูรายละเอียดที่หน้าแนะนำข้อมูลของโรงเรียนแต่ละแห่ง - Serviced Apartment
เป็นอพาร์ทเมนท์ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน สะดวกสำหรับนักเรียนระยะสั้น เนื่องจากไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกัน และไม่จำเป็นต้องทำสัญญาเป็นปี ส่วนใหญ่เป็นห้องเดี่ยว ( กรณีจะพักคู่ นักเรียนต้องหาเพื่อนร่วมห้องเอง ) สะดวกสบาย มีความเป็นส่วนตัวแต่ราคาจะค่อนข้างสูง - Shared House
เป็นที่พักแบบที่ใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกส่วนกลางร่วมกันกับผู้อื่น ในส่วนของห้องนอนจะมีทั้งแบบห้องคู่ ห้องเดี่ยว หรือห้องสำหรับหลายคน แต่ห้องน้ำ สุขา ครัว จะใช้ของส่วนกลางร่วมกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบพบปะพูดคุยกับคนอื่นๆ - Homestay
การพักแบบ Home stay จะทำให้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างรวดเร็ว เป็นธรรมชาติ เพราะต้องคิด และสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นในสถานการณ์จริงตลอดเวลา ทั้งยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นได้อย่างใกล้ชิดด้วย ที่พักแบบ Home stay จะคิดราคาต่อคืนรวมอาหารมื้อเช้าและมื้อเย็น เมื่อคิดเป็นเงินที่ต้องชำระทั้งเดือนแล้วอาจจะรู้สึกว่าราคาสูง อีกทั้งบ้านส่วนใหญ่จะอยู่นอกเมือง ต้องใช้เวลาในการเดินทางไปเรียนพอสมควร แต่หากคำนึงถึงสิ่งที่ได้รับจากการพักกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นจริง ๆ แล้วนั้น คิดว่าคุ้มค่ามากโดยเฉพาะการไปเรียนในระยะเวลาสั้น ๆ
วีซ่าระยะสั้น
การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่น กรณีที่ไปเกิน 15 วันจะต้องยื่นขอวีซ่าระยะสั้น ( Temporary Visitor ) ซึ่งทางสถานทูตญี่ปุ่นในประเทศไทยจะพิจารณาออกวีซ่าให้ตามระยะเวลาของการไปเรียน โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน วีซ่าระยะสั้นจะไม่สามารถทำงานพิเศษ และไม่สามารถต่ออายุวีซ่าได้ เมื่อครบกำหนดแล้วจะต้องเดินทางกลับประเทศไทย
การเรียนหลักสูตรระยะสั้น ไม่จำกัดอายุหรือวุฒิการศึกษาของผู้เรียน แต่ควรจะอยู่ในระดับชั้นมัธยมตอนปลายขึ้นไป และควรมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว ผู้เรียนจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบ และมีวินัยในตนเอง เนื่องจากการไปเรียนระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้น จะต้องดูแลตัวเองทั้งในด้านการเรียน การเดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวัน หากมีปัญหาสามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่หรืออาจารย์ของโรงเรียนได้ แต่นักเรียนจะต้องเข้าใจด้วยว่าในการทำสิ่งใด ๆ นักเรียนจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเป็นหลัก
หากไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน หรือยังไม่มั่นใจในการไปใช้ชีวิตด้วยตนเอง สามารถไปเรียนระยะสั้นแบบ Study Trip
Study Trip
Study Trip สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น พร้อมกับการท่องเที่ยวไปตามสถานที่ที่มีชื่อเสียง หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพูนทักษะการใช้ภาษาและเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เหมาะสำหรับนักเรียนที่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน หรือยังไม่สามารถดูแล ใช้ชีวิตในญี่ปุ่นด้วยตัวเองตามลำพังได้ เป็นโปรแกรมที่จะเดินทางไปเป็นกลุ่ม กำหนดวันเวลาเดินทางไป – กลับ และวันเวลาในการทำกิจกรรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวไว้แล้ว แต่จะมีเวลาว่างที่เป็นวันอิสระ เพื่อให้ทำกิจกรรมหรือไปเที่ยวในสถานที่ที่ตนเองสนใจได้ตามใจชอบด้วยเช่นกัน
โดยส่วนใหญ่ Study Trip จะจัดในช่วงเวลาต่อไปนี้
เดือนเมษายน ฤดูใบไม้ผลิ
ระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ – 1 เดือน เป็นช่วงที่นักเรียน นักศึกษาไทยปิดภาคเรียน
เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ฤดูร้อน
ระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ – 1 เดือน เป็นช่วงที่นักเรียน นักศึกษาที่เรียนหลักสูตรนานาชาติ หรือนักเรียนชาติอื่นๆ ปิดภาคเรียน ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีเด็กนักเรียนจากชาติต่าง ๆ ทั่วโลกมาเรียน Summer ที่ญี่ปุ่นกันมากที่สุด
เดือนตุลาคม ฤดูใบไม้ร่วง
ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นช่วงที่นักเรียน นักศึกษาไทยปิดกลางภาค
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับการเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น 1 เดือน
โดยทั่วไปแล้ว ค่าเล่าเรียนของแต่ละโรงเรียนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ค่าที่พักสำหรับการไปเรียนระยะสั้นจะค่อนข้างสูง ปัจจัยที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงหรือต่ำ จะขึ้นอยู่กับเมืองที่ไปอยู่ด้วย เช่น โตเกียวและเมืองใหญ่อื่น ๆ ค่าครองชีพจะสูงกว่าเมืองต่างจังหวัด เนื่องจากค่าที่พักจะสูงกว่ามาก ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการใช้เงินของแต่ละคน
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายต่อเดือนโดยประมาณ ( ต่อหนึ่งคน )
[ws_table id=”20″]สรุป : โดยทั่วไปแล้ว ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพสำหรับการเรียนระยะสั้น 1 เดือนจะใช้เงินประมาณ 150,000 – 200,000 เยน หรือประมาณ 6 – 8 หมื่นบาท
- ประมาณการตัวเลขข้างต้น โดยคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 100 เยน = 35 บาท
- วิธีคำนวณเงินเยน ( ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลานั้น ) เช่นสมมติว่า 100 เยน = 35 บาท เอาจำนวนเงินเยนตั้ง คูณด้วย 0.35 เช่น จำนวนเงิน 20,000 เยน X 0.35 = คิดเป็นเงินไทย 7000 บาท
- ค่าเล่าเรียนและที่พักของแต่ละสถาบันจะแตกต่างกันไป กรุณาดูข้อมูลของแต่ละสถาบันโดยตรง
คำถามถามบ่อย
ถ้าไม่เคยมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลยจะเข้าเรียนได้ไหม
การเรียนการสอนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นจะใช้ภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ในระดับชั้นต้น ๆ อาจารย์จะมีวิธีการสอนที่จะทำให้นักเรียนทุกชาติสามารถเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ เช่น การใช้ภาษาท่าทาง รูปภาพหรือสื่อการสอนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้เข้าใจ พร้อมกับได้สำเนียงการออกเสียงที่ถูกต้อง อีกทั้งเพื่อนร่วมชั้นเรียนจะเป็นคนต่างชาติ ซึ่งทุกคนมีเป้าหมายในการมาเรียนเพื่อพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่น ฉะนั้น จะใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษากลางในการสื่อสารเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเรียนการสอนที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างเร็ว ฉะนั้น ควรจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว อย่างน้อยที่สุดควรจะอ่านและเขียนตัวอักษรญี่ปุ่นพื้นฐาน คือ Hiragana และ Katakana หรือ Kanji ง่าย ๆ ได้ เพื่อที่จะสามารถตามชั้นเรียนได้ทัน ไม่ต้องไปเสียเวลาจำในขณะที่เรียนที่ญี่ปุ่นอีก
ที่สำคัญคือ ที่ญี่ปุ่นจะใช้แต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น หากไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลยนั้น จะใช้ชีวิตอย่างลำบาก เพราะการไปเรียนที่ญี่ปุ่น นักเรียนจะต้องดูแลตัวเองทุกเรื่อง อยากให้นักเรียนลองนึกดูว่า ถ้าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา โดยที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ตัว ABC หรือไม่รู้แม้แต่จะการนับตัวเลข One , two , three … ไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ แล้วจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างไร
ในกรณีที่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลย หรือเคยเรียนมาบ้างเล็กน้อย แนะนำให้ไปแบบโปรแกรม Study Trip
การเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น สามารถเรียนได้นานที่สุดเท่าไร
การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้น เป็นการไปเรียนด้วยวีซ่าระยะสั้น ที่เรียกว่า Temporary Visitor ซึ่งระยะเวลาของวีซ่าประเภทนี้ มากที่สุดคือ 90 วัน และไม่สามารถต่ออายุวีซ่าได้ เมื่อเรียนครบตามกำหนดแล้วจะต้องเดินทางกลับประเทศไทย ไม่สามารถต่อวีซ่าได้ ( ยกเว้นผู้ที่ดำเนินการสมัครเรียนแบบระยะสั้นต่อระยะยาว )
ผู้ที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นส่วนใหญ่เป็นใคร จำกัดอายุหรือไม่ว่าจะต้องไม่เกินเท่าไร
ผู้ที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นส่วนใหญ่ เป็นคนที่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว และต้องการพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ว่าง เช่นนักเรียนมัธยมปลาย นักศึกษาที่ไปเรียนในช่วงปิดเทอม หรือคนทำงานที่ลาไปเพิ่มพูนทักษะความรู้ภาษาญี่ปุ่นให้มากขึ้น การไปเรียนระยะสั้น ไม่ได้จำกัดอายุของผู้เรียน ที่ผ่านมาผู้ที่ไปเรียนอายุ 40 ปีขึ้นไปก็มี ( แต่ทั้งนี้ การพิจารณาวีซ่าขึ้นอยู่กับสถานทูตญี่ปุ่น )
การสมัครเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่น จะต้องสมัครเมื่อไหร่ ใช้เอกสารอะไรบ้าง และมีขั้นตอนอย่างไร
โดยทั่วไปแล้ว การสมัครเรียน จะต้องสมัครล่วงหน้าประมาณ 2-3 เดือนก่อนเปิดภาคเรียน แต่สำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาพอสมควรแล้ว ( มากกว่า 150 ชั่วโมง ) บางสถาบันจะเปิดรับเข้าเรียนได้ตลอดเวลา
เอกสารที่ใช้ในการสมัครและขั้นตอนการสมัคร สามารถดูรายละเอียดได้โดยคลิกที่นี่
การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่น ควรมีเงินในบัญชีเท่าไรจึงจะผ่านวีซ่า
การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้น ในกรณีที่ไปเกิน 15 วัน จะต้องขอวีซ่าระยะสั้น ที่เรียกว่า Temporary Visitor ซึ่งเป็นวีซ่าประเภทเดียวกับวีซ่าท่องเที่ยวหรือเยี่ยมญาติ การที่วีซ่าจะผ่านหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางสถานทูตญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ และไม่มีกำหนดตายตัวด้วยว่า ต้องมีเงินในบัญชีเท่าไร มีคุณสมบัติอย่างไรจึงจะผ่าน เนื่องจากทางสถานทูตจะพิจารณาจากหลักฐานทุกอย่างของผู้ยื่นขอวีซ่า ทั้งหลักฐานการศึกษา หลักฐานการทำงาน หลักฐานของผู้ค้ำประกัน และหลักฐานการเงิน รวมไปถึงเหตุผลในการไปเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น
ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษา จะต้องมีจดหมายรับรองจากสถาบันการศึกษา ณ ปัจจุบันมายื่นประกอบ มีหลักฐานการทำงานและหลักฐานทางการเงินของผู้ปกครอง ซึ่งมีเงินในบัญชีมากพอ
ถ้าเป็นคนทำงาน จะต้องมีหลักฐานการทำงานมาแสดง พร้อมกับระบุวันที่ทางบริษัทฯ อนุญาตให้ลาหยุดไปญี่ปุ่นได้ มีหลักฐานการเงินของตัวเอง หรือของผู้ปกครองที่มากพอ ไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ทำผิดกฎหมายญี่ปุ่น หรือหนีวีซ่าญี่ปุ่น เป็นต้น
การขอวีซ่าไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้นไม่ได้ยาก แต่ขึ้นอยู่กับว่า มีเหตุผลและมีเงินเพียงพอที่จะไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้ และเมื่อเรียนจบตามกำหนดแล้ว จะกลับเมืองไทย ไม่มีญาติพีน้องมีประวัติการหนีวีซ่า และตัวผู้สมัครเองก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะหนีวีซ่า
* กรณีที่เคยมีประวัติการขอวีซ่าญี่ปุ่นไม่ผ่านมาก่อน กรุณาแจ้งให้เจ้าหน้าที่แนะแนวทราบด้วย
การสมัครไปเรียนระยะสั้นที่ญี่ปุ่น ทางโรงเรียนสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่าวีซ่าจะผ่านแน่นอน
ทางโรงเรียนไม่รับประกันการผ่านวีซ่าของนักเรียนใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ การพิจารณาวีซ่าขึ้นอยู่กับทางสถานทูตญี่ปุ่นเท่านั้น ( เช่นเดียวกับการไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นกับบริษัททัวร์ ไม่ได้หมายความว่าบริษัทท่องเที่ยวจะรับประกันว่าท่านจะได้รับวีซ่าแน่นอน )
กรณีที่วีซ่าไม่ผ่าน จะได้เงินค่าเล่าเรียนคืนหรือไม่
กรณีที่วีซ่าไม่ผ่าน การคืนเงินของแต่ละโรงเรียนจะแตกต่างกันแล้วแต่นโยบายของแต่ละโรงเรียน แต่โดยทั่วไปแล้ว นักเรียนจะไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน และค่าใช้จ่ายในการโอนเงินคืนผู้สมัคร จะหักจากเงินในส่วนของค่าเล่าเรียน
เกี่ยวกับที่พัก : ค่าใช้จ่ายสำหรับที่พักหรือโฮมสเตย์ ถ้าอยู่สองคนราคาจะลดลงหรือไม่
ค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของค่าเล่าเรียน และค่าหอพัก รวมถึง Homestay จะเป็นราคาสำหรับ ” หนึ่งคน ”
แม้จะเป็นห้องคู่ แต่ราคาที่ระบุไว้คือราคาที่นักเรียนแต่ละคนจะต้องชำระ ไม่ใช่ราคาที่หารสอง
เกี่ยวกับที่พัก : หอพักของโรงเรียนจะพาเพื่อนหรือผู้ปกครองไปนอนด้วยได้หรือไม่
หอพักของโรงเรียน โดยทั่วไปจะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปพัก แม้จะเป็นผู้ปกครองของนักเรียนก็ตาม ในกรณีที่ผู้ปกครองจะไปเยี่ยมนักเรียน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เจเอ็ดดูเคชั่น เพื่อหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ โรงเรียนให้ได้ค่ะ
เกี่ยวกับที่พัก : ในกรณีที่อยากพักห้องคู่ แต่ไปคนเดียวจะพักกับใคร
ในกรณีที่ไปคนเดียวและต้องการพักห้องคู่ ทางโรงเรียนจะจัดหารูมเมทให้ ซึ่งอาจจะเป็นนักเรียนไทยหรือนักเรียนชาติอื่น
ยกเว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถหารูมเมทให้ได้ นักเรียนจำเป็นที่จะต้องอยู่ห้องพักเดี่ยว
ในกรณีที่ไปสองคนและต้องการพักห้องคู่ร่วมกัน สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่เจเอ็ดดูเคชั่นทราบ
เกี่ยวกับที่พัก : อยู่หอพัก หรือโฮมสเตย์ สามารถทำอาหารทานเองได้หรือไม่
การทำอาหารที่หอพักนั้น ขึ้นอยู่กับหอพักแต่ละแห่งว่าอนุญาตให้ทำอาหารได้หรือไม่ บางแห่งจะมีครัวส่วนกลางที่สามารถทำอาหารได้ บางแห่งจะมีมุมทำครัวเล็ก ๆ ภายในห้องพัก ฉะนั้นจะต้องดูข้อมูลที่พักของแต่ละแห่ง
ในส่วนของโฮมสเตย์นั้น ทางครอบครัวจะทำอาหารให้นักเรียนทานวันละ 2 มื้ออยู่แล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำอาหารทานเอง ยกเว้นอาจจะมีกรณีพิเศษ ที่อยากจะทำอาหารไทยให้ครอบครัวทาน ควรแจ้งให้คุณแม่ทราบ เพื่อขออนุญาตทำอาหารที่ครัว ที่บ้านของครอบครัวญี่ปุ่นนั้น ครัวและตู้เย็น เป็นพื้นที่ของคุณแม่ นักเรียนสามารถเสนอตัวช่วยทำอาหารได้ แต่ไม่ควรถือวิสาสะทำเองโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน
เกี่ยวกับการทำงานพิเศษ : ระหว่างที่เรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น สามารถทำงานพิเศษได้หรือไม่
การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้น จะขอวีซ่าระยะสั้น ที่เรียกว่า Temporary Visitor เป็นวีซ่าประเภทเดียวกับวีซ่าท่องเที่ยวหรือเยี่ยมญาติ ซึ่งไม่สามารถทำงานพิเศษได้ ( การทำงานพิเศษถือว่าผิดกฎหมาย หากถูกจับได้จะถูกส่งกลับประเทศไทย และจะถูกบันทึกในประวัติ ซึ่งอาจจะมีผลให้ไม่สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้อีก )
ในกรณีที่เจ็บป่วย หรือต้องไปโรงพยาบาล จะสามารถใช้ประกันสุขภาพของญี่ปุ่นได้หรือไม่
การไปเรียนระยะสั้น จะไม่สามารถทำ ประกันสุขภาพแห่งชาติของญี่ปุ่นได้เหมือนนักเรียนระยะยาว ฉะนั้น ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น นักเรียนจำเป็นที่จะต้องทำประกันภัยสุขภาพและการเดินทางไปต่างประเทศไว้ โดยนักเรียนจะต้องชำระค่ารักษาพยาบาลไปก่อน และนำใบเสร็จมาเบิกค่ารักษาพยาบาลที่ไทยภายหลัง นักเรียนสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการทำประกันภัยสุขภาพและการเดินทางได้ที่เจ้าหน้าที่เจเอ็ดดูเคชั่น
เกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่น : จะมีเจ้าหน้าที่เดินทางไปด้วยหรือไม่
ในการไปเรียนหลักสูตรภาษาระยะสั้นนั้น นักเรียนจะต้องเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ในกรณีที่มีนักเรียนที่สมัครไปเรียนโรงเรียนเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะจัดให้เดินทางไปวันเดียวกันตามกำหนดการที่ทางร.ร.แจ้งให้ทราบ ฉะนั้นในการไปเรียนระยะสั้น ควรจะเป็นผู้ที่สามารถดูแลตัวเองได้และสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ในระดับหนึ่ง
เกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่น : เมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมารับหรือไม่
การไปรับที่สนามบินที่ญี่ปุ่นนั้น แต่ละโรงเรียนจะมีระเบียบการไปรับที่สนามบินต่างกัน
ในกรณีที่ต้องการให้ไปรับที่สนามบิน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของค่าบริการรับที่สนามบินและค่าพาหนะเดินทาง
ในกรณีที่ไม่มีการไปรับที่สนามบิน โดยส่วนใหญ่ทางร.ร.จะมีเอกสารอธิบายเส้นทางการเดินทางจากสนามบินเข้ามาในตัวเมือง เพื่อที่จะนัดรับในเมือง
ในระหว่างที่เรียน มีกิจกรรมพิเศษหรือพาไปทัศนศึกษาหรือไม่
การเรียนภาษาระยะสั้น โดยทั่วไปจะเป็นการเรียนร่วมกับนักเรียนหลักสูตรระยะยาวตามปรกติ หลังเลิกเรียน จะเป็นเวลาอิสระของนักเรียน แต่ในกรณีที่โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมหรือไปทัศนศึกษานอกสถานที่ นักเรียนระยะสั้นสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้เช่นเดียวกัน ( กิจกรรมและทัศนศึกษา อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับกิจกรรมนั้น ๆ )
หากต้องการไปเรียนระยะสั้นแบบที่มีพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ด้วย สามารถไปเรียนระยะสั้นแบบ Study Trip
ในการเดินทางจากหอพักหรือจากโรงเรียน ไปสถานที่ต่าง ๆ จะสามารถเช็คข้อมูลได้จากที่ไหน
การเดินทางในญี่ปุ่น สามารถเช็คเส้นทางรถไฟได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถเช็คได้ด้วยตัวเอง โดยเช็คผ่านเว็บไซท์ด้านล่างนี้ โดยระบุสถานีรถไฟต้นทาง และสถานีปลายทางที่จะไป ก็จะสามารถทราบเส้นทางสายรถไฟ ระยะเวลาและค่ารถได้ (มีทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น ) ซึ่งนักเรียนควรฝึกใช้เว็บในการหาเส้นทางไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะสามารถหาข้อมูลด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกและง่ายดายในระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่น
https://www.hyperdia.com/en/
https://www.jorudan.co.jp/english/
ไปเรียนแบบระยะสั้น หรือไปแบบ Study Trip แบบไหนดีกว่า คุ้มกว่ากัน?
เรียนแบบระยะสั้น หรือไปแบบ Study Trip แบบไหนดีกว่ากันนั้น ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนค่ะ
การไปเรียนแบบระยะสั้น เหมาะกับคนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นแล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถสื่อสารและใช้ชีวิตในญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้ สามารถไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ มีความเป็นอิสระกว่า เพราะนอกเหนือจากเวลาเรียนแล้ว คือเวลาว่างที่จะไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ การใช้ชีวิตตามลำพังก็ทำให้จำเป็นต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นมากกว่าการไปเป็นกลุ่ม เพราะทุกอย่างที่ญี่ปุ่นจะต้องใช้แต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่จะมีความยุ่งยากกว่าในเรื่องของการที่จะต้องตัดสินใจเลือกที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน การหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องเตรียมข้อมูลเองทุกอย่าง ค่าใช้จ่ายจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของแต่ละคน เป็นต้น
การไป Study Trip จะเหมาะสำหรับทั้งคนที่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนและเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว ( แต่ถ้ากรณีความรู้ภาษาญี่ปุ่นระดับ N2 แล้ว แนะนำให้ไปแบบระยะสั้น ) โปรแกรม Study Trip จะสะดวกและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะไปเป็นกลุ่ม มีเจ้าหน้าที่ไปรับ-ส่งที่สนามบินจนถึงที่พัก ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการไปทัศนศึกษาที่ต่าง ๆ เตรียมไว้พร้อมสรรพ จึงสะดวกและไม่เหนื่อยในการหาข้อมูล แต่ก็มีเวลาว่างบ้าง เพื่อให้มีโอกาสได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่สนใจนอกเหนือจากในโปรแกรม ควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ได้ เพราะโปรแกรมทัศนศึกษาจะรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้แล้ว (ยกเว้นบางโปรแกรมที่จะไม่รวมอาหาร )
ขั้นตอนการสมัคร
โดยทั่วไป การเปิดรับสมัครจะแบ่งออกเป็น 4 ภาคเรียนคือ
- ภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิ เดือนเมษายน
- ภาคเรียนฤดูร้อน เดือนกรกฎาคม
- ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วง เดือนตุลาคม
- ภาคเรียนฤดูหนาว เดือนมกราคม
- การสมัครเรียน จะต้องสมัครล่วงหน้าประมาณ 2-3 เดือนก่อนเปิดภาคเรียน
- สำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาพอสมควรแล้ว ( มากกว่า 150 ชั่วโมง ) บางสถาบันจะเปิดรับเข้าเรียนได้ตลอดเวลา
คุยกับเจ้าหน้าที่แนะแนวของ jeducation
สามารถพูดคุยทางโทรศัพท์ (สาขาสีลม 02-2677726)
อีเมล ask@jeducation.com Line @jeducation
หรือเข้ามาที่สำนักงานเจเอ็ดดูเคชั่นสาขาสีลมหรืออโศกได้
เพื่อรับข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
ข้อมูลและเอกสารของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจ
เลือกสถาบันที่ตรงกับเป้าหมาย
เจ้าหน้าที่แนะแนวของเจเอ็ดดูเคชั่น มีประสบการณ์การศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นโดยตรง
ให้คำแนะนำจากประสบการณ์จริงด้วยความเป็นกันเอง
ยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบการสมัคร / จองหอพักหรือโฮมสเตย์
ยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบการสมัครได้แก่
– รูปถ่ายขนาด 1.5 นิ้ว 1 ใบ ติดบนใบสมัคร (ยกเว้นโรงเรียนYono Gakuin และ I.C.NAGOYA ใช้รูปสมัครทั้งหมด 5 ใบ)
– สำเนาหนังสือเดินทางหน้าแรก กรณีที่เคยเข้าประเทศญี่ปุ่นแล้ว ให้ถ่ายสำเนาหน้าที่มีวีซ่าหรือตราประทับเข้า – ออกประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด (ถ้ามี)
กรณีที่ผู้สมัครอยู่ต่างจังหวัด สามารถขอรับใบสมัครได้ทางอีเมล์ ask@jeducation.com และยื่นส่งเอกสารสมัครเรียนทางไปรษณีย์มาที่สำนักงาน Jeducation ที่กรุงเทพฯ ได้
ตรวจเช็คเอกสารและส่งไปญี่ปุ่น
เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คความถูกต้องของใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัคร
ก่อนที่จะจะดำเนินการจัดส่งเอกสารไปยังสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่น
*** ผู้สมัครไม่ต้องเสียค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าจัดส่งเอกสารไปญี่ปุ่น
ชำระค่าเล่าเรียน / ค่าที่พัก
ทางสถาบันจะส่งใบเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียน / ที่พักมาให้ เพื่อให้นักเรียนนำไปใช้ในการโอนเงินระหว่างประเทศ เข้าบัญชีธนาคารของสถาบันที่ญี่ปุ่นโดยตรง
หลังจากนักเรียนโอนเงินแล้ว ให้ส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้ที่เจเอ็ดดูเคชั่นทางอีเมล์ ask@jeducation.com
หลังจากที่ทางโรงเรียนยืนยันการได้รับเงินแล้ว จะส่งใบตอบรับเข้าเรียนมาให้ เพื่อนำไปใช้ในการขอวีซ่าระยะสั้น ( Temporary Visitor )
* ผู้ที่ไปไม่เกิน 15 วันไม่ต้องขอวีซ่า
ยื่นขอวีซ่า
ยื่นขอวีซ่าระยะสั้นที่ ศูนย์รับยื่นวีซ่าประเทศญี่ปุ่น
โดยเจ้าหน้าที่แนะแนวจะให้คำแนะนำเรื่องการเตรียมเอกสาร และการกรอกแบบฟอร์ม
การยื่นขอวีซ่าโดยปรกติจะใช้เวลา 5 วันทำการ
จองตั๋วเครื่องบิน
ดำเนินการจองตั๋วเครื่องบินตามกำหนดการที่ทางโรงเรียนแจ้ง โดยจะกำหนดให้นักเรียนโรงเรียนเดียวกันเดินทางไปพร้อมกัน และจะเข้าญี่ปุ่นในวันจันทร์ – ศุกร์ เนื่องจากโรงเรียนและหอพักจะไม่เปิดในวันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดราชการ
ออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่นโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่มีค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-2677726 ต่อ 101-104
email : ask@jeducation.com
Line : @jeducation