ยกระดับอาชีพ “ล่ามญี่ปุ่น” ในไทย
โดย อาจารย์บุญชู ตันติรัตนสุนทร
ประธานชมรมล่าม และนักแปลภาษาญี่ปุ่น
รางวัลสุรินทราชา ล่ามดีเด่น ปี 2560 จากสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย
อาจารย์ประจำ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจญี่ปุ่น (MBJ) สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
มีประสบการณ์ในฐานะล่าม, นักแปล และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ทั้งในและต่างประเทศ มากกว่า 30 ปี
Q : อาจารย์คิดว่าคนเป็นล่าม จะสามารถยกระดับคุณภาพการทำงานตัวเองได้อย่างไรคะ
คุณคิดว่า ตัวเองรู้จักตัวเองพอหรือเปล่า ว่าตัวเองเป็นล่ามสาขาไหน ถ้าเราเป็นล่ามหน้างาน อุตสาหกรรม เครื่องจักร เราต้องเก่งด้านนั้นให้ได้ก่อน ถ้าเราเป็นล่ามบัญชี เราก็ต้องเก่งศัพท์บัญชีให้ดีที่สุดก่อน อย่าคิดว่าอยู่หน้าเครื่องจักร แล้วใฝ่ฝันจะรู้ศัพท์หมอ มันไม่มีประโยชน์ เพราะเราไม่ได้ใช้
ถ้าเรามีโอกาสทำงานไหน เราก็ต้องเอาเก่งเฉพาะสาขานั้นให้ได้ยอดเยี่ยมก่อน
ไม่มีล่ามคนไหนที่ทำงานเก่งทุกสาขา อย่างผมทำงานล่ามมา 30-40 ปีเนี่ย ให้ผมไปแปลงาน ก็ต้องถามก่อนว่าไปแปลเรื่องอะไร จะให้ไปแปลเรื่องสิ่งแวดล้อม ก็ต้องถามว่าเรื่องเคมีรึเปล่า เพราะมันจะมีศัพท์สารพิษเยอะแยะต่างๆ มากมาย เราไม่มีทางรู้มากไปกว่าคนที่เค้าทำงานนั้นอยู่แล้ว ดังนั้น การเป็นล่าม ไม่ใช่ว่าเราแปลได้ทุกอย่าง แต่เราควรจะเลือกว่าเราจะแปลอะไร และ เราควรจะเก่งเฉพาะด้านไหน
ดังนั้นวิธีที่จะพัฒนาคือ ต้องรู้ว่าตัวเองนั้นอยากเป็น specialist ล่ามทางด้านไหนก่อน แล้วก็ศึกษาทางด้านนั้นให้เก่ง ศัพท์ + เนื้อหาต้องได้ ให้บางครั้ง เราสามารถพูดแทนวิทยากรได้
ปัญหาส่วนใหญ่ของล่ามรุ่นใหม่ คือภาษาไทยพูดไม่รู้เรื่อง เข้าใจญี่ปุ่นหมด แต่พอถึงภาษาไทยแล้วพูดไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าต้องการสื่ออะไร ถ้าจะแปลไทยไปญี่ปุ่นได้ สิ่งสำคัญคือ การใช้คำภาษาไทย
หลักสำคัญคือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ กับใคร
ภาษาญี่ปุ่นมันซับซ้อนกว่า มันชอบมีประโยคเล็กเป็นประธานประโยคใหญ่ ก็ไม่ต้องยึดโครงสร้างภาษาญี่ปุ่น รู้จักตัดเป็น 2 – 3 ประโยคได้ ไม่ผิด บางคนแปลไม่ได้ก็นิ่งไปเลย ดังนั้น ความไหลลื่นของภาษาไทยก็ได้จากการรู้จักแบ่งคอนเท้นท์ แบ่งสาระเป็นก้อนๆ แล้วนำเสนอออกไปด้วยภาษาของเราเอง
Q : ล่ามมืออาชีพที่ดี ในความเห็นของอาจารย์เป็นอย่างไร
ทุกคนเป็นล่ามได้หมดเลย เริ่มต้นเป็นล่ามได้ เป็นล่ามที่ดีได้ เป็นล่ามที่เก่งได้
แต่ล่ามอาชีพก็คือ ล่ามที่เป็นล่ามที่ดีก็ได้ และล่ามที่เก่งก็ได้
เพราะล่ามที่ดีกับล่ามที่เก่งไม่เหมือนกัน
ล่ามที่ดีคือแปลตรง ไม่แปลตามความคิดเห็นตัวเอง โครงสร้างประโยคเป็นยังไง แปลอย่างงั้น แต่ถ้าล่ามที่เก่ง จะสามารถเปลี่ยนโครงสร้างประโยค ทำให้เหมาะกับคนฟังได้ รู้ว่าใครฟัง ใช้น้ำเสียงสร้างบรรยากาศได้
แต่ล่ามที่ดีจะทำไม่ได้ มันเหมือนเครื่องจักร อนาคตล่ามที่ดี ก็จะถูกแทนที่ได้ด้วย google translate แปลโดยหุ่นยนต์ AI แต่ล่ามที่เก่งจะยังอยู่ได้อีกนาน จนกว่าสักวันเครื่องจักรจะสามารถสแกนอุณหภูมิคนฟังได้ รู้ว่าอารมณ์คนฟังเป็นยังไง จะแปลให้มันเศร้าได้ แปลให้สนุก หรือแปลให้ตื่นเต้นได้
เพราะฉะนั้น ล่ามที่เก่งหรือล่ามอาชีพ ต้องทำตามวัตถุประสงค์ของงานได้ และนี่คือสิ่งที่อนาคต หุ่นยนต์มาแทนยาก
ล่ามทุกคนจะมีสไตล์การแปลเป็นของตัวเอง เหมือนนักร้อง ที่ร้องเพลงเดียวกัน แต่ฟังแล้วรสชาติไม่เหมือนกัน คนที่จะเป็นล่ามที่เก่งได้ จะต้องหาสไตล์เป็นของตัวเองให้เจอ รู้ว่าสไตล์การแปลของตัวเองเป็นยังไง และจะทำให้สไตล์ของตัวเองโดดเด่นออกมาได้ยังไง แล้วให้ลูกค้าติดตลาดได้ยังไง เพื่อไม่ให้ลูกค้าหาใครมาแทนก็ได้
พอถึงจุดนั้น ราคาค่าตัวล่ามมันไม่ใช่ประเด็นแล้ว ถ้าเรามีดี ค่าตัวล่ามก็จะมาเอง
Q : แล้วในสถานการณ์ปัจจุบันที่เทคโนโลยีการแปลเพิ่มขึ้น ล่ามควรปรับตัว หรือพัฒนาตัวเองไปในทิศทางไหนคะ
ต้องอย่าหยุดเรียนรู้ การเรียนภาษาญี่ปุ่นต้องเป็นคนที่กลับไปสู่การเริ่มต้นเสมอ
ต้องพร้อมที่จะเป็นฟองน้ำ ที่ซับสิ่งต่างๆเข้ามา และ จะต้องมีความสุขกับสิ่งที่ทำด้วย
และ ต้องเป็นล่ามที่เก่ง ล่ามที่เก่งจะดูออกและทำตามวัตถุประสงค์ได้ ล่ามที่ดีจะแปลตรง ต่อให้เป็นล่ามที่ดียังไงก็แปลผิดเยอะ แต่ล่ามต้องเป็นให้ได้ทั้ง 2 อย่าง
อย่าคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์ เครื่องแปล คุณต้องทำให้ประธาน หรือใครที่มา ประทับใจในตัวคุณได้ เพราะว่า ล่ามคือคนที่สามารถไปเป็นตัวแทนคนญี่ปุ่นบางคนได้ สามารถเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลได้ในอนาคต บางทีมีล่ามถูกโปรโมทให้เป็นประธานบริษัทหลายคนแล้ว ล่ามต้องมีความก้าวหน้า ต้องดู Career Path ของคุณในอีก30ปี ว่าจะทำอะไรหลังจากนั้นด้วยนะ
คอร์ส ล่ามญี่ปุ่น รุ่นที่ 14โดยอาจารย์บุญชู ตันติรัตนสุนทร กำลังเปิดรับสมัคร!
คอร์สสำหรับพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการสื่อสารหรือการเป็นล่าม เพื่อให้ทำงานในองค์กรญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรียนทุกวันอาทิตย์ :: 29 พฤษภาคม – 26 มิถุนายน 2022
เวลา :: 14.00 – 17.00 น.
สถานที่ :: JEDUCATION สีลม (อาคารลิเบอร์ตี้สแควร์ ชั้น 23)
ค่าเรียนรอบละ 6,000 บาท
เนื่องด้วยสถานการณ์ COVID-19 ทางสถาบันมีมาตรการสำหรับผู้ที่เข้ามาเรียนที่สถาบันดังต่อไปนี้
- รับผู้เรียนจำนวนจำกัด รอบละ 16 คน (จากเดิม 24 คน)
- จัดโต๊ะเรียนเว้นระยะห่างแต่ละคน
- จัดเตรียมแอลกอฮอลล์ไว้ให้นักเรียนทุกคน
- โต๊ะเรียนและจุดสัมผัส มีการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนและหลังการใช้งาน
- ขอสงวนสิทธิ์ผู้ที่เข้ามาเรียนที่สถาบัน จะต้องได้รับวัคซีนป้องกัน Covid แล้วอย่างน้อย 1 เข็ม
>> คอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นของ Jeducation Center เปิดสอนตั้งแต่ระดับต้นจนถึงระดับสูง ผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว สามารถเข้ามาสอบ Placement Test กับสถาบันเพื่อจัดเข้าชั้นเรียน หรือเข้ามาทดลองเรียนได้ฟรี! สูงสุด 4 ชม.
???? เทอมกรกฎาคมกำลังเปิดรับสมัคร ????