มาเยี่ยมโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น Inter-Cultural Institute of Japan ทั้งที ขอเข้าไปดูบรรยากาศการเรียนการสอนของที่นี่กันหน่อยนะคะ ว่ามีหลักสูตรอะไรบ้าง จะสนุกสนานแค่ไหน เดี๋ยวเราลองเข้าไปเรียนพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ

ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนว่า  เนื่องจากทาง Kato-sensei ผู้อำนวยการของโรงเรียน Intercult อยากให้แมวเข้าไปสัมผัสบรรยากาศในห้องเรียน เหมือนกับที่นักเรียนได้เรียนกันจริง ๆ   ฉะนั้น แมวจึงเข้าไปนั่งเรียนในฐานะของนักเรียนคนหนึ่ง   จึงไม่ได้ถ่ายภาพบรรยากาศในห้องเรียนมาให้ดูกันทุกห้องนะคะ  เพราะจะเป็นการรบกวนการเรียนการสอนของอาจารย์และเพื่อน ๆ ในห้องน่ะค่ะ

ห้องแรกที่จะพาเข้าไปเป็น  Weekly Course ซึ่งเป็นหลักสูตรระยะสั้น เรียนทุกวันจันทร์-วันศุกร์    ซึ่งนักเรียนสามารถเข้าเรียนได้ทุกวันจันทร์ และเลือกเรียนได้ตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป สำหรับนักเรียนที่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาแล้ว ต้องผ่านการทดสอบวัดระดับของทางโรงเรียนก่อนค่ะ ถึงจะเข้าแทรกชั้นเรียนได้ หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นและมีเวลาเรียนเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้นก็สามารถลงเรียนได้ค่ะ พร้อมแล้วหรือยัง เรามารู้จักกับอาจารย์ผู้สอนกันก่อนเลยค่ะ อาจารย์ชื่อว่า Saito sensei ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่บทเรียนอาจารย์จะเริ่มพูดคุยทักทายกับนักเรียนก่อน อาจารย์จะพยายามหาเรื่องใกล้ตัวมาพูด ซึ่งทำให้นักเรียนได้ฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นจากเรื่องใกล้ตัวที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้มากที่สุด ซึ่งทุกคนจะได้ฝึกอย่างทั่วถึงกันค่ะ พอเริ่มเข้าสู่บทเรียนวันนี้ห้องนี้เรียนไวยากรณ์ คำกริยารูป ます  ―やすいです。―にくいです。

อาจารย์ก็จะเอาอุปกรณ์ที่อาจารย์เตรียมมาออกมาให้นักเรียนดู ขอบอกว่าอาจารย์เตรียมมาเยอะจริงๆ ค่ะ และอุปกรณ์ที่อาจารย์เตรียมมาให้ดูบางชิ้นน่าจะหาซื้อยากเหมือนกัน และอาจารย์ก็ทำท่าทางประกอบไปด้วยว่าอันนี้นะ เขียนยาก และอีกอันก็จะเป็นดิกชันนารีเล่มเล็กและตัวหนังสือเล็กมากๆ อาจารย์ก็ทำท่าเปิดอ่านและบอกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าอ่านยาก สำหรับนักเรียนที่ยังไม่เคยเรียนไวยากรณ์รูปนี้อาจจะไม่เข้าใจ แต่ถ้านักเรียนได้เห็นอุปกรณ์ที่เตรียมมาเพื่อต้องการจะสื่อและความพยายามของอาจารย์ที่แสดงออกมาด้วยท่าทางที่เหมือนจริงแล้ว เชื่อได้ว่าจะทำให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น นักเรียนเห็นอย่างนี้แล้วคงคิดเหมือนกันเลยใช่ไหมค่ะว่า อาจารย์มีการเตรียมตัวในการสอนมาดีมากเลยทีเดียวค่ะ

ห้องเรียนที่ 2 ที่จะพาเข้าไปเป็นคลาสชั้นต้น (A1-3) อาจารย์ผู้สอนคือ Sasaki sensei ค่ะ คลาสนี้กำลังจะเริ่มเรียนตัวอักษรคะตะคะนะ สำหรับนักเรียนบางคนอาจจะคิดว่าการเรียนตัวอักษรเป็นอะไรที่ง่ายๆ สามารถเรียนเองได้ โดยไม่ต้องมาเรียนกับอาจารย์ที่โรงเรียนก็ได้ เพราะถ้าเรียนกับอาจารย์ก็อาจจะแค่ให้นักเรียนเขียนในหนังสือคัดตัวอักษรเท่านั้นแล้วที่เหลือก็ให้นักเรียนจำเอาเอง แต่สำหรับห้องนี้ไม่เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ อาจารย์ไม่ได้สอนโดยให้นักเรียนใช้วิธีจำหรือแค่ฝึกเขียนเท่านั้น  จะสังเกตุเห็นได้ชัดเลยว่าอาจารย์พยายามให้นักเรียนฝึกพูดตามหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้นักเรียนรู้สึกคุ้นกับหน้าตาตัวอักษรแต่ละตัวก่อน แล้วให้นักเรียนรู้จักสังเกตุตัวอักษรบางตัวที่เขียนคล้ายคลึงกัน ซึ่งถ้ามองผ่านๆ อาจจะคิดว่าเป็นตัวเดียวกันได้ ฉนั้นต้องดูดีๆ อย่าเขียนสลับกัน นอกจากนั้นยังให้นักเรียนออกมาเขียนชื่อประเทศของตัวเองบนกระดานทีละคนเป็นตัวอักษรคะตะคะนะ ถ้าเขียนไม่ตามลำดับลอยขีดหรือเขียนลอยขีดของตัวอักษรไม่ถูกต้องอาจารย์ก็จะแก้ให้เดี๋ยวนั้นทันที อาจารย์ยังมีวิธีสอนที่สนุกและน่าสนใจที่ทำให้นักเรียนรู้สึกไม่เบื่อเลยกับการเรียนในเรื่องง่ายๆ แบบนี้ และยังได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้อีกด้วย

ห้องที่ 3 Class  J1a อาจารย์ Takahashi sensei  ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องเรียนก็ได้ยินเสียงจากข้างในออกมาถึงหน้าห้องเลยล่ะคะ ก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าห้องนี้กำลังเรียนอะไรกันอยู่น้า ทำไมทุกคนถึงพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่วและมั่นใจมากขนาดนี้ ดูท่างทางกำลังสนุกกับการเรียนกันอย่างมากเลยล่ะค่ะ จำนวนนักเรียนในห้องไม่ใหญ่มาก มีนักเรียนประมาณ 19 คน  นักเรียนกำลังเรียนเกี่ยวกับ “คำคุณศัพท์” กันอยู่ค่ะ อาจารย์กำลังฝึกให้นักเรียนในห้องช่วยกันตั้งคำถามแล้วให้เพื่อนตอบ โดยตั้งคำถามจากสิ่งรอบตัวและใช้อุปกรณ์ที่อยู่ในห้องเรียนให้เป็นประโยชน์ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับการฝึกสนทนาค่อนข้างเยอะค่ะ  อาจารย์จะพยามยามเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกพูดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และยังสร้างความมั่นใจในการพูดให้กับนักเรียนอีกด้วย เวลาอาจารย์พูดก็จะพูดเสียงดังฟังชัด อาจารย์จะบอกนักเรียนตลอดว่าพยายามพูดออกมาก่อน พูดผิดหรือพูดไม่ได้อยากให้พยายามก่อนไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิด เพราะถ้าเราไม่พูดอะไรเลยการพูดของเราก็จะไม่พัฒนาขึ้นแน่นอน  เนื่องจากห้องนี้มีนักเรียนจากหลายหลายเชื้อชาติค่อนข้างเยอะ อาจจะทำให้นักเรียนที่อยู่ในกลุ่มชาวต่างชาตินี้ดูมีความมั่นใจ กล้าแสดงออกเป็นอย่างมาก และไม่รู้สึกอายที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นกันเลย

ห้องต่อไปที่จะพาไปคือ ห้อง Kanji Course ค่ะ ก่อนอื่นต้องขออธิบายหน่อยว่า คอร์สคันจิของที่นี่จะแบ่งออกเป็น 2 แบบค่ะ คือคอร์สคันจิสำหรับประเทศที่ใช้คันจิ เช่นประเทศจีน และคอร์สคันจิสำหรับประเทศที่ไม่ใช้คันจิ เช่นประเทศไทย พอถึงชั่วโมงคันจินั้นนักเรียนของแต่ละประเทศก็จะเข้าเรียนคอร์สคันจิสำหรับประเทศของตนเอง  เพื่อความเหมาะสมของประเทศนั้นๆ เพราะประเทศที่ใช้คันจินั้นนักเรียนส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานมาอยู่แล้วบ้าง ฉะนั้นเวลาเรียนทำให้ไปได้เร็วกว่าประเทศที่ไม่ใช้คันจิ ข้อแตกต่างในการสอนคือสำหรับประเทศที่ไม่ใช้คันจิ ในชั่วโมงสอนอาจารย์ก็จะสอนวิธีเขียนด้วย แต่ประเทศที่ใช้นั้นก็จะไม่เน้นสอนเขียน แต่ความเร็วในการสอนนั้นไปพร้อมๆ กัน และมีสอบพร้อมกัน ห้องที่เข้าไปในวันนี้เป็นคอร์สคันจิสำหรับประเทศที่ใช้คันจิ ก่อนที่จะเริ่มเรียนคันจิตัวใหม่นั้นจะมีสอบคันจิของครั้งที่เรียนที่ผ่านมาก่อน อาจารย์จะมีวิธีการสอนโดยการสอนคันจิที่เป็นตัวหลักก่อนและสอนตัวที่จะมาประกอบกับตัวหลักแล้วสามารถอ่านหรือมีความหมายเป็นอย่างอื่นได้ อาจารย์บอกว่าไม่จำเป็นต้องเขียนให้ได้หมดทุกคำเพราะเมื่อนำมาประกอบแล้วจะได้คำใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาหลายตัว แต่ถ้าเห็นแล้วขอให้อ่านได้ นักเรียนไทยหลายคนเคยบอกว่าประเทศไทยถึงแม้ว่าจะเสียเปรียบประเทศที่ใช้คันจิ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเรียนคันจิให้เก่งเหมือนประเทศที่ใช้คันจิไม่ได้ ฟังอย่างนี้แล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยใช่ไหมล่ะคะ สู้ๆ นะคะ

ห้องสุดท้ายที่จะพาไปดูเป็น Special Classes หลักสูตรนี้มีความหลากหลายรองรับความต้องการของนักเรียนให้เลือกค่ะ ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตรเรียนภาษาญี่ปุ่นจากการอ่านการ์ตูน เรียนภาษาญี่ปุ่นจากเรื่องสั้น เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการท่องเที่ยว การฝึกจัดรายการวิทยุ ฯลฯ

วันนี้เราจะพาไปเรียนหลักสูตรเรียนรู้ภาษาและสังคมญี่ปุ่นยุคปัจจุบันจากการชมภาพยนตร์ อาจารย์สอนโดยการเปิดภาพยนตร์ให้ดู ซึ่งในวันนี้ชมภาพยนตร์เรื่อง Always三丁目の夕日 กันค่ะ  ในระหว่างที่ดูนั้นอาจารย์จะพยายามสอดแทรกสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือความรู้รอบตัวให้กับนักเรียน เช่น สถานที่สำคัญๆ ในญี่ปุ่น หรือสัญลักษณ์ต่างๆ บรรยากาศในห้องเรียนดี นักเรียนนั่งดูอย่างตั้งใจ และมีปฏิกริยาตอบโต้ สนุกสนาน หลักสูตรนี้ไม่เพียงแค่จะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่หลักสูตรนี้จะทำให้นักเรียนสามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น รู้จักคำศัพท์ใหม่ๆ นอกเหนือจากในบทเรียน เพราะคำศัพท์บางคำไม่ได้มีอยู่ในหนังสือ เพราะบางคำเป็นภาษาใช้สำหรับพูดเท่านั้น นอกจากนั้นนักเรียนยังได้เรียนรู้วัฒนธรรม สถานที่ และสังคมในปัจจุบันของญี่ปุ่นอีกด้วย

เป็นยังไงบ้างค่ะ นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ เรียกได้ว่าเรียนกันอย่างเข้มข้น ฝึกจริงและสนุกสนานกันเลยทีเดียว สำหรับนักเรียนที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นหรือไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนที่ไหนดี ชอบการเรียนแบบเข้มข้น ได้ผลจริง สนุกสนานเป็นกันเอง ขอแนะนำ โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น Inter-Cultural Institute of Japan ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่มีความชำนาญทางด้านการสอนภาษาญี่ปุ่นมานานหลายปี และยังมีหลักสูตรที่มีความหลากหลายรองรับความต้องการของนักเรียน  ทรอดแทรกกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น   มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาต่อ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกเรื่องการศึกษา

บุคลากรและอาจารย์ทุกคนของที่นี่ยังให้ความดูแลเอาใจใส่และเป็นกันเองกับนักเรียนเป็นอย่างมาก เห็นได้จากตอนที่ไปเยี่ยมที่โรงเรียน ถึงแม้แมวไม่ได้เป็นนักเรียนของที่นั่น แต่ยังได้รับการต้อนรับจากอาจารย์ใหญ่ Kato อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่น และเจ้าหน้าที่ท่านอื่นๆ เป็นอย่างดี และยังให้โอกาสเข้าไปดูการเรียนการสอน อยากจะขอขอบคุณทุกๆคนที่  Inter-Cultural Institute of Japan จากใจจริงๆ ค่ะ คิดว่าถ้ายิ่งเป็นนักเรียนแล้วล่ะก็คงได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีไม่แพ้กันเลยค่ะ  เลือกที่นี่แล้วรับรองไม่ผิดหวัง โรงเรียนนี้เหมาะกับนักเรียนทุกคนจริงๆ ค่ะ

“Japanese for everyone who needs it”

Scroll to Top