เปิดโลกอิสระที่แดนอาทิตย์อุทัย กับการเรียน ภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น
เรียนญี่ปุ่นในห้องเรียนไม่จุใจ หรืออยากออกไปใช้ชีวิตที่แดนซากุระ แบบไม่ใช่แค่เที่ยวแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ แพ็คกระเป๋าใบใหญ่แล้วออกไปเรียนหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นเลยดีกว่าค่ะ
ไปเป็นนักเรียนในโรงเรียนสอนภาษา และไปเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตนเองในโรงเรียนโลกกว้าง สกิลการพูดการฟังจะพุ่งปรี๊ดในระยะเวลาจำกัดจากสถานการณ์จริงรายล้อม จะท่องเที่ยวหรือทัศนศึกษาก็จัดการเวลาว่างได้ด้วยตนเอง
การไปเรียน ภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น ที่ญี่ปุ่น ไปนานแค่ไหน ใช้เงินเท่าไหร่ เรียนแล้วได้อะไรมากน้อยแค่ไหน มาไขข้อข้องใจไปทีละเปลาะกันค่ะ
ระยะสั้นคือสั้นแค่ไหน?
การเรียนหลักสูตร ภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น คือ การไปเรียนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนสอนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ถึง 3 เดือน คืออยู่ญี่ปุ่นได้มากที่สุดไม่เกิน 90 วัน เท่ากับระยะเวลานานที่สุดของวีซ่าระยะสั้น โดยจะเรียนวันจันทร์ – ศุกร์ เวลาครึ่งวันเช้าหรือครึ่งวันบ่ายแล้วแต่ระดับชั้นเรียน
ดังนั้นครึ่งวันที่เหลือ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ เป็นเวลาอิสระที่จะไปทำอะไรก็ได้ตามชอบ จะฉายเดี่ยวเที่ยวเองหรือจับกลุ่มไปกับเพื่อนต่างชาติที่เรียนด้วยกันในห้องก็ได้ค่ะ
เรียนอะไร?
เรียนภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ค่ะ ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียนกระหน่ำมาครบหมดทุกทักษะ สอนโดยครูญี่ปุ่นที่จะพูดใส่เราเป็นภาษาญี่ปุ่นมาเป็นชุดๆ ตั้งแต่วันแรก แม้หูเราจะไม่กระดิกเลยก็ตาม แต่ฟังๆไป น่าแปลกที่ “ใจ” กลับสามารถเข้าใจได้ว่าครูพูดว่าอะไร ส่วนคนที่เคยเรียนมาบ้างแล้ว เมื่อไปถึงโรงเรียนจะต้องสอบเพื่อเข้าเรียนตามระดับที่เหมาะสมกับพื้นฐานที่มีอยู่
เรียนกับใคร?
แน่นอนว่าเราจะไม่ได้เรียนกับคนญี่ปุ่นค่ะ เพราะคนญี่ปุ่นเค้าไม่ต้องมานั่งเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบนี้ เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเราจะเป็นเพื่อนต่างชาติจากหลายประเทศ เช่น จีน ไต้หวัน เกาหลี เวียดนาม อินโดนีเชีย ฯลฯ มีฝรั่งผมทองโผล่มาบ้างหรอมแหรม
แต่เพื่อนฝรั่งผมทองนี่ ขอโทษ…อย่าคิดว่าจะสปีคภาษาอังกฤษกับเค้านะคะ ถ้าเป็นคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมาพอสมควรแล้ว จะพ่นภาษาญี่ปุ่นใส่เราไฟแล่บค่ะ แถมหลายๆคนยังเก่งคันจิมากจนแอบตกใจว่าเป็นคนจีนกลับชาติมาเกิดหรืออย่างไร
กินอยู่ยังไง?
ที่พักจะมีหลายแบบค่ะ แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันไป มีทั้งแบบหอพักที่ทางโรงเรียนจัดหาให้ ซึ่งสะดวกเพราะส่วนใหญ่จะมีทุกอย่างให้พร้อมสรรพ , พักแบบแชร์เฮ้าส์ร่วมกับคนญี่ปุ่น ซึ่งมีข้อดีตรงที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนญี่ปุ่นในบ้านหรือในอพาร์ทเมนท์เดียวกัน ทำให้ได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นกับเพื่อนคนญี่ปุ่น หรือจะพักแบบโฮมสเตย์กับครอบครัวชาวญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ที่พักแบบโฮมสเตย์จะอยู่ไกลกว่าหอพักและราคาแพงกว่า เพราะคิดรวมราคาที่พักและอาหารวันละ 2 มื้อ แต่จะทำให้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้รวดเร็ว เป็นธรรมชาติ ทั้งยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดด้วย
ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
เจ๊ต้องขอชี้แจงนิดนึงก่อนนะคะว่า เนื่องจากโรงเรียนที่รับนักเรียนเข้าเรียนระยะสั้นมีหลายสิบแห่งค่ะ ค่าเล่าเรียนก็แตกต่างกันไป ค่าที่พักของแต่ละเมืองก็ไม่เท่ากัน อีกทั้งเรื่องค่าอาหารการกินที่แต่ละคนต้องซื้อเอง ทำเอง กระเพาะใครจะกินจุแค่ไหน เจ๊จะคำนวณให้ก็ลำบากอยู่ จึงบอกได้แค่เป็นค่าใช้จ่ายโดยประมาณนะคะ
ค่าเล่าเรียนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 หมื่นบาทต่อเดือนแล้วแต่โรงเรียน
ค่าที่พักประมาณ 2 – 3 หมื่นบาทแล้วแต่สถานที่
ส่วนที่เหลือจะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง จิปาถะ แล้วแต่ว่าใครจะประหยัดหรือใช้เงินกระจายมากน้อยแค่ไหน ไปเที่ยวมากน้อยแค่ไหน
สรุปว่าจะใช้เงินรวมแล้ว ประมาณ 6 หมื่น – 1 แสนบาทต่อเดือน
ส่วนเรื่องราคาตั๋วเครื่องบิน ยุคนี้คงต้องอาศัยความไวของแต่ละคน ในการจองตั๋วโปรโมชั่นราคาพิเศษที่ออกกันมาแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ล่ะค่ะ
จำกัดอายุไหม?
เนื่องจากการไปเรียนที่ญี่ปุ่นจะต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเองค่ะ โรงเรียนส่วนใหญ่จึงจะรับนักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีหรือ 18 ปีขึ้นไป (แล้วแต่สถาบัน) และควรจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว มีความรับผิดชอบและมีวินัยในตัวเอง พร้อมที่จะออกแบบชีวิตในต่างแดนเองได้ เพราะตารางชีวิตค่อนข้างยืดหยุ่นและอิสระ ต้องดูแลตัวเองทั้งด้านการเรียน การเดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวัน
ส่วนอายุขั้นสูงนั้นไม่จำกัดค่ะ ตราบใดที่มีใจอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นล่ะก็ อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น เพียงแต่ในการยื่นขอวีซ่าระยะสั้น จำเป็นที่จะต้องมีหลักฐานทางการงานที่มั่นคงและการเงินที่มากพอสมควร เอ่อ… ถ้าจะถามว่ามากพอสมควรคือเท่าไหร่นั้น ต้องขออภัยด้วยนะคะเพราะเจ๊ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางสถานทูตญี่ปุ่นล้วนๆ
ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลยไปเรียนได้ไหม?
เรื่องการไปเรียนนั้น ไปเรียนได้ค่ะ ทุกโรงเรียนเปิดสอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานตั้งแต่เริ่มออกเสียงภาษาญี่ปุ่น อะ อิ อุ เอะ โอะ …. โดยจะเปิดเทอมใหม่ทุกๆ 3 เดือน คือเมษายน กรกฎาคม ตุลาคมและมกราคม
เรื่องเรียนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ที่จะลำบากใจคือเรื่องของการใช้ชีวิตมากกว่าค่ะ ไปเรียนที่ญี่ปุ่นกับตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น การใช้ชีวิตไม่เหมือนกันเลยค่ะ
ถ้าคนที่ชอบความท้าทาย และมั่นใจว่าแม้จะพูดไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง อ่านคันจิไม่ออก ใช้รีโมทแอร์ไม่เป็น กดปุ่มเครื่องซักผ้าไม่ถูก ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ชั้นก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ คนที่คิดแบบนี้จะสามารถสนุกกับการแก้ปัญหา และเติบโตขึ้นจากประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวในแต่ละวัน
แต่ถ้าคนที่เจออุปสรรคด้านภาษาแล้วถอดใจ ก็จะรู้สึกเสียเซลฟ์ เพราะไม่สามารถทำอะไรได้เลยในดินแดนที่พูดไม่ได้ ฟังไม่ออก ฉะนั้น คำถามนี้เจ๊ขอให้ท่านที่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน ลองประเมินสภาพจิตใจของตัวเองก่อนจะตัดสินใจไปเรียนนะคะ
ถ้ายังไม่มั่นใจในภาษาญี่ปุ่นของตนเองว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังได้ตลอดรอดฝั่ง สามารถเลือกไปเรียนระยะสั้นแบบ Study Trip ซึ่งสะดวกและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเดินทางไปเป็นกลุ่มพร้อมเจ้าหน้าที่ดูแล ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการไปทัศนศึกษาที่ต่าง ๆ เตรียมไว้พร้อมสรรพ จึงสะดวกกว่าและไม่เหนื่อยในการหาข้อมูล เวลาอิสระนอกเหนือจากโปรแกรมที่กำหนดก็สามารถเลือกใช้เวลาว่างตามความพอใจได้เช่นกันค่ะ
ที่เขียนมาเป็นรายละเอียดเบื้องต้นของการไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นค่ะ เชื่อว่าคนที่มีความพร้อมและมีโอกาสได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่กลับมาด้วยความประทับใจและทำให้มีแรงผลักดันให้ขยันเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นค่ะ ( เพราะไปถึงแล้วจะรู้ว่าเรานั้นอ่อนด้อยมากๆ ) หากท่านใดมีข้อสงสัยอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถสอบถามเจ๊ได้เพิ่มเติมที่หน้าเพจ Jeducation นะคะ
รายละเอียดสถาบันที่เปิดรับสมัคร
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line