ถ้าได้ยินว่าที่พักชื่อ 夢の家 : yume no ie หรือ Dream House บ้านความฝัน เพื่อนๆ จะจินตนาการว่าเป็นที่พักแบบไหนคะ ชื่อออกจะโรแมนติกขนาดนี้ หลายๆ คนน่าจะนึกภาพของบ้านพักน่ารักๆ สวยๆ หรือแฟนตาซีชวนฝันไปเลยก็เป็นได้
แต่ Dream House แห่งนี้ เป็น Art Project หนึ่งในผลงานศิลปะของ Marina Abramović ศิลปินหญิงชาวเซอร์เบีย ชื่อดังระดับโลก เธอบอกว่า
“I want you to dream. You must dream in order to face yourself.”
ฉะนั้น มันไม่ใช่แค่ที่พักธรรมดา มันเป็นงานศิลปะเชียวนา แต่ขอโทษ…อย่าหาว่าไม่สุภาพเลยนะคะ มันโคด ตะ ระ แหวกแนวสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ
ก่อนอื่นขอเล่าถึงที่มาที่ไปกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าผู้เขียนเพี้ยน อยู่ดีไม่ว่าดีจะพาไปนอนในโลง ที่ย่านเอะจิโกะ ทสึมะริ จังหวัดนีกะตะเนี่ย เค้ามีจัดเทศกาลศิลปะนานาชาติทุกๆ 3 ปี ( Echigo Tsumari Art Triennale ) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 และปี 2015 นี้ก็จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ถึงวันที่ 13 กันยายน 2015 ความน่าสนใจคือเป็นการนำงานศิลปะออกมาอยู่ร่วมกับธรรมชาติและผู้คนในท้องถิ่นค่ะ
ระหว่างที่กำลังหาข้อมูลอยู่นั้น ก็พบว่า Dream House หนึ่งในผลงานศิลปะของที่นี่ ซึ่งปรกติจะปิดไม่ให้เข้าพักในช่วงฤดูหนาว เปิดให้ลงทะเบียนเข้าพักแล้วตอนปลายเดือนเมษายน ก็เลยรีบจิ้มลงทะเบียนไปจองเข้าพักในวันแรกที่เปิดฤดู ในขณะเดียวกันก็คิดว่า ลองไปเซอร์เวย์สถานที่ก่อนที่จะไปงานจริงอีกทีละกัน
โอเค…. ว่าแล้ว ซิ่งชินคันเซนออกเดินทางไปบ้านความฝันกันเลยค่ะ
Dream House ตั้งอยู่ที่ Matsunoyama เมือง Tokamachi จังหวัด Niigata พอได้เวลา 4 โมงเย็นที่เปิดให้เข้าที่พัก เนวิเกเตอร์ในรถยนต์ที่เช่ามาก็พาขึ้นเขา ผ่านป่าสน ลำธาร เข้าหมู่บ้าน ไปหยุดที่ป้าย 夢の家
ช่วงที่ไปคือปลายเดือนเมษายน หิมะยังละลายไม่หมดดี ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวนี่หิมะกองยักษ์มองไม่เห็นตัวบ้านค่ะ
เมื่อเข้าไปในบ้าน ผู้ดูแลบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ก็ออกมาต้อนรับ นำน้ำชามาเสิรฟ ให้เขียนใบลงทะเบียน และเริ่มอธิบายให้ข้อมูลว่า การเข้าพักที่นี่จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง พาเราเดินชมห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน แล้วก็พาออกไปเดินชมงานศิลปะใกล้ ๆ บ้านอีก 2 จุด ( ขออภัยไม่มีภาพประกอบค่ะ เนื่องจากเป็นความสัพเพร่าของผู้เขียนที่ทำ SD card ของกล้องถ่ายรูปหายไปอย่างร่องรอย คงเหลือแต่ภาพจากมือถือมาแค่นี้)
กลับเข้ามาที่บ้านอีกครั้ง ตอนนี้เริ่มตะหงิดๆ นิดๆ ว่า เอ… ทำไมยังไม่มีแขกคนอื่นมาเลยสักคนน้อ คุณพี่ผู้ดูแลบ้านก็บอกว่า เดี๋ยว 6 โมงเย็น เค้าจะกลับไปนอนที่บ้านเค้านะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม เพราะคืนนี้มีจองมาอยู่คนเดียว แต่น แตน แต๊น … ในใจนึกหวั่นๆอยู่เล็กๆ แต่ปากก็ตอบไปว่าไม่ต้องเป็นห่วง อยู่คนเดียวได้ค่ะ ( โธ่.. มาถึงตรงจุดนี้แล้วจะให้ไปนอนที่ไหนล่ะค๊า )
ประมาณ 5 โมงกว่าๆ มีอาหารมาส่งให้ที่บ้าน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ วัตถุดิบทั้งหมดมาจากแปลงเพาะปลูกของชาวบ้านที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเร่งการเติบโตใดๆ ค่ะ
พอถึง 6 โมงเย็น คุณพี่ผู้ดูแลบ้านก็มาบอกว่าจะกลับบ้านล่ะนะ พร้อมเอาเบอร์มือถือให้ บอกว่าถ้ามีอะไรก็โทรเรียกเค้าได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจ บ้านเค้าอยู่ใกล้ๆตรงนี้ เดินมาแป๊บเดียวถึง ย้ำแล้วย้ำอีกว่า ไม่ต้องเกรงใจนะ ถ้ากลางดึก เกิดกลัวขึ้นมาก็โทรเรียกได้เลย เดี๋ยวเค้ามานอนเป็นเพื่อน … ใจดีจัง
เมื่อคุณพี่กลับบ้านไป
บ้านสองชั้นหลังใหญ่พอสมควร เหลือเราอยู่คนเดียวแล้วล่ะ
ในบ้านมีหนังสือศิลปะมากมาย แน่นอนว่าที่มีเยอะสุดก็คือหนังสือผลงานของคุณ Marina Abramović สารภาพตามตรงว่า ก่อนมาที่นี่เคยได้ยินชื่อศิลปินหญิงคนนี้แบบผ่านๆตามากๆ ว่า งานของเธอสุดโต่งและออกแนวฮาร์ดคอร์ ทุ่มทุนสร้างงานศิลปะโดยใช้ร่างกายตนเอง …แค่นั้น
แต่พอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาดู สงสัยจะดวงดีมาก เจอภาพงานศิลปะแบบเลือดสาด … ปิดหนังสือในฉับพลัน
มืดแล้ว
ไปเริ่มปฏิบัติการตามล่าหาฝันกันดีกว่า
มีซีดีบรรยาย เราสามารถเปิดซีดีฟังคำอธิบาย พร้อมปฏิบัติตัวไปตามขั้นตอนที่ในซีดีบอกได้ค่ะ มีบรรยายเป็นภาษาอังกฤษซึ่งบรรยายโดย Marina Abramović เอง และภาษาญี่ปุ่น
เค้าบอกว่า
เริ่มต้นด้วยการอาบน้ำชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาด ไม่ใช้สบู่นะคะ มีแต่ใบไม้ซึ่งเป็นสมุนไพรลอยละล่องอยู่ในอ่าง
คราวนี้มาเลือก “ชุดนอน” กันค่า มีอยู่ 4 สี แดง เหลือง ม่วงเข้ม และม่วงอ่อน
แต่เลือกชุดไหน ต้องนอนในห้องที่สีแมชท์กับชุดนั้นด้วยนะคะ คือ
สีแดง นอนห้องสีแดง
สีเหลือง นอนห้องสีเขียว
สีม่วงเข้ม นอนห้องสีม่วง
สีม่วงอ่อน นอนห้องสีฟ้า
ใส่ชุดเสร็จแล้ว ก็ยังมีก้อนแม่เหล็กให้ใส่ตามช่องของชุด ซึ่งจะอยู่ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าอก ศีรษะ ข้อมือ ฯลฯ คือเยอะอ่ะ ใส่แล้วแทบจะลุกไม่ขึ้น เอ…หรือจะเป็นแผนไม่ให้เราลุกออกจากที่นอน?
ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใส่ชุดสีอะไรดี ไปดูห้องนอนกันก่อนดีกว่า
ห้องนอนที่นี่มี 4 ห้อง 4 สี ได้แก่ สีแดง สีเขียว สีม่วง และสีฟ้า
ตรงกลางห้องมีกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำด้วยไม้ หน้าตาคล้ายโลงศพตั้งอยู่กลางห้อง มีแท่นรองศีรษะแทนหมอน
แต่หากเกรงว่าพื้นกล่องจะแข็ง นอนไม่สบาย ในตู้มีฟุตง (ที่นอนแบบญี่ปุ่น) ให้รองนอน พร้อมหมอนและผ้าห่ม จะยกไปรองในกล่องก็ได้ค่ะ
อารมณ์ตอนนั้น ไม่ได้คิดเรื่องจะนอนสบายหรือเปล่าหรอกนะคะ
ลองจินตนาการดูว่า
อยู่คนเดียว ยามดึก ในบ้านไม้เก่าๆ
มีห้อง 4 ห้องซึ่งมีโลงวางอยู่
เดินขึ้นบันได เห็นแสงสีแดงส่องออกมาจากห้อง
ได้ยินเสียงนกร้องแคว่กๆ เข้าหูอยู่เป็นระยะๆ
อ่า….
นี่ gru บ้าไปแล้วแน่ๆ มาทำอะไรอยู่ที่นี่เนี่ยยยย
ณ เวลานั้น สิ่งที่ต้องงัดขึ้นมาเลยคือ การดูใจ ตัวเอง
พอ “รู้ตัว” ว่า “กลัว” ปั๊บ ความกลัวมันหายวับไปในทันที
ตอนนี้เลยเปลี่ยนมาเป็นรู้สึกดีใจที่ปฏิบัติธรรมมาบ้าง
แอบปาดเหงื่อ (≧Д≦)
ก้าวลงนอนในโลงแข็งๆ พร้อมกับตื่นเต้นว่า จะฝันเห็นอะไรน้อ ?
おやすみなさい。
ราตรีสวัสดิ์นะคะ
สรุปง่ายๆ
คอนเซ็ปท์ของ Dream House Art Project นี้คือ อยากให้เรา “ ฝัน”
ถ้าเรานอนหลับลึก เราจะไม่ฝัน แต่ถ้าร่างกายอยู่ในภาวะที่นอนหลับไม่ค่อยสนิท เราจะฝันได้ง่ายขึ้นคุณ Marina Abramović เธอบอกว่า ตอนเด็กๆเราตื่นเต้นและสนุกกับความฝัน แต่เมื่อโตขึ้น ความฝันกลายเป็นเรื่องที่เราไม่เคยสนใจ เธอจึงตั้งใจสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่แปลกไปจากชีวิตปรกติของเรา เมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่คุ้นเคยแบบไม่ธรรมดา ก็ทำให้มีโอกาสที่จะ “ฝัน” ที่นี่จึงเป็น ” บ้านความฝัน ” ไงล่ะคะ
おはよございます。
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ
ตื่นขึ้นมาแล้ว ที่ช่องข้างๆตัวเรา จะมี Dream Book สมุดบันทึกความฝันอยู่ค่ะ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องจดบันทึกสิ่งที่เราฝันลงไปในสมุดเล่มนี้ทันที ก่อนที่จะลืมว่าเมื่อคืนฝันว่าอะไร
คนที่มาพักที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นนะคะ มีชาวต่างชาติบ้าง
ถ้าเพื่อนๆ ไปแล้ว เห็นสมุดบันทึกที่มีภาษาไทยเขียนอยู่ล่ะก็ อาจจะเป็นของผู้เขียนก็ได้น้า
สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสประสบการณ์นี้ ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซท์
https://www.tsumari-artfield.com/dreamhouse/en/
ปล.
– พักได้ห้องละ 1 คนเท่านั้น
– คนที่เหลือสามารถนอนในห้องโถงได้ แต่รับเต็มที่ได้ทั้งหมด 8 คนเท่านั้น
– เค้าบอกว่าไม่รับผู้ฝึกสมาธิขั้นลึกซึ้งนะคะ
…………………….
ปิดท้าย… ให้ทายว่าผู้เขียนนอนห้องสีอะไร ?