gap year ที่ญี่ปุ่น คุ้มมั้ย

Gap Year ที่ญี่ปุ่น

น้องๆจบใหม่ ยุค 4.0 ทุกคน คงต้องมีความฝัน อยากจะไปเรียนต่อในประเทศที่ตัวเองชอบ  หรือ อยากจะเดินทางไปท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์สักครั้งในชีวิต ใช่มั้ยคะ

เจ๊ได้รับคำปรึกษากับน้องๆ ที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาหลายคน ว่ารู้สึกตัวเองยังไม่เก่งเลย ถ้ายังไม่ทำงาน แต่อยากจะ Take Gap Year ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นระยะยาวดูสักครั้ง ให้ได้ภาษาที่สามเพิ่ม ได้ประสบการณ์ก่อน จะคุ้มค่ากับเวลาหนึ่งปี หรือสองปีที่จะลงทุนไปมั้ย

วันนี้เจ๊จะมาสรุปให้เห็นเลยว่า นอกจากภาษาที่สามแล้ว สิ่งที่เราจะได้จากการ ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นซักปี เราจะได้อะไรกลับมาบ้างกันค่ะ

หาประสบการณ์ ที่ญี่ปุ่น

1. ได้เพิ่มทักษะรอบด้าน / พัฒนาตนเอง

เพราะปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ทั้งสังคม และ เศรษฐกิจ ซึ่งบุคคลากรที่บริษัทต้องการนับจากนี้ จะไม่ใช่เพียงคนที่เก่งเฉพาะด้าน แต่เป็นคนที่ เก่งรอบด้าน ค่ะ

และ สิ่งที่สำคัญในการพัฒนาตนเองให้เก่งรอบด้านก็คือ ความรู้ ประสบการณ์ที่นอกเหนือจากสิ่งที่เราได้จากในห้องเรียน ซึ่งการไปใช้ชีวิตในต่างแดน ได้เปิดรับวัฒนธรรมใหม่ ๆ เจอผู้คนที่หลากหลาย เข้าใจภาษาที่จะสื่อสารกับกลุ่มคนใหม่ ๆ มากขึ้นจะทำให้เรามีทัศนคติ และความรู้ที่กว้างขึ้นกว่าคนอื่นค่ะ

2. ได้ทักษะภาษาญี่ปุ่น พูดได้แบบเจ้าของภาษา

ภาษาเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงที่เมื่อเราไปเรียนอยู่ต่างประเทศจะเป็นสิ่งที่ได้รับกลับมาแน่นอน ทั้งนี้ใครที่เรียนภาษาญี่ปุ่นน่าจะรู้ว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการเรียนภาษาญี่ปุ่นก็คือ การพูดและฟัง เพราะเรียนมากี่ปีก็ยังพูดไม่คล่อง เวลาพูดก็ยังไม่มั่นใจว่าพูดแบบนี้ถูกไหม ? หรือว่าคนญี่ปุ่นจะเข้าใจไหม ? รวมถึงไม่สามารถเรียบเรียงประโยคได้ตามใจนึก

แต่ว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถพัฒนาได้ ถ้าเราได้ใช้ภาษาอยู่บ่อย ๆ มีโอกาสใช้ภาษาในทุกวันค่ะ ซึ่งการพาตัวเองไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลย จะทำให้เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดคุยสนทนาด้วยภาษาญี่ปุ่น ตั้งแต่การคุยกับพนักงานที่ร้านสะดวกซื้อ ทักทายเพื่อน ๆ คุยกับอาจารย์ พูดกับลูกค้าในที่ทำงานพิเศษ ฯลฯ จนทำให้เราพูดได้โดยไม่ต้องคิดเยอะ แบบที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ

gap year ได้พัฒนาภาษา

3. เรียนต่อระดับสูงที่ญี่ปุ่นได้เลย

ถ้าใครมีเป้าหมาย อยากเรียนต่อ ป.โท ที่ญี่ปุ่น ในหลักสูตรที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วล่ะก็ การเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นก่อนซักปี จะช่วยให้เราได้เปรียบกว่าคนที่ไม่เคยไปเรียนเป็นเท่าตัวเลยล่ะค่ะ

เพราะการจะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น สิ่งสำคัญเวลาสอบเข้าคือการสื่อสารให้อาจารย์เข้าใจ และ อยากรับเราเข้าเรียนต่อ ดังนั้นภาษาจึงสำคัญมากๆ ที่จะสื่อสารกับอาจารย์ รวมถึงยิ่งถ้าเราได้เรียนในหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นเพื่อการเตรียมตัวศึกษาต่อ อาจารย์ที่โรงเรียนสอนภาษา จะคอยช่วยบอกเทคนิคการเขียนคำตอบตอนไปสอบเข้า, เทคนิคการตอบตอนสัมภาษณ์ ทั้งหมดนี้ อาจารย์ก็จะช่วยเตรียมความพร้อม และเป็นที่ปรึกษาได้ดีเลยค่ะ

4. ได้เพื่อนและสังคมใหม่

เวลาไปเรียนที่ญี่ปุ่น เสมือนได้เจอเพื่อนที่หลากหลายเหมือนเล่น Tinder เลยค่ะ เพราะว่าโรงเรียนสอนภาษาจะมีนักเรียนจากหลายประเทศทั่วโลกมารวมตัว เรียนอยู่ในสถาบันเดียวกันกับเรา บางสถาบันมีนักเรียนมากว่า 60 ประเทศ ไปที่เดียวเจอเพื่อนได้หลายประเทศเลยค่ะ พอได้เจอเพื่อน มีสังคมใหม่ แนวคิดต่างๆ หรือเป้าหมายของตัวเราก็จะชัดเจนขึ้นด้วยค่ะ

5. ได้ประสบการณ์จากการทำงาน (และได้เงิน)

บางคนเรียนที่ประเทศไทยมาตลอด การทำงานพิเศษระหว่างเรียนอาจจะไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทุกคนเคยทำใช่มั้ยคะ

แต่พอได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้ว เจ๊เอ๊ดอยากลองให้ทุกคนทำงานพิเศษดูค่ะ ไม่ใช่แค่เพื่อเงินเพียงอย่างเดียว แต่งานพิเศษจะทำให้เราเข้าใจในวัฒนธรรมคนญี่ปุ่น การทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่น เรียนรู้ความรับผิดชอบ และได้ฝึกการใช้ภาษาในชีวิตจริง

ซึ่งถ้าใครมีเป้าหมายอยากทำงานในบริษัทญี่ปุ่นอยู่แล้วล่ะก็ ได้ทำงานพิเศษที่ญี่ปุ่นมาก่อนก็คือชนะเลิศไปเลย บริษัทจะเห็นว่าเรามีทั้งภาษาและประสบการณ์ที่จะสามารถรับมือกับลูกค้าญี่ปุ่นได้ และพิจารณาเราเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ ยังทำให้เราจะเข้าใจเรื่องการใช้เงิน และเห็นค่าของเงินมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

Gap year ทำงานพิเศษ

6. ได้ท่องเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไป

รางวัลอีกหนึ่งอย่างของการไปเรียน คือ การท่องเที่ยว นี่ล่ะค่ะ แม้จะเรียน ทำงาน จนเหนื่อยยากแค่ไหน แต่พอวันหยุดเราได้นั่งรถไฟไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นที่ไหนซักที ความเหนื่อยต่าง ๆ มลายหายสิ้นไปเลยล่ะค่ะ บางทีแค่ได้นั่งมองบรรยากาศจากหน้าต่างรถไฟก็คุ้มแล้ว

เวลาได้ไปท่องเที่ยว เราจะได้เจอผู้คนใหม่ ๆ ได้เรียนรู้ระหว่างการเดินทาง ได้แรงบันดาลใจ ไอเดีย ได้ใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น ก็ทำให้รู้และเข้าใจเป้าหมายของตัวเองมากขึ้นก่อนที่เราจะมาดำเนินชีวิตจริงหลังเรียนจบอีกด้วยค่ะ

 

ลองถามตัวเองดูว่า สิ่งเหล่านี้ที่เราจะได้หลังจากใช้เวลา Take Gap Year ที่ญี่ปุ่นไปแล้ว สำหรับเรา คุ้ม หรือ ไม่คุ้ม แต่สำหรับพี่ ๆ ศิษย์เก่าแต่ละคนที่จบมาแล้วกลับมาคุยกันกับเจ๊เอ๊ด พูดเป็นเสียงเดียวกันทุกคนเลยว่า ถ้ามีเวลามากกว่า 1 ปี ล่ะก็ อยากจะ Take Gap Year ไปเรื่อย ๆ ไม่อยากกลับมาทำงานเลยล่ะค่ะ

 


ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง  แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน  โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น

ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-267-7726
email : ask@jeducation.com

ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย  >> https://bit.ly/jed-line

Scroll to Top