พี่ม้าพาเที่ยว

โดย ภัทรียา พัวพงศกร

ชีวิตกิน เที่ยว ช้อปปิ้ง และใช้ชีวิตสนุกสนานในเพจ พี่ม้าพาเที่ยว ฮี่ฮี่เจแปน อาจทำให้ผู้ติดตามมากกว่า 2 แสนคน และใครต่อใครที่เคยพบเจอ ‘พี่ม้า’ เข้าใจว่าอาชีพหลักของเธอคืออินฟลูเอนเซอร์ด้านไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่น ทั้งยังเคยไปเรียนและทำงานในบริษัทใหญ่ที่ญี่ปุ่น

เป็นความเข้าใจที่เกือบ ๆ ถูกต้อง ‘นก’ ตัวจริงของพี่ม้า คือเจ้าของดีกรีปริญญาโท คณะวิศวรรมศาสตร์ สาขาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยโตเกียว ซึ่งเคยทำงานสถาปนิก ณ ประเทศอาทิตย์อุทัย

พี่นก พี่ม้าพาเที่ยว

ด้วยโปรไฟล์ระดับนี้ หากหลายคนได้อยู่ในบทบาทเดียวกันกับเธอ คงเลือกทำงานมั่นคงที่ญี่ปุ่นต่อไปยาว ๆ

แต่นกไม่คิดแบบนั้น

เธอตัดสินใจเริ่มต้นอาชีพใหม่เมื่ออายุ 28 ปี และตอนนี้กลายเป็นเจ้าของร้าน PMAHSHOP นำเข้าผลิตภัณฑ์สกินแคร์ Niche จากญี่ปุ่น มาให้คนไทยได้ใช้ โดยมีทั้งร้านออนไลน์และหน้าร้านสวยเก๋ที่ Gaysorn Village

จากสถาปนิก-อินฟลูเอนเซอร์ พลิกผันมาสู่การเป็นแม่ค้าได้อย่างไร เธอค้นพบตัวตนใหม่อะไรที่ญี่ปุ่น และการเรียนโตไดพาชีวิตเธอมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

เรื่องราวของนก ชวนให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า

‘Your Second Life Begins When You Realize You Only Have One
– ชีวิตที่สองของคุณเริ่มต้น เมื่อคุณตระหนักว่าคุณมีแค่ชีวิตเดียว’

 

ชีวิตที่สอง

“สมัยอายุ 24-25 เราถามรุ่นพี่ว่า รู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่ทำอยู่คือสิ่งที่ใช่ เพราะตอนนั้นเราก็สับสนแล้วว่าเราอยากเป็นแม่ค้า แต่ว่าทิ้งสถาปัตย์ไม่ได้ แม่ด่าตายเลย รุ่นพี่ก็บอกว่าไม่ต้องไปเครียด วันนึงจะมีจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราจะไม่ยอมอยู่แบบนี้แล้ว แค่นั้นเลย พออายุ 28-29 เราก็คลิกจริง ๆ เออ เข้าใจแล้ว” อดีตสถาปนิกเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา

“เราถามตัวเองว่ามีความสุขจริงเหรอ เดินไปทำงาน 8 โมง เลิก 5 ทุ่ม เรามีความสุขจริง ๆ ใช่มั้ย ถามตัวเองทุกวัน กินข้าวเที่ยงเหมือนเดิม เสาร์อาทิตย์เที่ยวญี่ปุ่นเหมือนเดิม มันเหมือนเดิมจนตั้งคำถามว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร

“เราอยู่ตรงนั้น 3 ปี ทำจนจบโปรเจกต์ ทำทั้งตึกออฟฟิศ สนามบิน แล้วก็ไม่ได้อยากทำสนามบินที่ใหม่ เลยตัดสินใจว่าฉันจะเดินออกมา เพราะถามตัวเองว่าถ้าขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้เป็นหัวหน้าในองค์กร หรือขึ้นไปเป็นเจ้าของบริษัทสถาปัตย์ จะแฮปปี้ไหม อ้าว ไม่แฮปปี้นี่ กลับไทยดีกว่า”

แน่นอนว่าการตัดสินใจบอกเลิกชีวิตสถาปนิกในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งบอกว่าจะมาทำธุรกิจขายสินค้าเครื่องสำอางยิ่งแล้วใหญ่ เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นเชียวนะ!

“พอบอกแม่ว่าจะลาออก แม่ก็ให้เพื่อนแม่ทุกคนโทรมากล่อมตอนอยู่ญี่ปุ่น เขาไม่เชื่อว่าอาชีพใหม่นี้มั่นคง เราก็บอกขอสองปี เราก็เริ่มตอนอายุยังน้อยด้วย ถ้าสองปีนี้ไม่เวิร์ก เดี๋ยวกลับไปทำงานใหม่ ให้เขาสบายใจ”

“ไม่ใช่เราไม่ชอบสถาปัตย์นะ แต่พอทำไปสักระยะหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเป้าหมายเราเปลี่ยน จากที่เราเรียนจบปริญญาโท ได้ทำงานในบริษัทญี่ปุ่นที่เราอยากเข้า แล้วเป้าหมายต่อไปคืออะไร แพชชันหมดแล้ว ก็ตอบตัวเองได้ว่าฉันอยากทำธุรกิจ

“ตอนเด็ก ๆ เรามีจิตวิญญาณแม่ค้ามาตลอด ชอบขายของตั้งแต่ประถม แต่ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าจะเรียนอะไร คนรุ่นเราก็เป็น gen ที่ทำเพื่อพ่อแม่อยู่นิด ๆ เราเรียนมาถึงจุดนี้ ทำงานตามที่เขาอยากให้เราทำ มีฐานรากที่มั่นคงก่อน เป็นจุดส่งผ่านไปทำอะไรที่อยากทำ แล้วกลับไปเอาความฝันวัยเด็กมาทำใหม่”

ไม่มีการเรียนรู้ที่เสียเวลา

ถามนกตรง ๆ ว่าเสียดายเวลาที่ผ่านไปไหม อุตส่าห์ขวนขวายไปเรียนที่โตไดอยู่หลายปี ความรู้ทั้งหลายก็ไม่ได้นำมาใช้ต่ออย่างเต็มที่

“ไม่ ให้เลือกอีกรอบ เราก็ยังจะสอบเข้าโตได มันเปิดประตูให้เยอะมาก ยังไงก็ต้องไปอยู่ญี่ปุ่น แล้วก็ทำสถาปัตย์ ไม่มีอะไรที่เราอยากแก้ไขเลยในอดีต” นกตอบฉะฉาน

“ตอนเลือกไปเรียนสถาปัตย์ พูดตรง ๆ เราอยากได้ความนับหน้าถือตา คนญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับมหา’ลัยที่ดี ใครจะบอกว่าเดี๋ยวนี้คนไม่สนใจดีกรีแล้ว แต่จริง ๆ ยังมีผลมากสำหรับคนต่างชาติ เราไม่ใช้คนญี่ปุ่น เราเป็นคนนอก ก็ต้องเป็นคนนอกที่เรียนในที่ดี ๆ เพื่อที่เราจะได้พาร์ทเนอร์ที่ดี และได้รับความน่าเชื่อถือ ซึ่งสังคมโตไดที่เราเจอเป็นสังคมที่ดี ช่วยเหลือกันตลอด เขาเห็นว่าเราเป็นเด็กต่างชาติที่มีความพยายาม”

“การทำธุรกิจกับคนญี่ปุ่นไม่ยากนะ แค่มีความเชื่อใจกัน เขาไม่แคร์ว่าเราต้องเป็นบริษัทใหญ่ ถ้าคุยกันแล้วเขาถูกใจ เขาเชื่อเราแล้ว เราก็ไปต่อได้เรื่อย ๆ การที่เรามีพื้นเพที่ดี พูดญี่ปุ่นได้ เป็นตัวส่งเสริม ถ้าไม่เคยอยู่ญี่ปุ่น พูดภาษาไม่ได้ คุยอะไรไม่รู้เรื่อง เขาก็ไม่เลือกเรา”

นกยังแถมข้อคิดอีกว่ายุคนี้ใคร ๆ ก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ และทักษะติดตัวที่ได้มาจากอาชีพต่าง ๆ คือสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรค์ ที่เธอได้มาจากจากเรียนสถาปัตยกรรมและการเป็นพี่ม้าพาเที่ยว

ทั้งการศึกษาและการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ช่วยต่อจุดลากเส้นให้นกได้ทำสิ่งที่เธอรักและเลือกเองในทุกวันนี้

“คนสมัยนี้ไม่ต้องมีอาชีพเดียวหรอก เราอยากเป็นอะไรเราก็เป็น ทำอะไรที่มีความสุขก็ทำให้หมดทุกอย่าง”

บทเรียนจากญี่ปุ่น

เรื่องเดียวที่นกเสียดาย คือการต้องกลับจากประเทศที่สองที่เธอรักและผูกพันมาก

“ญี่ปุ่นเหมือนบ้านหลังที่สอง ชีวิตที่นั่นสนุกมาก เราไปตอน 2014 กลับตอน 2019 เป็น 5 ปีที่ค่อนข้างคุ้ม ได้ทำงาน เที่ยว เปิดหูเปิดตา เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น กินของอร่อยทุกวัน เราไม่คิดถึงเมืองไทยเลย เพราะเพื่อนมาเยี่ยมบ่อยมาก แต่มาถึงช่วงชีวิตที่ต้องมูฟออน”

ด้วยความสนใจสกินแคร์ญี่ปุ่นและนิสัยร่าเริงช่างปฏิสัมพันธ์ นกเข้าใจดีว่าเธอเหมาะกับลูกค้าคนไทยมากกว่า ด้วยความเข้าใจว่าคนไทยต้องการอะไร และผิวพรรณเหมาะกับเครื่องสำอางแบบไหน จึงกลับมาปักหลักแบ่งปันเสน่ห์ของสินค้าญี่ปุ่นที่บ้านเกิด

“ญี่ปุ่นสอนเราเรื่องความอดทน ความอ่อนน้อม และการทำงานด้วยใจ คนญี่ปุ่นตั้งใจทำหน้าที่ของเขาดีมาก คนกวาดถนนก็ตั้งใจ พนักงานห้างก็ตั้งใจ สมมติผลิตสินค้าออกมา เราจะรับรู้ความตั้งใจได้เลยว่าทุกคนอยู่กับหน้าที่ด้วยใจรัก

แบรนด์ญี่ปุ่นเขาไม่ทำของหลายอย่าง โฟมล้างหน้าแบรนด์หนึ่งก็มีไม่เกิน 3 แบบ เพราะเขารู้ว่าตัวเองเอาใจไปใส่ได้แค่ตรงนี้ และจะทำอย่างดีที่สุด สถาปนิกอย่าง เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) จุดเด่นของเขาคืองานไม้ เป็นความเฉพาะทางไปเลย”

ความตั้งใจในอนาคตของเจ้าของแบรนด์ PMAHSHOP คือการคัดสรรของใช้ดี ๆ มาให้คนชอบผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นได้ใช้ และต่อไปอาจจะมีสินค้าแม่และเด็กเพิ่มเติม เพื่อเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า

 

ให้โอกาสตัวเอง

ปิดท้ายด้วยสิ่งที่นกอยากฝากถึงคนมีโอกาสไปเมืองนอก โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น

“ไปเลยค่ะ ถ้าสมมติไม่มีห่วงทางบ้านก็ไปเถอะ ช่วงชีวิตนึงก็กลับมาเอง สุดท้ายแล้วถ้าไม่กลับ ก็เป็นเส้นทางชีวิตที่มีโอกาสใหม่ ๆ อย่าปิดกั้นตัวเอง อย่างน้อยการได้ไปอยู่คนเดียวเยอะ ๆ จะได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ถ้าเรามีลูก ก็อยากให้ลูกได้ไปใช้ชีวิตเมืองนอก กลับตอนที่จำเป็นต้องกลับจริง ๆ”

และในฐานะรุ่นพี่ผู้ได้พบเส้นทางที่ใช่ ด้วยการกล้าเปิดประตูบานใหม่ที่ไม่คุ้นเคย นกมีคำแนะนำสั้น ๆ ว่า

“ไม่ต้องไปรีบกับชีวิต ไม่ต้องไปดูด้วยว่าคนอื่นรวยไม่รวย ทำอะไรถึงไหน ดูแค่ตัวเอง แล้วมีความสุขกับช่วงนั้นนะคะ”

PMAHSHOP おもてなし
Gaysorn Village ชั้น 2
https://pmahshop.com
https://linktr.ee/Pmahshop

อ่านบทความย้อนหลัง
คุยกับแอดมินเพจ ” พี่ม้าพาเที่ยว ฮี่ฮี่เจแปน” การเรียนต่อป.โทที่ญี่ปุ่น

 

ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น

เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง  ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ

รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)

ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียน
โทร. 02-267726 ต่อ 101-104
email : ask@jeducation.com

เพิ่มเพื่อน 

Scroll to Top