เตรียมความพร้อมให้ลูกเพื่อ สอบเข้ามหาวิทยาลัย ญี่ปุ่น
คุณพ่อคุณแม่ ที่มีเป้าหมายต้องการส่งลูกเรียนต่อ “มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น” ในอนาคต อาจจะมีความสงสัยในเรื่อง วิธีการเตรียมตัว ว่าควรเริ่มเตรียมความพร้อมตั้งแต่เมื่อไหร่ดี.. ใช่มั้ยคะ?
สอบเข้ามหาวิทยาลัย ญี่ปุ่น ระดับปริญญาตรี มีเงื่อนไขอย่างไร
ก่อนอื่น เราต้องทราบถึงเงื่อนไขการเข้าเรียนต่อ ระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยของประเทศญี่ปุ่นสำหรับนักเรียนต่างชาติกันก่อนค่ะ
คุณสมบัติเบื้องต้น
- นักเรียนจะต้องมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (นับถึงวันที่เริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะเป็นเดือนเมษายน)
- จบการศึกษาหลักสูตร 12 ปี ( นับจากป.1 – ม.6 ) หรือมีวุฒิเทียบเท่าม.6
แต่ทั้งนี้ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาญี่ปุ่น ( มีหลักสูตรอินเตอร์ที่สอนด้วยภาษาอังกฤษ แต่ไม่มากเท่าภาษาญี่ปุ่น)
แน่นอนว่า การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สอนด้วยภาษาญี่ปุ่น ข้อสอบก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
ดังนั้น น้องๆ จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับที่ดีมาก หรือมีผลสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น (JLPT) ในระดับ N2 เป็นอย่างต่ำ และมีผลการสอบ EJU (การสอบเพื่อศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่น) ด้วย จึงจะสามารถเข้าสอบคัดเลือกกับทางมหาวิทยาลัยได้ค่ะ
ถ้ารอให้ลูกจบม.6 ที่ไทยก่อน แล้วค่อยไป เข้ามหาวิทยาลัย ที่ ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่สกิลภาษาญี่ปุ่นของน้องๆ จะยังไม่เพียงพอ จึงต้องเผื่อเวลาในการเรียนภาษาที่โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทย หรือประเทศญี่ปุ่นก่อน อย่างน้อย 1 ปีครึ่ง – 2 ปี ซึ่งก็จะทำให้น้องๆ ไม่สามารถสอบเข้าได้ทันทีหลังจบม.ปลายค่ะ
แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาตรงนี้ ก็มีอีกวิธีที่เป็นที่นิยม นั่นคือการ ส่งลูก “ไปเรียนม.ปลายที่ญี่ปุ่น” หลังเรียนจบม.ต้นที่ไทยเลย นั่นเองค่ะ
การเข้าเรียนในระดับม.ปลายที่ญี่ปุ่น ประมาณครึ่งปีหรือหนึ่งปีแรก นักเรียนต่างชาติทุกคนจะต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นหลักอย่างจริงจังค่ะ อาจจะได้เรียนร่วมกับเด็กญี่ปุ่นในบางวิชา ที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะภาษาญี่ปุ่นมากนัก เช่น พลศึกษา ภาษาอังกฤษ ฯลฯ
เมื่อมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมากพอแล้ว ถึงจะได้เข้าไปนั่งเรียนในวิชาอื่นๆ ตามหลักสูตรปรกติกับเด็กนักเรียนญี่ปุ่นค่ะ
และเมื่อต้องไปอาศัยอยู่ที่นู่นแล้ว น้องๆจะได้อยู่หอพักร่วมกับเด็กญี่ปุ่นด้วยค่ะ
จากสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นตลอดเวลา ทำให้มีนักเรียนไทยจำนวนไม่น้อยที่เมื่อจบม.ปลายที่ญี่ปุ่นแล้ว ยังสามารถสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นผ่านระดับ N2 ได้ ภายในเวลา 1 ปี หรืออย่างช้าไม่เกิน 1 ปีครึ่งค่ะ
นอกจากนี้ ในช่วงที่เรียนอยู่ ที่โรงเรียนยังมีอาจารย์แนะแนว คอยให้คำปรึกษาแนะนำนักเรียนว่าอยากจะเรียนทางด้านไหน ควรจะเลือกสาขาอะไร
พร้อมกับดูผลการเรียนประกอบ ว่าควรจะเลือกมหาวิทยาลัยระดับไหน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสมัครสอบ การเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ ไปจนถึงการแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางข้ามจังหวัดไปสอบที่จังหวัดอื่น จะไปยังไง พักที่ไหนอีกด้วยค่ะ เรียกได้ว่าเป็น 3 ปี – 3 ปีครึ่ง ที่ได้เตรียมตัวอย่างครบวงจรเลยล่ะค่ะ
การไปเรียนต่อม.ปลายที่ญี่ปุ่นนั้น สมัครเรียนไม่ยาก แต่การจะเรียนให้ประสบความสำเร็จ และสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตามที่หวัง ต้องผ่านการเรียนที่หนักและการใช้ชีวิตในโรงเรียนที่เข้มงวดอย่างมาก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือทักษะภาษาที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงระเบียบวินัยและความรับผิดชอบของน้องๆ อย่างที่คุณพ่อคุณแม่คาดไม่ถึงเลยล่ะค่ะ
อ่านเพิ่ม
>> น้องพุทธ กับชีวิตในโรงเรียนมัธยมปลายที่ญี่ปุ่น
>> “หวังให้สูง.. ตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ไว้ก่อน” น้องบุ๊ค – ชาญธิษ นักเรียน ม.ปลาย OISCA
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : ask@jeducation.com
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line