คุณ พรวิสาข์ จงสุจริตธรรม  (ฟาง) 

ลูกสาวคนเก่งของรศ. ปราณี จงสุจริตธรรม (หนึ่งในปรมาจารย์ด้านภาษาญี่ปุ่น)  


ฟาง Sendagaya

การศึกษาที่ญี่ปุ่น

ปริญญาตรี   Faculty of Policy Studies / Nanzan University
ปริญญาโท  Graduate School of Information and Communication /  Meiji University 

การทำงาน

เจ้าหน้าที่ประจำ โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นเซนดากะยะ โตเกียว


ฟางเริ่มเข้ามาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเซนดากะยะได้อย่างไรคะ 

ตอนแรกเริ่มทำงานจากการเป็นアルバイト ( ทำงานพิเศษ) ที่โรงเรียนเซนดากะยะ ขณะที่เรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมจิค่ะ

เนื่องจากมีนักเรียนทุนรัฐบาลไทยเข้ามาเรียนที่โรงเรียน และผู้อำนวยการอยากให้มีคนไทยคอยสื่อสารและช่วยเรื่องเอกสารต่างๆของนักเรียน จึงได้รับการติดต่อมาและเริ่มทำงานพิเศษจากจุดนี้ค่ะ หลังจากทำงานก็เริ่มได้รับมอบหมายงานต่างๆมาเรื่อยๆ จนทำทุกอย่างได้หมด

พอถึงช่วงที่ฟางกำลังจะเรียนจบปริญญาโทและตัดสินใจว่าจะกลับไทยหรือทำงานที่ญี่ปุ่นดี ผู้อำนวยการก็ได้มาพูดคุยว่าสนใจอยากทำงานร่วมกันต่อไปเลยไหม จะได้ไม่ต้องหางานใหม่ และโรงเรียนนี้ เทียบกับโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นแห่งอื่นๆ ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ มีระบบการศึกษาและการดำเนินการต่างๆ ที่ดีมาก ครบวงจรเลยเรื่องภาษาญี่ปุ่น อาจารย์ สื่อการสอน ที่พักต่างๆ เป็นโรงเรียนค่อนข้างใหญ่ที่มีมาตรฐานสูงทีเดียว

ฟางจึงตัดสินใจลองทำงานเป็นพนักงานเต็มตัวดูค่ะ เพื่อประสบการณ์ของตนเองด้วยค่ะ

ลักษณะงานและความรับผิดชอบของฟางคืออะไรคะ 

งานที่ต้องทำหลักๆคือ งานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนไทย นักเรียนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาและยุโรปค่ะ เช่น การรับนักเรียนระยะสั้น ระยะยาว การทำเอกสารสมัครวีซ่านักเรียน ดูแลนักเรียนเรื่องเอกสารต่างๆ เช่นการลงทะเบียนที่อยู่ เปิดบัญชีธนาคาร ทำประกันสุขภาพ

นอกจากนี้ยังดูแลด้านการจัดคอร์สเรียน งานประชาสัมพันธ์ ดูแล Homepage และ Facebook ของโรงเรียน งานกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน  ติดต่อ agency ของประเทศต่างๆ ฯลฯ เรียกว่าทำทุกอย่างเกี่ยวกับโรงเรียนเลยก็ได้ค่ะ และทุกคนยังมีโทรศัพท์มือถือของโรงเรียน พกไว้เพื่อติดต่อนักเรียนและเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่นนักเรียนเกิดอุบัติเหตุต้องไปช่วยทันที อีกด้วยค่ะ standby 24 ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดเลยค่ะ แต่มันก็ทำให้เราใกล้ชิดกับนักเรียนมากขึ้นค่ะ ถามตอบกันใน Line อยู่เสมอ


นอกจากนักเรียนไทยแล้ว  ต้องดูแลนักเรียนชาติอื่นด้วยไหมคะ

นักเรียนที่ฟางดูแลคือ นักเรียนสัญชาติอื่นๆ นอกเหนือจากจีนและซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากที่โรงเรียนจะแบ่งแผนกกัน และฟางอยู่แผนกสัญชาติอื่นๆ จะดูแลนักเรียน ไทย ฮ่องกง ใต้หวัน เกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย อเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน ออสเตรเลีย ฯลฯค่ะ ใช้ภาษาอังกฤษเยอะมากค่ะ

???????? ???????? ???????? ???????? ???????? ???????? ????????

การทำงานกับคนญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้างคะ ต้องมีการปรับตัวอย่างไรบ้างไหม เพราะงานแรกที่ทำก็ทำที่ญี่ปุ่นเลย  

การทำงานเราเปรียบเสมือนคนญี่ปุ่นคนหนึ่งค่ะ แต่เขาก็จะเห็นใจเรา ไม่ได้ให้เทียบเท่าคนญี่ปุ่น 100% เช่นการติดต่อกับกระทรวงต่างๆ, บริษัทญี่ปุ่น, มหาวิทยาลัย หรือติดต่อกับโฮสแฟมิลี่ญี่ปุ่น จะให้คนญี่ปุ่นดูแลเพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่การติดต่อสถานทูตไทยฟางก็ดูแลค่ะ

เรื่องการปรับตัวต้องบอกว่า ปรับตัวมากเลยค่ะ แต่ฟางอยู่ญี่ปุ่นมานานเลยเข้าใจวัฒนธรรมประเทศญีปุ่นอย่างลึกซึ้ง เลยค่อนข้างรับได้เพราะเราเคยชิน ถ้าหากเรามาถึงญี่ปุ่นแล้วทำงานเลย อาจจะมีหลายสิ่งที่ไม่เข้าใจกันค่ะ

คนญี่ปุ่นจะเป็นคนเที่ยงตรงมากๆ อะไรทุกอย่างต้องเป๊ะตามที่กำหนด เรื่องเวลานี่สำคัญมาก 1 นาทีคือสายไม่ได้ ต้องไปก่อนเวลาเสมอ

การเช็คงานก็จะเข้มงวดมาก ไม่ใช่ว่าทำแล้วส่งได้เลย ต้องผ่านหลายขั้นตอน เช่น เราพิมพ์เมล์ สะกดผิดนิดเดียวหัวหน้าก็จะติ หรือตัดสินใจอะไรเล็กน้อยก็ต้องเรียกประชุมรวมตัวกันเพื่อตัดสินใจทุกครั้ง การผ่อนผันหรือยืดหยุ่นแบบประเทศไทยนี่แทบไม่มีเลยค่ะ ในที่ทำงานก็แทบไม่คุยเรื่องส่วนตัวหรือพูดอะไรเล่นกัน อินเทอร์เน็ตก็ไม่เล่น โทรศัพท์มือถือไม่เล่น

คือเวลางานก็ทำงานล้วนๆจริงๆ เลยทำให้เครียดบ้างค่ะเพราะเรามาจากประเทศไทย ซึ่งชิวมากๆ มีอะไรก็คุยกันง่ายสบายๆใช่ไหมคะ ฟางก็ไม่เคยทำงานบริษัทไทยนะคะ แต่ภาพลักษณ์คือเราจะทำงานได้อย่างสบายใจ พูดเล่นกันได้บ้าง อยากวานงานใครก็คงไม่ยากเท่าไรนัก

แต่เมื่อมาคิดดูว่าเราทำงานที่นี่ทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่มากๆ มีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนคนไทยคนอื่น ต่อจากนี้ถ้าเราจะกลับไปทำงานที่ไทยก็คงต้องร่วมงานกับคนญี่ปุ่นอยู่ดี มันจะทำให้เราปฎิบัตตัวได้เหมือนคนญี่ปุ่นคนนึง เราจะทำอะไรได้เป๊ะมากกว่า และก็จะรู้มารยาทในที่ทำงานทุกอย่างซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลย


จากประสบการณ์การเรียนที่ญี่ปุ่น ประกอบกับงานที่ทำทุกวันนี้  ฟางคิดว่านักเรียนไทย ควรต้องเตรียมตัวในการมาเรียนที่ญี่ปุ่นอย่างไรดีคะ

ฟางคิดว่านักเรียนไทย เมื่อเทียบกับชาติอื่น แล้วเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียนมากๆ มันเป็นภาพลักษณ์ของประเทศไปเลยค่ะ อาจารย์มักจะบอกเสมอว่า ดีใจเวลามีนักเรียนไทยในห้อง เพราะตั้งใจเรียน เราก็ดีใจไปด้วยค่ะ

สิ่งที่ฟางคิดว่านักเรียนไทยควรจะฝึกฝนคือเรื่องของ คันจิ และสำเนียงการพูดค่ะ สำหรับคันจิ เป็นอะไรที่ยากมาก ฟางก็ผ่านจุดนั้นมา มันลำบากจริงๆ ช่วงแรกๆ

เราจะท้อกับคันจิมาก เพราะมันมีเป็นพันๆตัว แล้วเมื่อเรียนรวมกับคนจีน ฮ่องกง เกาหลี เรามักจะท้อเพราะเค้าไปไวกว่าเรามาก  ตอนฟางเรียนมหาวิทยาลัยฟางเรียนรวมกับคนจีนทุกวิชา ทำให้เราต้องกลับบ้านไปนั่งคัดคันจิวันนึงมหาศาล แล้วมีสอบคันจิทุกวันตอนเช้าด้วยค่ะ

แต่ที่เซนดากะยะ มีวิชาคันจิ ที่แยกนักเรียนที่มาจากประเทศที่ใช้อักษรจีนออกไป ทำให้เราได้เรียนกับแค่คนที่เริ่มต้นพร้อมกับเรา จะไม่กดดันเท่าไร และเรียนไปด้วยความเร็วที่เท่ากัน ฟางคิดว่าการฝึกคัดคันจิ กับท่องคำศัพท์เยอะๆจะดีมากค่ะ เพราช่วงแรกๆเราจะใช้แค่ศัพท์ที่เรารู้ หลังๆศัพท์เด็ดๆที่เลเว่ลยากขึ้นมันจะออกมาเองค่ะ และเทคนิคสำคัญเลย คือการอ่านหนังสือและดูโทรทัศน์โดยถือดิกชันนารีไว้ในมือค่ะ เมื่อเจอคำไหนไม่รู้จักก็พิมหาคำศัพท์เลย ถ้าจดในสมุดโน้ตคำศัพท์ส่วนตัวไว้ด้วยยิ่งดีที่สุดค่ะ

ส่วนเรื่องสำเนียงการพูดและการออกเสียง เท่าที่ฟางสังเกต ภาษาไทยจะออกเสียงชัดเจนทุกถ้อยคำ ทำให้มีผลกระทบต่อภาษาญี่ปุ่นของนักเรียนบ้าง คนที่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ไทยกับอาจารย์คนไทยมานาน อาจจะปรับยากหน่อยค่ะ แต่ก็ไม่ใช่แก้ไม่ได้เลยนะคะ ถ้าอยู่กับคนญี่ปุ่นเยอะๆเราจะปรับตามเค้าไปเอง

และแต่ละเมืองสำเนียงก็จะต่างกัน ตอนแรกฟางเรียนที่เมืองนาโกยา เข้ามาโตเกียวครั้งแรกคนญี่ปุ่นถามเลยว่ามาจากแถวนาโกยาหรือมิเอะใช่ไหม เราก็ตกใจ คือตั้งใจพูดภาษากลางแล้วนะทำไมเค้าจับได้ล่ะ

แต่เรื่องนี้ โทรทัศน์ก็ช่วยฟางไว้เช่นกันค่ะ ปกติฟางเลิกเรียนหรือทำงานเสร็จแล้วกลับบ้าน จะเปิดโทรทัศน์ฟังทันทีเลย ให้คุ้นกับสำเนียง แล้วก็พูดตามเค้าไป และการทำงานพิเศษร่วมกับคนญี่ปุ่นก็ช่วยได้มากๆค่ะ ฟางเคยทำアルバイトมาแทบทุกชนิด เพื่อประสบการณ์ของตัวเอง ตอนทำงานร้านอาหาร ก็ตั้งใจทำจนเค้าไว้ใจเราให้เราปิดบัญชีร้านทั้งหมด เปิดปิดร้านเองและอยู่คุมร้านโดยไม่มีผู้จัดการได้เลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้มีเราในทุกวันนี้จริงๆค่ะ

การที่ฟางกล้าลองก้าวออกไปทำอะไรที่ไม่เคยทำมากมายร่วมกับคนญี่ปุ่น ทำให้ได้ทั้งภาษา สำเนียงที่ถูกต้อง ความรู้ใหม่ๆ และประสบการณ์ชีวิตเยอะเลยค่ะ อยากให้นักเรียนลองทำแบบฟางเช่นกันค่ะ

ถ้าก่อนมาเรียนที่ญี่ปุ่น เป็นไปได้ฟางคิดว่าเรียนที่ไทยมาสักN4-5 ก็จะดีค่ะ เรียนกับอาจารย์ญี่ปุ่นไปเลยนะคะ แล้วพอมาที่นี่เราจะไปไวมากกว่ามาเริ่มตั้งแต่ศูนย์ที่ญีปุ่นเยอะเลยค่ะ การใช้ชีวิตก็ง่ายขึ้นด้วยค่ะถ้าพูดได้บ้างนิดหน่อยตอนแรก

ฟาง พรวิสาข์ กับนักเรียน
ปัญหาอื่น ๆ เรื่องการใช้ชีวิตของนักเรียนไทยที่เจอบ่อย ๆ มีอะไรบ้างไหมคะ

ปัญหาที่นักเรียนไทยต้องปรับตัว ส่วนใหญ่จะเป็นระบบหรือมารยาทของประเทศญี่ปุ่นที่ไม่มีในไทย นักเรียนจะงงว่าทำไมต้องทำ เช่นประกันสุขภาพ ทุกคนต้องทำ และจ่ายเงินตรงตามกำหนดทุกเดือน วิธีจ่ายก็มีหลายแบบด้วย

เรื่องการจ่ายค่าโทรทัศน์ NHK ก็เช่นกัน ไม่มีโทรทัศน์ เค้าก็จะมาขอเก็บ ก็ต้องนั่งอธิบายไปว่าไม่มี บางทีขอเข้ามาดูในห้องเลย ส่วนคนที่มีก็ต้องจ่ายถึงแม้ไม่ได้ดู อันนี้เป็นระบบของญี่ปุ่น เค้าละเอียดมากจะรู้ว่าห้องไหนมีใครเพิ่งมาเข้าใหม่ ต้องไปเก็บเงินทันที นักเรียนก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจ่าย

การย้ายที่อยู่ จะย้ายออก จะย้ายเข้า ก็ต้องไปสำนักงานเขตทั้งที่เก่าที่ใหม่ และทุกอย่างต้องทำภายใน 2 สัปดาห์ นักเรียนจะรู้สึกว่าวุ่นวายหน่อยค่ะ เพราะที่ไทยบางคนอยู่คนละบ้านยังไม่ไปเปลี่ยนทะเบียนบ้านก็มี  เรื่องโรงพยาบาลก็เช่นกัน มีหลายที่ไม่เปิด 24 ชั่วโมง เวลาเป็นอะไรฉุกเฉินก็ต้องนั่งเสิร์ชก่อนว่าโรงพยาบาลไหนรับเราบ้าง หลายที่ก็ต้องจองก่อน หรือไม่รับผู้ป่วยนอกเลย โรงพยาบาลและคลินิคที่ญี่ปุ่นจะแยกยิบย่อยมากๆเช่น ภายนอก ภายใน ฟัน หูตาจมูก คลีนิคผู้หญิงล้วน ฯลฯ ไม่เหมือนเมืองไทยที่เป็นอะไรขึ้นมาก็ไปโรงพยาบาลใกล้ตัวเข้ารักษาได้ทุกที่เลยค่ะ

เรื่องการเข้าคิวหรือรอ คนญี่ปุ่นจะเป็นระเบียบมากๆค่ะ เค้าจะต่อแถวโดยธรรมชาติ ไม่มีการแย่งค่ะ บันไดเลื่อนก็ยังเป็นระเบียบ ใครรีบก็ได้เดิน เพราะแยกฝั่งกัน ไม่เหมือนเมืองไทย รีบแค่ไหนก็ไปไม่ได้ค่ะ บันไดเลื่อนแน่น 555 เรื่องรถไฟ มารยาทในรถไฟที่นี่เยอะมากค่ะ

ซึ่งจะรู้เลยว่าคนไหนคือคนต่างชาติถ้าสังเกต มารยาทของที่นี่คือ ไม่คุยโทรศัพท์ ไม่พูดเสียงดัง ไม่กินอาหาร ไม่ลากของใหญ่ๆขึ้นรถไฟ ไม่ทำเกะกะหรือสกปรก ที่นั่งของคนแก่คนท้อง วัยรุ่นก็จะไม่นั่ง ฯลฯ ค่ะ

แต่สิ่งที่หลายคนตกใจอาจจะเป็นเรื่องที่ผู้ชายแย่งผู้หญิงนั่งเก้าอี้ ที่นี่ธรรมดามากๆค่ะในรถไฟคือใครไวได้นั่งค่ะ คือสังคมญี่ปุ่นความรู้สึกว่าผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงยังคงเหลืออยู่ ในการทำงาน ในครอบครัว ผู้ชายยังเป็นช้างเท้าหน้าค่ะ จะไม่เหมือนเมืองไทยที่ผู้ชายให้เกียรติผู้หญิง Gentleman สุดๆลุกให้ เปิดประตูให้ เลี้ยงข้าวด้วย ซึ่งจะไม่ค่อยมีที่นี่นะคะ ผู้หญิงไทยนี่โชคดีมากเลยค่ะ พอมองดูแม่บ้านญี่ปุ่นรู้สึกนับถือจริงๆ ทั้งตื่นเช้าทำอาหารเช้า ทำเบนโตะให้สามีให้ลูก ไปส่งลูก เลี้ยงลูก ทำงานบ้านทั้งหมด ทำอาหารเย็นให้สามี ต้องบริการสามีทุกอย่าง เค้าสุดยอดมากค่ะทำได้ยังไง คือฟางไม่ได้ติประเทศเค้านะคะ

แค่เราเกิดมาจากประเทศไทยที่มันแตกต่างกัน แล้วมาเจอแบบนี้เลยมีตกใจบ้างนิดหน่อยค่ะ คนทำงานบริษัทปกติที่นี่ก็จะแต่งตัวดีมาก ผู้ชายก็ใส่สูทกันหมด ไม่ทำสีผม ผู้หญิงก็ต้องใส่ถุงน่องและรองเท้าไม่เปิดหน้า มันละเอียดยิบย่อยมากค่ะ เรื่องการแต่งตัวคนไทยต้องปรับเยอะเลยทีเดียวค่ะ

ดูฟางสนุกและมีความสุขกับการทำงานนะคะ

 

ฟางอยู่ญี่ปุ่นมา 10 กว่าปีแล้ว ทำงานเข้าปีที่ 5 ตอนนี้ไปไหนคนญี่ปุ่นก็ไม่รู้แล้วว่าเราเป็นต่างชาติค่ะ ทักว่าเป็นญี่ปุ่นตลอด
มันก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง ที่เราปรับตัวได้เนียนจนเป็นคนญี่ปุ่นคนนึงไปแล้ว ถือว่าการทำงานที่นี่ เปลี่ยนเด็กคนนึงให้เป็นผู้ใหญ่ไปได้เลยค่ะ

ในที่ทำงานได้เจอนักเรียนมากมาย ในทุกๆเทอมเราจะเจอคนเป็นร้อย ไม่ซ้ำหน้าเลย ก็เป็นความสุขอย่างนึง มีนักเรียนหลายคนมากที่น่ารัก และตั้งใจเรียน เวลาอาจารย์มาชมนักเรียนไทย เราจะดีใจไปด้วยมากๆ หรือมาว่าอะไรเกี่ยวกับไทยก็จะปกป้องสุดฤทธิ์

การได้ทำงานที่ต่างประเทศมันทำให้เรารักประเทศไทยมากขึ้นเยอะเลยค่ะ รักในหลวงเพราะคนต่างชาติยังชมในหลวงให้เราฟังบ่อยๆและรักครอบครัวและเพื่อนเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยค่ะเพราะต้องห่างกันนาน รู้สึกดีใจมากๆเวลาที่ได้เป็นตัวแทนคนไทยไปในที่ต่างๆ และเรายังได้ไปทำงานที่ไทยในฐานะของโรงเรียน

ที่โรงเรียนเซนดากายะยังมีพนักงานจากหลากหลายประเทศ ทำให้ได้แลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมอีกด้วยค่ะ จากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยสนใจประเทศไหนนอกจากไทยกับญี่ปุ่น  ก็สนใจเรื่องของประเทศต่างๆเยอะไปหมด มีโอกาสฟางก็ไปเที่ยวประเทศใหม่ๆเสมอ เพื่อได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างค่ะ เพื่อนร่วมงานทุกคนก็ชอบประเทศไทยและไปเที่ยวมากันหลายคน เราก็พรีเซนท์ประเทศเราสุดๆเลยค่ะ

การทำงานในโรงเรียน ยังทำให้ฟางใจเย็นมากขึ้น เพราะต้องต้อนรับนักเรียนและแขกในทุกสถานการณ์ ได้ช่วยเหลือนักเรียนรอบด้านเลย และได้มีโอกาสดีๆหลายอย่างเข้ามาในชีวิต เช่นเข้าร่วมงานสถานทูต ติดต่อกับกระทรวงและมหาวิทยาลัยต่างๆ ฯลฯ ถือว่าคุ้มค่าค่ะกับการทำงานที่นี่

ฟาง พรวิสาข์

 

เว็บไซท์ของโรงเรียน :  https://www.jp-sjs.ac.jp/tha/ (ภาษาไทย  )

คอลัมน์ JVisit : เจ้าหน้าที่เจเอ็ดดูเคชั่นเยี่ยมชมโรงเรียนเซนดากายะ

 


ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นเซนดากายะโดยตรง
ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน  โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น

ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียน
โทร. 02-665-2969, 02-258-3983
email : ask@jeducation.com

เพิ่มเพื่อน

Scroll to Top