
การศึกษาระดับสูงในญี่ปุ่นนั้นเริ่มต้นหลังจากผ่านการศึกษาในระดับโรงเรียนมาแล้ว 12 ปี คือจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนั้นนักศึกษาไทยที่ประสงค์จะศึกษาต่อระดับสูงในประเทศญี่ปุ่น จะต้องสำเร็จการศึกษาอย่างน้อย 12 ปีในประเทศเสียก่อน ( จบม.6 ) ซึ่งสถาบันที่นักศึกษาสามารถเข้าศึกษาต่อได้นั้น แบ่งประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
มหาวิทยาลัย

นักศึกษาภาคปกติ โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการศึกษา 4 ปี ยกเว้นคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสัตวแพทยศาสตร์ จะใช้เวลาศึกษาทั้งสิ้นรวม 6 ปี
นักศึกษาเวลาพิเศษประเภทไม่รับหน่วยกิต ( Auditors ) สามารถเลือกเรียนวิชาต่างๆ ได้ แต่คุณสมบัติของนักศึกษาและวิชาที่เปิดให้เข้าเรียน จะแตกต่างไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย นักศึกษาประเภทนี้จะไม่ได้รับหน่วยกิต
นักศึกษาเวลาพิเศษประเภทได้รับหน่วยกิต รายละเอียดเช่นเดียวกับนักศึกษาเวลาพิเศษประเภทแรก แต่นักศึกษาประเภทนี้จะได้รับหน่วยกิต
มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
1. มหาวิทยาลัยรัฐบาล
คือมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งโดยรัฐบาลกลางของญี่ปุ่น กระจายอยู่ทั่วประเทศทั้งหมด 87 แห่ง (ข้อมูลปี 2549) ในแต่ละจังหวัดจะมีมหาวิทยาลัยของรัฐบาล 1 แห่งเป็นอย่างต่ำ
2. มหาวิทยาลัยท้องถิ่น
คือมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งโดยองค์กรปกครองตนเองส่วนท้องถิ่น มีอยู่ทั้งสิ้น 86 แห่งทั่วประเทศ
3. มหาวิทยาลัยเอกชน
คือมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งโดยเอกชน มีอยู่ทั้งสิ้น 408 แห่งทั่วประเทศ ซึ่ง 40% ของมหาวิทยาลัยเอกชนอยู่ในกรุงโตเกียว
แม้ว่าจะแบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 3 ประเภทตามองค์กรที่จัดตั้งก็ตาม แต่ทั้ง 3 ประเภทก็ถูกจัดตั้งขึ้นด้วยมาตรฐานเดียวกัน คุณภาพทางการศึกษาในระดับเดียวกัน ต่างกันที่ค่าใช้จ่ายของเอกชนจะแพงกว่าของรัฐบาลและท้องถิ่น
และถึงแม้ว่านักศึกษาส่วนใหญ่ ต่างก็มุ่งที่จะเรียนในโตเกียวก็ตาม แต่ในพื้นที่อื่น ๆ ของญี่ปุ่นก็มีข้อได้เปรียบอื่น ๆ หลายอย่าง เช่นในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า จำนวนนักศึกษาต่อห้องที่น้อยกว่าทำให้อาจารย์ดูแลได้ทั่วถึง มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสังคมท้องถิ่นง่ายกว่าการอยู่ในเมืองใหญ่ที่สับสนวุ่นวาย เป็นต้น
ระยะเวลาการศึกษาของหลักสูตรปริญญาตรีโดยปรกติคือ 4 ปี ยกเว้นคณะแพทยศาสตร์ , ทันตแพทยศาสตร์ และสัตวแพทยศาสตร์ ซึ่งจะต้องใช้เวลา 6 ปี
เงื่อนไขในการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย ( ระดับปริญญาตรี )
การเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น จำเป็นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่ง ดังต่อไปนี้
1. เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตร 12 ปี ( ตั้งแต่ป.1 – ม.6 )
2. กรณีที่สำเร็จการศึกษาในเวลา 10 ปีหรือ 11 ปี จะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาใน ” หลักสูตรเตรียมเข้าศึกษาต่อ ” จากสถาบันที่ได้รับการรับรองโดยกระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม การกีฬาและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
3. เป็นผู้ที่สอบผ่านการสอบที่ได้รับการรับรองจากแต่ละประเทศว่าเทียบเท่า ” การสอบอนุมัติสำเร็จหลักสูตรการศึกษา จากสถานศึกษาระดับสูง ” ของญี่ปุ่น
4. เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความรู้ความสามารถเทียบเท่า หรือมากกว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย
ก. เป็นผู้ที่สอบผ่านหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายนานาชาติ ( International Baccalaureate ) หรือสอบผ่านหลักสูตร Abitur ของประเทศเยอรมัน และมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ข. ผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตร 12 ปี จากสถานศึกษาสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การประเมินการศึกษานานาชาติ ( WASC , ACSI , ECIS ) และมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
5. เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความรู้ความสามารถเทียบเท่าหรือมากกว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาคุณสมบัติให้เข้าศึกษาเป็นราย ๆ ไป จากมหาวิทยาลัย และมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
วิธีการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น
1. ได้รับการตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยก่อนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น กล่าวคือทางมหาวิทยาลัยรับนักศึกษาเข้าศึกษาโดยพิจารณาจาก ใบสมัครและเอกสารการสมัครที่นักศึกษาส่งไปจากเมืองไทย แต่มีมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น (ประมาณ 20 แห่ง ) ที่รับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อโดยการคัดเลือกจากเอกสารเพียงอย่างเดียวเช่นนี้
2. เดินทางไปสอบคัดเลือกในประเทศญี่ปุ่นโดยวีซ่าระยะสั้น (15 – 90วัน) หากสอบผ่านก็สามารถเปลี่ยนประเภทวีซ่าได้โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศ แต่วิธีนี้ต้องวางแผนการให้ดี เพราะแต่ละมหาวิทยาลัยมีการจัดสอบไม่ตรงกัน คือสำหรับการเปิดภาคเรียนในเดือนเมษายน การสอบเข้าจะอยู่ในระหว่างเดือนกันยายน – มีนาคม
3. เข้าศึกษาในสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่นระยะหนึ่งก่อน หลังจากนั้นค่อยสมัครเข้าเรียนและดำเนินการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย วิธีนี้เป็นวิธีที่นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่ใช้มากที่สุด โดยเฉพาะคนที่พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นยังไม่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตาม การศึกษาภาษาญี่ปุ่นภายในประเทศไทยให้ดีก่อน ก็จะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการไปศึกษาที่ญี่ปุ่นได้มากขึ้น
การสอบเข้ามหาวิทยาลัย
นักศึกษาต่างชาติที่มีความประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น จะต้องผ่านการสอบคัดเลือกดังต่อไปนี้
1. การสอบคัดเลือกของมหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยจำนวนมากที่จัดให้มีกระบวนการสอบคัดเลือกพิเศษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่อย่างไรก็ตามผู้สมัครต้องไปสอบที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรายละเอียดของวิชาที่สอบ วันสอบและวิธีการคัดเลือกจะแตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย
2. การสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดผลและรับรองความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของนักศึกษาต่างชาติ ระดับ 1 อันเป็นระดับสูงสุดของการสอบนี้ ( ระดับผ่านการศึกษาภาษาญี่ปุ่นมาประมาณ 900 ชั่วโมง ) ใช้เป็นเกณฑ์วัดความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของนักศึกษาต่างชาติที่สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย และวิทยาลัยในญี่ปุ่น ระยะหลัง มหาวิทยาลัยบางแห่งก็ใช้เพียงระดับ 2 เท่านั้น การสอบนี้ (ระดับ1) มีการนำไปใช้ประมาณ 91% สำหรับมหาวิทยาลัยของรัฐ 65% สำหรับมหาวิทยาลัยท้องถิ่น และ 60% สำหรับมหาวิทยาลัยเอกชน อย่างไรก็ตาม เกณฑ์การนำผลการสอบนี้ ไปประกอบการพิจารณานั้นแตกต่างกันไปตามมหาวิทยาลัย
อนึ่ง การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น เพื่อที่จะใช้เป็นเอกสารในการตัดสินเพื่อการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย จะใช้ผลการตัดสินของปี 2544 เป็นปีสุดท้าย ตั้งแต่ปี 2545 จะจัดให้มีการสอบเพื่อศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น ( E.J.U ) ซึ่งข้อสอบใหม่นี้จะมีข้อสอบวิชาภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมขึ้นมา
3. การสอบเพื่อศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น ( EJU ) การสอบระบบใหม่ที่เริ่มใช้ครั้งแรกในปี 2545 เป็นการจัดสอบสำหรับนักศึกษาต่างชาติทุนส่วนตัวที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น ( ระดับปริญญาตรี ) เพื่อวัดความสามารถทางการศึกษาและความสามารถในด้านภาษาญี่ปุ่น โดยจะใช้ผลการสอบนี้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณารับนักศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อ รายละเอียดเพิ่มเติม
4. การสอบโดยศูนย์การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ นักศึกษาญี่ปุ่นที่ต้องการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของรัฐบาลหรือท้องถิ่น จำเป็นต้องผ่านการสอบ ของศูนย์การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ มหาวิทยาลัยส่วนมากยกเว้นการสอบนี้ สำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่ทว่าในบางคณะของสถาบันบางแห่งยังคงกำหนดให้นักศึกษาต่างชาติ ต้องผ่านการสอบนี้อยู่ โดยเฉพาะคณะแพทยศาสตร์
5. วิธีการอื่น ๆ ในการคัดเลือกนักศึกษาต่างชาติ วิธีการอื่น ๆ ที่มหาวิทยาลัยใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาต่างชาติ มีทั้งการตรวจสอบเอกสาร การสอบวัดความสามารถที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ จัดขึ้นโดยเฉพาะ การสอบสัมภาษณ์ บทความสั้น เรียงความ การสอบวัดความสามารถ และความถนัดอื่น ๆ ซึ่งมีวิธีการแตกต่างกันไป ตามคณะของแต่ละมหาวิทยาลัย
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในปีแรก ( รวมค่าธรรมเนียมในการสมัคร ค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย ) สำหรับในชั้นปีที่สอง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะลดลงเหลือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะค่าแรกเข้านั้นเสียเฉพาะในปีแรกเท่านั้น
| รัฐบาล ( ทุกสาขา ) | 834,800 เยน | 317,414 บาท | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ท้องถิ่น | 948,994 เยน | 360,834 บาท | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เอกชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เงื่อนไขสำหรับการสำเร็จการศึกษา
มหาวิทยาลัยส่วนมากกำหนดจำนวนหน่วยกิตไว้อย่างน้อย 124 หน่วยกิต (ยกเว้นคณะแพทย์ศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์ จะต้องได้หน่วยกิตอย่างน้อย 188 หน่วยกิต ส่วนคณะสัตวแพทยศาสตร์ต้องได้หน่วยกิต อย่างน้อย 182 หน่วยกิต ) หลังจากสำเร็จการศึกษา นักศึกษาจะได้รับ ” ปริญญาตรี ” ( Gakushi )
Link ข้อมูลเพิ่มเติม
Asian University Ranking
บัณฑิตวิทยาลัย

คุณสมบัติของนักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าศึกษาในบัณฑิตวิทยาลัย
- หลักสูตรระดับปริญญาโท
ผู้ที่จบปริญญาตรี ( หลักสูตร 4 ปี ) หรือผู้ที่ได้รับการรับรองว่ามีความรู้ความสามารถเทียบเท่า หรือสูงกว่า ปริญญาตรี หรือเป็นผู้ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศเป็นเวลา 16 ปี สำหรับผู้ที่จบการศึกษาในต่างประเทศเป็นเวลา 15 ปี ต้องเป็นผู้ที่บัณฑิตวิทยาลัยรับรองว่า มีผลการเรียนดีเยี่ยม หรือผู้ที่ได้รับการตรวจสอบคุณสมบัติการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทเป็นราย ๆ ไปจากบัณฑิตวิทยาลัยว่ามีความรู้ความสามารถเทียบเท่าหรือสูงกว่า และรวมไปถึงผู้ที่มีอายุถึง 22 ปีด้วย - หลักสูตรระดับปริญญาเอก
ต้องมีวุฒิปริญญาโทหรือผู้ที่ได้รับการรับรองว่ามีความรู้ความสามารถเทียบเท่าหรือสูงกว่าปริญญาโท ผู้ที่ได้รับปริญญาโทจากบัณฑิตวิทยาลัยในต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับการตรวจสอบคุณสมบัติ การเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกเป็นราย ๆ ไปจากบัณฑิตวิทยาลัยว่า มีความรู้ความสามารถเทียบเท่าหรือสูงกว่า และรวมไปถึงผู้ที่มีอายุถึง 24 ปีด้วยสำหรับหลักสูตรปริญญาเอกของคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์และสัตวแพทยศาสตร์ ต้องเรียนในมหาวิทยาลัย 4 ปีขึ้นไป ต้องเป็นผู้ที่บัณฑิตวิทยาลัยรับรองว่ามีผลการเรียนดีเยี่ยม และยังรวมไปถึงผู้ที่จบการศึกษาในต่างประเทศเป็นเวลา 16 ปี และเป็นผู้ที่บัณฑิตวิทยาลัยรับรองว่า มีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม - นักศึกษาวิจัย
ผู้ที่เป็นนักศึกษาวิจัยประเภทนี้จะต้องมีคุณสมบัติ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโทขึ้นไป ชื่อและวิธีการของระบบจะแตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย
การสอบคัดเลือกเข้าบัณฑิตวิทยาลัย
- นักศึกษาภาคปกติ
การที่จะเข้าศึกษาในหลักสูตรปริญญาโทหรือปริญญาเอกภาคปกติของบัณฑิตวิทยาลัยนั้น นักศึกษาต้องผ่านการสอบคัดเลือกของบัณฑิตวิทยาลัยที่จัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นก่อนการพิจารณาคัดเลือกนักศึกษาในระดับบัณฑิตวิทยาลัย โดยทั่วไป จะใช้วิธีการตรวจสอบจากเอกสาร รายละเอียดสรุปของวิทยานิพนธ์ในปริญญาตรี สอบปากเปล่า ซึ่งเน้นในเนื้อหาวิชาเอกที่นักศึกษาสมัคร นอกจากนี้ยังมีการสอบข้อเขียนในวิชาภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศอื่น ๆ และวิชาพิเศษอื่น ๆ
แม้ช่วงระยะเวลาการสอบเข้านั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละมหาวิทยาลัย แต่ส่วนมากจะอยู่ในช่วง เดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม บัณฑิตวิทยาลัยบางแห่งจัดสอบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะในสาขาทางศิลปะ - นักศึกษาวิจัย
มหาวิทยาลัยพิจารณารับนักศึกษาโดยการตรวจสอบเอกสารเป็นหลัก
ทั้งนักศึกษาภาคปกติและนักศึกษาวิจัยนั้น บัณฑิตวิทยาลัยหลายแห่งกำหนดให้นักศึกษา ติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อให้อาจารย์รับรองก่อนสมัครเรียน นักเรียนควรสอบถามไปยังมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัครเข้าเรียนก่อน ว่าจำเป็นต้องติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาหรือไม่ ในกรณีที่จำเป็น นักศึกษาสามารถหาข้อมูลของอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งตรงกับเนื้อหาวิชาเอกของตนเองได้จาก โฮมเพจของสำนักงานวิจัยศึกษาข้อมูลแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการฯ ข้อมูลอ้างอิงของนักวิจัยสาขาต่าง ๆ ในประเทศของตนเอง นักเรียนเก่าญี่ปุ่น วารสารทางวิชาการ รายชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของบัณฑิตวิทยาลัยในแต่ละมหาวิทยาลัย
สำหรับอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์นั้น บางท่านอาจมีโฮมเพจของภาควิชา แต่ไม่ได้แจ้ง email ไว้ให้ทราบก็มี ดังนั้นจึงขอให้ลองติดต่อกับอาจารย์โดยใช้โทรสาร หรือจดหมาย บัณฑิตวิทยาลัยบางแห่งอาจช่วยแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาให้ก่อน
ในกรณีที่ติดต่อหาอาจารย์ที่ปรึกษาทางจดหมาย ควรส่งผลงานหรือวิทยานิพนธ์ที่เคยทำในสมัยปริญญาตรี แผนการทำวิจัย และบรรยายอย่างละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลที่เลือกอาจารย์ท่านนี้ พร้อมกันนี้ควรแนบใบรับรองจากอาจารย์ที่ปรึกษาในมหาวิทยาลัยที่เคยหรือกำลังศึกษาอยู่ไปด้วย เนื่องจากอาจารย์ต้องพิจารณารับนักศึกษาจากเอกสารเท่านั้น จึงต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ การติดต่ออาจารย์ในครั้งแรก ๆ อาจไม่ได้รับการตอบกลับมา จำเป็นต้องติดต่อหลาย ๆ ครั้ง การแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง กระตือรือร้นในการศึกษาของตัวนักศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ
การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ที่ปรึกษาในระดับบัณฑิตวิทยาลัย
- ค้นหารายชื่ออาจารย์และสังกัดจากหนังสือแนะนำมหาวิทยาลัย หนังสือแนะนำอาจารย์ของมหาวิทยาลัย หรือจดหมายข่าว
- สอบถามข้อมูลจากผู้ที่เคยไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นมา หรือผู้ที่ทำงานอยู่ในสาขาที่จะศึกษาต่อ
- ถ้าค้นหาข้อมูลของสาขาที่จะศึกษาต่อจากโฮมเพจของมหาวิทยาลัยไม่ได้ ให้ส่งอีเมล์ โทรสารหรือจดหมายเพื่อขอรายละเอียดไปที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นโดยตรง
- ค้นหาข้อมูลนักวิจัยและหัวข้อวิจัย จากเว็บไซท์ http://read.jst.go.jp/index_e.html
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ตารางต่อไปนี้แสดงค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในปีแรก ( รวมค่าธรรมเนียมในการสมัคร ค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย ) สำหรับในชั้นปีที่สอง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะลดลงเหลือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะค่าแรกเข้านั้นเสียเฉพาะในปีแรกเท่านั้น
| รัฐบาล (ทุกสาขา) | 847,,800 เยน | 322,357 บาท | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ท้องถิ่น | 935,629 เยน | 355,752 บาท | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เอกชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เงื่อนไขสำหรับการสำเร็จการศึกษา
งื่อนไขสำหรับการสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกจะแตกต่างกัน ในระดับปริญญาโท นักศึกษาจะต้องเรียนอย่างน้อย 2 ปี สอบผ่านจำนวนหน่วยกิตครบตามที่กำหนด (อย่างน้อย 30 หน่วย) และเขียนวิทยานิพนธ์และสอบวิทยานิพนธ์ผ่าน นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจะได้รับ “ปริญญามหาบัณฑิต” ( Shushi )
ในกรณีของหลักสูตรปริญญาเอก นักศึกษาจะต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 5 ปี ( รวมระยะเวลาในการศึกษา หลักสูตรปริญญาโท 2 ปี ) สอบผ่านอย่างน้อย 30 หน่วย ( รวมหน่วยกิตในระดับปริญญาโทด้วย ) เขียนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกที่ผ่านการรับรองและสอบวิทยานิพนธ์ผ่าน นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจะได้รับ ” ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ” ( Hakushi )
Link ข้อมูลเพิ่มเติม
วิทยาลัย

คุณสมบัติของนักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าศึกษาในวิทยาลัย
- นักศึกษาจะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนของประเทศตนเอง เป็นระยะเวลา 12 ปี ( ตั้งแต่ป.1 – ม.6 )
การสอบเข้าวิทยาลัย
ในการเข้าศึกษาในวิทยาลัยนั้น นักศึกษาจะต้องสอบผ่านการสอบคัดเลือกเข้าวิทยาลัยที่จัดขึ้นในญี่ปุ่น มีวิทยาลัยประมาณ 40% ที่มีวิธีการพิจารณาพิเศษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ยิ่งไปกว่านั้น มีวิทยาลัยถึง 69 % ใช้ผลการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น และ 37% ใช้ผลการสอบสามัญทั่วไป สำหรับนักศึกษาต่างชาติเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือก
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในปีแรก ( รวมค่าธรรมเนียมในการสมัคร ค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย ) สำหรับในชั้นปีที่สอง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะลดลงเหลือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะค่าแรกเข้านั้นเสียเฉพาะในปีแรกเท่านั้น
| รัฐบาล | 513,600 เยน | 183,429 บาท | ||||||||||||||||||||||||
| ท้องถิ่น | 560,869 เยน | 200,310 บาท | ||||||||||||||||||||||||
เอกชน
|
||||||||||||||||||||||||||
เงื่อนไขสำหรับการสำเร็จการศึกษา
การสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยนั้น นักศึกษาจะต้องเรียนอย่างน้อย 2 ปี และสอบผ่านอย่างน้อย 62 หน่วยกิต ในวิทยาลัยที่เรียน 2 ปี และสำหรับวิทยาลัยที่มีหลักสูตร 3 ปีนั้น นักศึกษาจะต้องสอบผ่านอย่างน้อย 93หน่วยกิต นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยที่มีหลักสูตร 3 ปีจะได้อนุปริญญา
วิทยาลัยอาชีวศึกษา

วิทยาลัยอาชีวศึกษา ( หลักสูตรวิชาชีพชั้นสูง ) หรือ Senmon Gakkou เป็นสถานศึกษาระดับสูงประเภทหนึ่ง โดยเป็นสถานศึกษาที่มุ่งยกระดับการศึกษา และให้ผู้เรียนได้รับความรู้ เทคนิคและทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ และความชำนาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ทันที ในปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 3,435 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาบันของเอกชน
หลักสูตรที่เปิดสอน
หลักสูตรที่เปิดสอนในวิทยาลัยอาชีวศึกษา หลักสูตรวิชาชีพชั้นสูงนี้ แบ่งออกเป็น 8 สาขาได้แก่
- อุตสาหกรรม เช่น ไฟฟ้า , เครื่องกล , วิศวกรรมโยธา , วิศวกรรมก่อสร้าง , ช่างสำรวจ , สถาปัตยกรรม
- เกษตรศาสตร์ เช่น การเกษตรกรรม , การจัดสวน , เทคโนโลยีชีวภาพ
- การแพทย์และพยาบาล เช่น พยาบาล , เทคนิคทันตกรรม , กายภาพบำบัด
- การศึกษาและสังคมสงเคราะห์ เช่น การดูแลเด็กอ่อนและคนชรา , สวัสดิการสังคม
- สาธารณสุขศาสตร์ เช่น อาหาร , โภชนาการ , ช่างทำผม , ช่างเสริมสวย
- พาณิชยศาสตร์ เช่น บัญชี , เลขานุการ , ธุรกิจท่องเที่ยว , การโรงแรม
- คหกรรมศาสตร์ เช่น ตัดเย็บเสื้อผ้า , ธุรกิจแฟชั่น, ออกแบบ , การตัดเย็บแบบญี่ปุ่น
- ศิลปวัฒนธรรมและการศึกษาทั่วไป เช่น ภาษาศาสตร์ , ศิลปกรรม , ดนตรี , กีฬา , ถ่ายภาพ , การแสดง
เมื่อจบการศึกษาแล้ว ผู้เรียนสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น นักออกแบบตกแต่งภายใน , สถาปนิก , วิศวกรระบบ , ช่างเทคนิครถยนต์ , เชฟ , เชฟทำขนม , ช่างเสริมสวย , พนักงานบัญชีของรัฐ , นักแปล / ล่าม , พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน , พนักงานโรงแรม , ผู้ดูแลเด็กอ่อนหรือผู้สูงอายุ , แม่บ้าน , แฟชั่นดีไซเนอร์ , นักออกแบบการ์ตูนอนิเมชั่น , ผู้กำกับภาพยนตร์ , โปรดิวเซอร์ , นักสร้างเกม , นักออกแบบอัญมณี ฯลฯ
*** วิทยาลัยอาชีวศึกษา ไม่มีหลักสูตรที่สอนด้วยภาษาอังกฤษ

ระยะเวลาในการเรียน
หลักสูตรของ Senmon Gakkou ส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาเรียนไว้ที่ 2 ปี แต่มีบางหลักสูตรที่เรียน 1 ปี , 3 ปี หรือ 4 ปี
เงื่อนไขในการเข้าศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา
จำเป็นต้องมีข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตร 12 ปี ( จบม.ปลาย ) และต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- กรณีที่สำเร็จการศึกษาระดับกลางในเวลา 10 หรือ 11 ปี จะต้องเป็นนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรเตรียมเข้าศึกษาต่อ จากสถาบันที่ได้รับการรับรอง และจะต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- ในการจะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยนั้น จะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเทียบเท่าหรือสูงกว่า
ก) เป็นผู้ที่สอบผ่านหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายของนานาชาติ ( International Baccalaureate ) หรือสอบผ่านหลักสูตร Abitur ของประเทศเยอรมัน และต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ข) เป็นผู้ที่สำเร็จหลักสูตร 12 ปี ในสถานศึกษาสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การการประเมินประหว่างประเทศ ( WASC , ACSI , ECIS ) และต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
4. เป็นผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติในการเข้าศึกษาเป็นรายบุคคลจากวิทยาลัยอาชีวศึกษา ( หลักสูตรวิชาชีพเฉพาะทาง) ว่ามีความรู้ความสามารถ ซึ่งพร้อมที่จะสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย และต้องเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ความรู้ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น
จำเป็นต้องมีข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
- เป็นผู้ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนในสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงยุติธรรมและสมาคมส่งเสริมการศึกษาภาษาญี่ปุ่น ( และมีอัตราการเข้าเรียน 80% ขึ้นไป )
- เป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นที่จัดโดยสมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นและมูลนิธิญี่ปุ่น ในระดับ 1 หรือ 2
- เป็นผู้ที่เคยศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา หรือโรงเรียนมัธยมต้นหรือโรงเรียนมัธยมปลายในญี่ปุ่น เป็นเวลาตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
- เป็นผู้ที่ได้คะแนนของการสอบเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น (EJU) วิชาภาษาญี่ปุ่น มากกว่า 200 คะแนนขึ้นไป ( ผลรวมของคะแนนการอ่าน , การฟัง การฟังและการอ่าน )
การสอบเข้า
ประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- การพิจารณาตามเอกสาร
- การสอบตามสาขาวิชา
- การสอบสัมภาษณ์
- การเขียนบทความสั้น / เรียงความ
- การทดสอบความถนัด
- การสอบภาคปฏิบัติ
- การสอบภาษาญี่ปุ่นและทดสอบความสามารถทางวิชาการ
ช่วงเวลาการรับสมัคร – สอบคัดเลือก
การสมัครในประเทศญี่ปุ่น
วิทยาลัยอาชีวศึกษาจะมีการจัดงานเปิดสถาบัน ( Open Campus ) ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม – มกราคมของทุกปี เพื่อให้นักเรียนที่สนใจเข้าชมสถาบันได้ (ในช่วงเวลาที่กำหนด) โดยสามารถเดินทางไปดูสถานที่จริง รับข้อมูลเนื้อหาหลักสูตร ชมอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน รวมไปถึงการเข้าทดลองเรียนจริงในสาขาวิชาที่สนใจ เพี่อประกอบการตัดสินใจเลือกสาขาวิชาและสถาบันที่ตรงกับความต้องการได้ ซึ่งระหว่างที่เรียนภาษาอยู่ นักเรียนสามารถดำเนินเรื่องสมัครเรียนควบคู่ไปด้วย
กำหนดการสอบ
การสอบในญี่ปุ่น โดยทั่วไปจะมีการจัดสอบหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เพื่อรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนในภาคเรียนเดือนเมษายนปีถัดไป
การสมัครในประเทศไทยกับ Jeducation
สำหรับผู้ที่สอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นผ่านระดับ 2 แล้ว หากต้องการเข้าเรียนในวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่น Jeducation เป็นสำนักงานตัวแทน สามารถติดต่อสมัครสอบเข้าเรียนได้ที่เจเอ็ดดูเคชั่น ซึ่งจะเป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกในประเทศไทยตามระเบียบการที่ทางสถาบันกำหนด และประสานงานในทุกขั้นตอน โดยที่ผู้สมัครไม่ต้องบินไปสอบที่ประเทศญี่ปุ่น
กำหนดการสอบ
โดยทั่วไปจะจัดสอบประมาณเดือนพฤศจิกายน เพื่อรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนในภาคเรียนเดือนเมษายนปีถัดไป
เงื่อนไขสำหรับการสำเร็จการศึกษา
ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษา หลักสูตรวิชาชีพชั้นสูง จะได้รับการยอมรับเป็น ” ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ( Senmon-shi )” ซึ่งจะมีผลต่อการหางานและการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการสำเร็จการศึกษา
[ws_table id=”15″]เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขข้างต้น ก็จะได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ผู้ที่ได้ประกาศนียบัตรวิชาชีพสามารถสอบเทียบโอนเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้ ส่วนผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ก็สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตวิทยาลัยได้ การจะสำเร็จการศึกษาได้หรือไม่นั้น จะพิจารณาจากผลสอบปลายภาค จำนวนวันที่เข้าเรียน เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในปีแรก ( รวมค่าธรรมเนียมในการสมัคร ค่าเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย ) สำหรับในชั้นปีที่สอง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะลดลงเหลือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะค่าแรกเข้านั้นเสียเฉพาะในปีแรกเท่านั้น
| รัฐบาล | 236,800 เยน | 87,616 บาท | ||||||||||||||||||||||||
เอกชน
|
||||||||||||||||||||||||||
Link วิทยาลัยอาชีวศึกษา
รายชื่อและข้อมูลของวิทยาลัยอาชีวศึกษา ที่ Jeducation เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทย (ภาษาไทย + ญี่ปุ่น)
Link ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยาลัยอาชีวศึกษา
THE METROPOLITAN TOKYO PROFESSIONAL INSTITUTION ASSOCIATION
(ภาษาญี่ปุ่น)
วิทยาลัยเทคนิค

คุณสมบัติของนักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าศึกษาในวิทยาลัยเทคนิค
ผู้สมัครเข้าสถาบันการศึกษาประเภทนี้จะต้องสำเร็จการศึกษาในโรงเรียนมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 ปีในประเทศของตนเอง ( จบมัธยมปลาย ) ในปัจจุบันนี้มีวิทยาลัยเทคนิคประเภทนี้ไม่มากนัก ที่รับนักศึกษาต่างชาติทุนส่วนตัวเข้าเรียน
การสอบเข้าวิทยาลัยเทคนิค
การสอบเข้าของสถาบันการศึกษาประเภทนี้นั้น ใช้วิธี
- การสอบตามสาขาวิชา
- การสอบด้วยการเขียนเรียงความ
- คัดเลือกจากเอกสาร
- การสัมภาษณ์
- การทดสอบความเหมาะสม
- การสอบภาคปฏิบัติ
- การสอบภาษาญี่ปุ่น
ถึงแม้ว่าวิธีการสอบจะแตกต่างกันไปตามสาขาวิชาหรือสถาบันก็ตาม หลักเกณฑ์สำคัญที่ใช้คือ พิจารณาจากความตั้งใจจริงในการศึกษา ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น ที่ต้องมีอย่างเพียงพอที่จะสามารถติดตามทำความเข้าใจเนื้อหาในชั่วโมงเรียน เป้าหมายในการเรียนชัดเจนหรือไม่เพียงใด
Link ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยาลัยเทคนิค
Association of National Colleges of Technology, Japan