วันที่ 16 มิถุนายน 2559 วันนี้ก็ไปเรียนตามปกติ ตามด้วยไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนๆในห้องที่โรงอาหารใกล้ๆโรงเรียนเหมือนเดิม แต่ที่ต่างออกไปก็คือ มีเพื่อนใหม่ๆที่เพิ่งรู้จักมานั่งกินด้วยกันนั้นเอง หลังจากนั้นก็ใกล้จะได้เวลานัดกับทางเด็กมหาลัยเมจิ พวกเราก็เลยออกเดินทางจากโรงเรียนไปสถานีรถไฟ เจอาร์ที่ใกล้ที่สุดนั้นคือ สถานี สุกาโมะ นั้นเอง ก่อนหน้านี้พวกเราเคยนั่งรถไฟจากสถานีนี้ไปที่ ชินจุกุ ชิบุยะ ฮาราจุกุ แต่ยังไม่เคยนั่งไปทางฝั่งอากิบะ ด้วยสัญชาติญาณของทากะคุง เลยพาขึ้นรถไฟไปฝั่ง ชินจุกุเฉยเลย กว่าผมจะรู้สึกตัวว่ามีอะไรแปลกๆ ก็ล่วงเลยเข้าไป 2 3 สถานีแล้ว แต่ไม่เป็นไรเพราะว่า เจอาร์ สาย ยามาโนะเตะ นั้น มันวิ่งเป็นวงกลม ไม่ว่าจะขึ้นจากฝั่งไหนก็สามารถไปได้หมด แต่ว่าการขึ้นผิดฝั่งมันทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก มากเสียจนสามารถหลับในรถไฟได้ยาวๆ เลย เมื่อไปถึงอากิบะก็รีบไปที่สถานที่นัดรวมพล นั้นคือที่ ราจิโอไคคัง ชั้น 7 ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนเล่นการ์ดทั้งหลายจะมารวมตัวกันนั้นเอง เมื่อไปถึงก็เจอทั้งกับเพื่อนเก่า(แอนดี้)และเพื่อนใหม่ที่ไม่เคยเจอ นามว่า วาตาเบะ และ อิม อนึ่ง อิมเป็นคนเกาหลีที่พูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมากๆ และเร็วมากๆ จนไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าเป็นคนเกาหลี แม้แต่คนญี่ปุ่นด้วยกันเองก็ยังอึ้งเลย ทากะคุงกับอิมก็ประลองการ์ดกันซักพักใหญ่ๆ […]
Category: ระดับมหาวิทยาลัย
DIARY Benz ::Day 10::
วันที่ 15 มิถุนายน 2559 วันนี้ถือว่าเป็นวันที่พิเศษหน่อยเพราะว่าวันนี้ขอทางโรงเรียนหยุด 1 วันเพื่อที่จะไปทัศนศึกษาที่ มหาลัยเมจิ ซึ่งมหาลัยเมจินี้ก็เป็นหนึ่งในมหาลัยที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นเช่นกัน อีกทั้งมหาลัยนี้ยังมีความร่วมมือกับ มศว อีกด้วย เรียกได้ว่านอกจาก มหาลัยโตเกียวไกโกคุโกะแล้วก็มีมหาลัยเมจิ นี่แหละ ที่เอกภาษาญี่ปุ่น มศว คุ้นเคยเป็นอย่างมาก (ที่ มศว เองก็มีศูนย์ของมหาลัยเมจิตั้งอยู่ด้วยนะ) ด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์และนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ นามว่าแอนดี้(อันโดว) เลยทำให้การทัศนศึกษานี้เป็นจริงขึ้นมา พวกเรานัดเจอกันที่สถานี โอฉะโนะมิซุ ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับมหาลัยเมจิมากที่สุด ในเวลา 10 โมง วันนี้ดีหน่อยที่นิสัยคนไทยไม่ทำงานอัตโนมัติ ถือเป็นโชคดีอย่างมาก แต่กับทากะคุงแล้ว ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาซักเท่าไหร่ ทากะคุงก็เลยสายไปประมาณ 30 นาที หลังจากที่ทุกคนรวมตัวกันครบแล้ว ก็ได้เวลามุ่งสู่มหาลัยเมจิ ทางไปสู่มหาลัยเมจินั้นทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายเครื่องดนตรี ถ้าหากคุณอยากจะมาหาเครื่องดนตรีซักตัว ผมเองก็คงจะแนะนำได้แค่ที่นี่ มหาลัยเมจินั้นเป็นมหาลัยที่อยู่ในตัวเมือง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่า มันจะไม่มีอะไรเลย เป็นบรรยากาศในเมืองของแท้เลย เดินกันไปได้ซักพัก พวกเราก็มาถึงมหาลัยเมจิ วิทยาเขต ซุรุกะได วิทยาเขตนี้เป็นที่เรียนของนักศึกษาปี 3-4 และมีอาคารเรียนที่เป็นเอกลักษณ์มาก โดยที่อาคารเรียนนั้นเป็นตึกสูงใหญ่กว่า 20 […]
DIARY Benz ::Day 9::
วันที่ 14 มิถุนายน 2559 วันนี้เป็นวันที่สัญญากับทางเด็กไกไดไว้ว่าวันนี้ผมกับทากะคุงจะไปเยือนมหาลัยของพวกเขา ถึงจะบอกว่ามหาลัยอยู่ในโตเกียวก็เถอะ แต่นั่งรถไฟจากกลางโตเกียวไปก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว หลังจากที่เรียนช่วงเช้าเสร็จ ก็เหมือนเดิมเช่นทุกวัน กินข้าวที่โรงอาหารแถวโรงเรียน พอถึงเวลาอันสมควรก็ออกเดินทางไปที่มหาลัยโตเกียวไกโคคุโกะ ซึ่งก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามันไกลพอสมควร ก็มีนอนหลับพักผ่อนกันในรถไฟบ้าง เวลานัดประมาณ 4 โมงเย็นเพราะทุกคนเลิกเรียนเวลาประมาณนั้น แต่ผมกับทากะก็เหมือนเดิม กลัวว่านิสัยคนไทยจะทำงานอัตโนมัติ ก็เลยไปถึงก่อนเวลานัด 2 ชั่วโมงเช่นเดิม พอไปถึงสถานีที่ใกล้มหาลัยที่สุด พอก้าวลงมาจากรถไฟเท่านั้นแหละ สัมผัสได้ในทันทีเลยว่าต่างกับในเมืองมาก ถ้าหากเทียบกับเมืองไทยก็คงเป็นแถบชานเมือง แต่ก็ดูสงบอย่างบอกไม่ถูก และอาจจะเป็นโชคดีของพวกเราที่ตอนลงจากรถไฟก็มีเด็กแลกเปลี่ยนหลายคนลงขบวนเดียวกัน ก็เลยถือโอกาสนี้เดินตามเขาไปจนถึงมหาลัยเลย มหาลัยไกไดนั้น(จากนี้ไปขอเรียกย่อๆว่า ไกได) มีสัมพันธ์อันดีกับ มศว มาอย่างยาวนาน และมีการส่งเด็กมาแลกเปลี่ยนกับทาง มศว ทุกรุ่น เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นมหาลัยที่คุ้นเคยกันดีสำหรับเด็ก มศว เอกภาษาญี่ปุ่น แต่ว่าออกจากต่างกับที่คิดไว้ซักหน่อย… พอถึงมหาลัยแล้วระหว่างรอเพื่อนๆ ก็ทำการเดินสำรวจรอบมหาลัย แต่ประมาณ 10 นาทีก็เดินครบรอบมหาลัยแล้ว….อีกทั้งมหาลัยยังเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้ เนื่องจากเวลายังเหลืออยู่มากเพราะเดินครบรอบมหาลัยเร็วเกินไปก็เลยนั่งๆ นอนๆ ตรงม้าหินแถวๆ หน้ามอเพื่อฆ่าเวลา พอถึงเวลานัดทุกคนก็ค่อยๆ ทยอยมา ระหว่างรอคนอื่นๆ ก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง บางคนไม่ได้เจอเป็นปี บางคนไม่ได้เจอหลายเดือน […]
DIARY Benz ::Day 8::
วันที่ 13 มิถุนายน 2559 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่จะต้องกลับไปเรียนอีกครั้ง ปกติทุกเช้าจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 7 โมงเช้าเพื่อให้ตื่นไปเรียนทัน แต่ด้วยแสงแดดเจ้ากรรม ก็ทำให้ตื่นมาตอนตี 4 เช่นเคย หลังจากนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ ตลอดจนกระทั่ง 7 โมง ถ้าหากให้บอกว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทรมานที่สุดในการมาญี่ปุ่นครั้งนี้ ก็คงบอกได้เลยว่า แสงแดดเจ้ากรรมนี่แหละที่ทำให้ทรมานที่สุดแล้วจริงๆ วันนี้เป็นวันที่ฝนจะตกหนัก ก็เลยเตรียมตัวพร้อมรับฝนไปอย่างดี แต่สุดท้ายก็เละอยู่ดี…. หลังจากเลิกเรียนแล้ว ก็ไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหารใกล้ๆโรงเรียน ด้วยกันกับหัวหน้าห้อง A3 และทากะคุง หลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน วันนี้ตอนช่วงบ่ายมีนัดกับรุ่นพี่ที่สนิทกัน สถานที่นัดก็คือชินจุกุ…. ซึ่งก็เป็นไปตามระเบียบ “หลง” นั้นเอง แถมฝนยังตกไม่หยุดหย่อนอีก นับว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างเลวร้ายเลยทีเดียว แต่ในท้ายที่สุดก็หากันจนเจอ วันนี้ไม่ได้วางแผนอะไรเป็นพิเศษต้องการแค่เจอรุ่นพี่ที่ไม่ได้เจอมาเกือบ 1 ปี(อีกแล้ว) เพราะฉะนั้นพวกเราก็เลยแค่เดินเล่นในชินจุกุ แล้วก็ไปจบที่ คาบุกิโจ ที่คาบุกิโจแห่งนี้ในตอนกลางคืนขึ้นชื่อว่าอันตรายสำหรับคนต่างชาติ แต่ถ้าเป็นช่วงกลางวันหรือช่วงเย็น ปลอดภัยหายห่วง และที่พวกเราไปกันก็คือตึกโรงหนังที่มีหัวก๊อตซิล่าอยู่บนตึกนั้นเอง แต่ไม่ได้ไปดูหนังหรืออะไร แค่ไปชมสถานที่แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะฝนตกอย่างไม่หยุดหย่อนเลย ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่นโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร […]
DIARY Benz ::Day 7::
วันที่ 12 มิถุนายน 2559 วันนี้เป็นวันอาทิตย์และเป็นวันแรกที่ได้นอนตื่นสายในญี่ปุ่น แต่ว่าก็ว่าเถอะ ที่ญี่ปุ่นมีความพิเศษอย่างหนึ่ง คือ พระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ ตี 4…… เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากสำหรับคนที่ไม่เคยไปญี่ปุ่น และด้วยแสงที่แยงเข้าตากับความร้อนของแสงแดดทำให้ชอบตื่นตกใจอยู่เรื่อยว่าเรานอนตื่นสายอีกแล้วใช่ไหม แต่ว่านี่เป็นวันอาทิตย์! เรื่องพวกนั้นไม่ต้องไปสนใจมันก็ได้ วันนี้ก็มีนัดอีกเช่นเคย แต่วันนี้มีนัดตอนช่วงบ่าย และ เป็นนัดกับเด็กมหาลัยโตเกียวไกโกคุโกะ ที่เคยมาโปรแกรมระยะสั้นที่ มศว ตอนเดือน กุมภาพันธ์ ก็เลยได้มีโอกาสทำความรู้จัก ดูแลพวกเขา และสนิทกัน คราวนี้ก็ถึงตาของนักศึกษาไทยไปให้เขาดูแลบ้างแล้ว(ฮา) สถานที่นัดพบในวันนี้ก็คือ ชิบุยะ(อีกแล้ว) ซึ่งจากครั้งก่อนที่ไปกับทากะคุงมาทำให้ไม่มีทางหลงแน่นอน เวลานัดคือตอน 3 โมงเย็น เจอกันแล้วก็ไปกินอาหารไทยในร้านอาหารไทยที่ 1 คนในกลุ่มเด็กไกได (จากนี้ไปขอเรียกย่อว่าไกได) ทำงานพิเศษอยู่ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกเช่นกันที่จะได้ไปลิ้มรสอาหารไทยในญี่ปุ่น อยากรู้จริงๆ ว่ารสชาติจะต่างกับที่ไทยมากแค่ไหน เนื่องจากว่าอีกฝ่ายเป็นคนญี่ปุ่น ผมกับทากะคุงเลยกลัวว่านิสัยคนไทยจะทำงานอัตโนมัติ ก็เลยนัดเจอกันเองก่อนเวลานัดกับทางเด็กไกได 2 ชม. พอมาถึงที่ชิบุยะแล้วเจอกับทากะคุงแล้ว วันนี้พบว่าที่ชิบุยะ คึกคักกว่าปกติ ก็เลยลองเดินสำรวจกันดู พบว่าวันนี้มีเทศกาลรำวงที่มาจากโอกินาว่า ดูๆ ไปแล้วมีผู้เข้าร่วมน่าจะเกือบๆ 1000 คนได้ […]
DIARY Benz ::Day 6::
วันที่ 11 มิถุนายน 2559 วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งถือว่าเป็นวันหยุดวันแรกของทริปนี้ วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งเพราะว่า วันนี้ต้องไปเจอเพื่อนคนนึง ต้องขอท้าวความก่อนเลยว่า สำหรับเพื่อนคนนี้แล้วมีความพิเศษอย่างไร เพื่อนคนนี้มีชื่อว่าอากิ รู้จักกันทางเกมออนไลน์เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ไม่เคยเจอตัวจริงกันมาก่อน แต่ระหว่าง 8 ปีที่ผ่านมานี้ก็ยังคุยด้วยกันมาตลอด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่จะได้เจออากิ เป็นอะไรที่ค่อนข้างตื่นเต้นเลยทีเดียว สถานที่นัดพบในวันนี้ก็คือ อากิบะ(อีกแล้ว) นัดกันไว้ตอน 9 โมงครึ่ง แต่แล้วนิสัยคนไทยก็ทำงานโดยอัตโนมัติ “สาย” นั้นเอง สายกว่าเวลานัดไปเกือบ 1 ชม. แต่จนแล้วจนรอดก็มาเจอกันจนได้ และแล้วก็ได้เวลาตะลุยอากิบะ วันนี้ต่างกับครั้งก่อนตรงที่ว่า เจอร้านไหนแวะเข้าหมดทุกร้าน โดยวันนี้มีเป้าหมายคือซื้อของฝากกลับไปให้กลุ่มเพื่อนที่ไทย(จำนวนหลายคน) ซึ่งสปอนเซอร์ในวันนี้ก็คือ อากิ นั้นเอง วันนี้เป็นอะไรที่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมากๆ เผลอแปปเดียวก็ได้ของมาเยอะมาก และเผลอแปปเดียวเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงหัวค่ำแล้ว วันนี้ทำให้ได้รู้ว่าเวลาเที่ยวกับเพื่อนที่รู้ใจกัน เวลามันผ่านไปเร็วแบบนี้นี่เอง สุดท้ายแล้วอากิก็ต้องขอตัวกลับก่อนเพราะว่าถ้าหากมืดกว่านี้สายรถไฟที่อากิขึ้นจะอัดแน่นไปด้วยผู้คนทำให้เดินทางลำบาก ทางผมเองก็ลำบากใช่ย่อยเหมือนกัน เนื่องด้วยของที่ซื้อมามากมายโดยที่ไม่ทันคิดถึงเรื่องน้ำหนักกระเป๋าเวลาขากลับ ก็คิดอยู่นานว่าจะกลับบ้านยังไง แต่ด้วยความสะดวกที่ว่า จากอากิบะ มีรถบัสที่นั่งแค่ต่อเดียวก็สามารถไปถึงแถวๆ บ้านโฮสได้เลยจึงทำให้การไปๆ กลับๆ อากิบะ เป็นเรื่องที่ง่ายดายและสบายมาก (แต่อันตรายต่อเงินในกระเป๋ามากๆ) […]
DIARY Benz ::Day 5::
วันที่ 10 มิถุนายน 2559 วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเข้าค่าย ก็ตื่นแต่เช้าจัดเก็บข้าวของ ทานอาหารเช้า แล้วก็ขึ้นรถบัสออกเดินทางสู่ อุมิโฮตารุ การเดินทางถือว่าค่อนข้างนานกินเวลาประมาณ 2 ชม. ได้ อุมิโฮตารุถือว่าเป็นจุดชมวิวขนาดใหญ่และจุดพักรถที่อยู่กลางทะเล ที่อุมิโฮตารุนั้นทางโรงเรียนได้ปล่อยให้ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเป็นเวลา 2 ชม. ถึงจะให้เวลา 2 ชม. แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินทั่วอุมิโฮตารุเพราะมันกว้างมากจริงๆ หลังจากได้เวลาอิสระมา ก็จัดแจงเดินถ่ายรูปวิวให้มากที่สุด จะสวยไม่สวยก็ขอถ่ายไว้ก่อน พอถ่ายวิวจนจุใจแล้ว ก็เดินไปเจอกับหัวหน้าห้อง (ผู้รับผิดชอบคลาส A3 ในทริปครั้งนี้) ก็เลยชวนกันไปกินข้าวพร้อมกับเพื่อนชาวไต้หวันอีก 1 คน พอกินข้าวกันเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปหาซื้อของฝาก ผมเองก็ซื้อของฝากกลับไปจำนวนหนึ่งให้พอดีกับสมาชิกในโฮสแฟมมิลี่ทุกคน พอกลับมาขึ้นรถนับจำนวนคนเสร็จก็ออกเดินทางกลับสู่ โตเกียว ในระหว่างที่นั่งรถอยู่นั้นก็มีไลน์ติดต่อมาจากพี่เทคที่มหาลัย ตกลงกันไว้ว่าเย็นนี้พวกเราจะไปเจอกัน พอถึงจุดลงรถแล้วก็เรียกทากะคุงมารวมพลกันอีกครั้ง แต่ว่ากว่าจะถึงเวลานัดยังมีเวลาเหลืออยู่อีกหลายชั่วโมง ก็เลยเดินย้อนกลับไปที่โรงเรียนเพื่อไปปริ้นตั๋วเครื่องบินขากลับ หลังจากนั้นพอถึงเวลาอันสมควรก็ออกเดินทางจากโรงเรียนไปอิเคะบุคุโระที่เป็นจุดนัดพบ โดยได้เพื่อนชาวไต้หวันนามว่าฟงซัง นำทางไปให้ถึงที่ แต่พอถึงจุดนัดพบแล้วกลับพบว่าพี่เทคนั้นยังไม่มา (มาสายนั้นเอง) ฟงซังเองก็มีธุระต่อเลยต้องขอตัวกลับก่อน เมื่อเห็นว่าพี่เทคยังไม่มาก็เลยเดินเล่นรอบๆ อิเคะบุคุโระไปก่อน จนพี่เทคมาถึง เวลาก็ล่วงเลยเป็นช่วงเย็นแล้ว สภาพท้องของทุกคนก็ไม่ค่อยสู้ดีนักก็เลยตงลงกันว่าจะไปหาอะไรกินกัน […]
DIARY Benz ::Day 4::
วันที่ 9 เดือนมิถุนายน ปี 2559 วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปรวมพลที่โรงเรียนตอน 8 โมง เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ต้องไปเข้าค่ายกับทางโรงเรียน ซึ่งที่โรงเรียนจะพาไปก็คือ แถบโบโซในจังหวัดจิบะ พอรวมพลที่โรงเรียนเสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัสมุ่งสู่หมูบ้านโบโซเป็นอันดับแรก นั่งรถไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงที่หมู่บ้านโบโซ แต่น่าเสียดายที่ตอนลงรถฝนก็เริ่มลงเม็ดแล้ว ที่หมู่บ้านโบโซนั้นเป็นหมู่บ้านที่มีบ้านสมัยเก่าเรียงรายกันเต็มไปหมด อีกทั้งยังอยู่ในภูเขาอีกด้วย เรื่องธรรมชาติก็คงไม่ต้องพูดถึงว่ามันสดชื่นและงดงามขนาดไหน หลังจากใช้เวลาเดินทางในหมู่บ้านประมาณ 2 ชม. ก็กลับขึ้นรถบัสและเดินทางสู่ที่ถัดไป ซึ่งก็คือวัดที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักจากหมู่บ้านและพักกินอาหารกลางวันกันที่นี่ ที่นี้มีซอฟท์ครีมนมสดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจิบะอยู่ หลังจากถึงเวลารวมพลแล้วรถก็มุ่งสุ่โรงแรมที่อยู่ไม่ไกลนักจากชายหาด ในตอนนี้ทุกคนจะได้เวลาพักจัดสัมภาระและเข้าสู่โรงยิมเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันในโรงยิมนั้น เริ่มมาถึงก็เป็นแข่งยืนบนกระดาษสี่เหลี่ยมทีมไหนยืนได้นานกว่าก็ชนะไป จากนั้นก็เป็นการแข่งชักเย่อและวิ่งสามขาถึงจะไม่ได้ชนะทั้งหมดแต่ก็ดีใจที่ได้ลงแข่ง หลังจากจบการแข่งและแจกรางวัลทั้งหมดก็เป็นการแสดงเต้นและร้องเพลงของคนไทยและคนจีนซึ่งแต่ละการแสดงสุดยอดมาก หลังจากจบกิจกรรมในโรงยิมก็ได้เข้าสู่เวลาอาบน้ำพักผ่อนและนอน ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันการศึกษาที่ญี่ปุ่นโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่มีค่าดำเนินการใดๆ รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA) ติดต่อสอบถาม – สมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น สาขาสีลม โทร. 02-2677726 ต่อ 101-104 […]
DIARY Benz ::Day 3::
วันที่ 8 มิถุนายน 2559 วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียน ก็รีบทำธุระในตอนเช้าให้เสร็จแล้วไปเรียน แต่วันนี้มีความพิเศษหน่อยก็คือ ขนมปังในตอนเช้าเป็นเมล่อนปังที่ชอบและวันนี้ฝนไม่ตก พอไปถึงโรงเรียนก็ไปหาเซนเซที่ดูแลเราและเซนเซก็พาขึ้นไปที่ห้องเรียน พอไปถึงที่ห้องเรียนปรากฏว่ายังไม่มีใครมาเลย เซนเซก็เลยบอกว่างั้นตอนนี้ก็ให้คิดเรื่องที่จะแนะนำตัวไว้ก็แล้วกันโดยที่จะให้บอกสิ่งที่ตัวเองชอบอะไรมาก็ได้ 10 อย่าง ซึ่งมันไม่น้อยเลยทีเดียว ถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างหินในการคิดสิ่งที่ตัวเองชอบ พอนักเรียนในห้องเริ่มมา ทุกคนในห้องตกใจมาก บางคนก็นึกไปว่าตัวเองเข้าผิดห้องหรือเปล่า แต่พอเซนเซอธิบายว่าเป็นนักเรียนใหม่ ทุกคนก็อ๋อในทันที พอทุกคนมากันครบแล้ว ก็ถึงเวลาแห่งการแนะนำตัว ก็แนะนำตัวไปเรื่อยๆ ตามที่ตัวเองคิดเอาไว้ และแล้วก็เข้าสู่คาบเรียน คาบเรียนของที่นี่ถือว่าเข้มข้นกว่าที่ไทยอยู่พอสมควรได้เรียนครบทุกด้านของภาษาญี่ปุ่นเลยทีเดียว แต่เนื่องจากเป็นวันแรกเลยไม่ค่อยจะได้คุยกับใครซักเท่าไหร่ หลังจากจบจากคาบเรียนแล้วก็ไปที่ฮาราจุกุในทันที ที่ฮาราจุกุนั้นก็ถือว่าเป็นแหล่งที่มีวัยรุ่นอยู่มากพอสมควรเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่เป็นเวลาบ่ายกว่าๆ แต่กลับเจอนักเรียนยันคนทำงานอยู่ที่ฮาราจุกุเต็มไปหมดเลย หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสำรวจฮาราจุกุกัน ร้านเครปต่างๆ อันเป็นที่เลื่องชื่อของฮาราจุกุก็เรียงรายกันเต็มไปหมด สมแล้วจริงๆที่เป็นฮาราจุกุ หลังจากนั้นก็ออกจากฮาราจุกุโดยที่ไม่ได้ซื้ออะไรแล้วก็มุ่งสู่ชิบุย่าที่อยู่ใกล้ๆ ฮาราจุกุในทันที ที่ชิบุย่านั้นมาถึงก็ได้ไปเหยียบตรงรูปปั้นหมาฮาจิโกะที่เลื่องชื่อ จากนั้นก็เดินเล่นตามที่ต่างๆ ของชิบุย่า อย่างเช่นตึก 109 ของชิบุย่า ซึ่งที่นั่นก็ได้ซื้อเสื้อมาสองตัวหลังจากหน้ามืดซื้อเสร็จกลับพบว่าเงินบินออกจากกระเป๋าพอสมควร การช็อปที่ชิบุย่าก็เลยจบแต่เพียงเท่านี้ ที่เหลือก็เดินตามตึกต่างๆ เช่นตึก tower records ที่ขายซีดีเพลง แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน […]
DIARY Benz ::Day 2::
วันที่ 7 มิถุนายน 2559 วันนี้ตื่นก่อนเวลาที่ตั้งปลุกไว้ 1 นาที ไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรือว่าอย่างไร อาหารเช้าในวันนี้จะเป็น ขนมปัง พุดดิ้ง และน้ำชา ตามสไตล์ญี่ปุ่น พอกินอาหารเช้าเรียบร้อยก็ถึงเวลาต้องออกไปที่โรงเรียนแต่เนื่องจากยังจำทางรอบๆ ไม่ค่อยได้เลยใช้เวลาหลงอยู่พอสมควร หลังจากนั้นก็ถึงจุดที่นัดพบกับทากะคุงไว้และเข้าสู่โรงเรียน เริ่มมาถึงก็ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ทางโรงเรียนก็ให้สอบวัดความสามารถเพื่อจัดห้องเรียนให้กับพวกเรา การสอบเริ่มตั้งแต่ง่ายสุดไปจนยากสุด มีทุกอย่าง ทั้งไวยากรณ์ คำศัพท์ คันจิ การอ่าน การฟัง ครบเครื่องเรื่องภาษาญี่ปุ่นเลยทีเดียว การทดสอบความสามารถกินเวลาช่วงครึ่งเช้าไปพอสมควร พวกเราเสร็จจากทดสอบความสามารถประมาณ 11 โมงได้ และทางโรงเรียนบอกให้กลับมาสัมภาษณ์กับอาจารย์ที่โรงเรียนอีกทีช่วงบ่าย ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาว่างอยู่ซักพักนึงทางโรงเรียนเลยแนะนำที่แถวๆ นั้นให้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีมหาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นตั้งอยู่ นั้นก็คือ มหาลัยโตเกียว นั้นเอง พวกเราก็ไม่รอช้า รีบหาเส้นทางรถไฟแล้วมุ่งหนสู่มหาลัยโตเกียวในทันที เส้นทางนั้นต้องเดินไปขึ้นรถที่สถานีที่ค่อนข้างห่างจากโรงเรียนอยู่พอสมควร ก็เดินกันไปประมาณ 15 นาที จากนั้นขึ้นรถไฟไป 2 สถานี จนในที่สุดพวกเราก็มาถึงมหาลัยโตเกียว ไหนๆ ก็มาถึงทั้งทีก็เลยถ่ายรูปกันยกใหญ่ หลังจากนั้นพวกเราก็เดินตามหาโรงอาหารของมหาลัยโตเกียวกัน เพื่อนั่งกินข้าวและหลบฝนที่กำลังตกอยู่ […]
DIARY Benz ::Day 1::
วันที่ 5 – 6 มิ.ย. 2559 ต้องบอกว่าเพิ่งกลับมาถึงไทยจากการไปญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตได้ 5 วันก็ต้องบินไปญี่ปุ่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไปนานถึง 14 วันเลยทีเดียว มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมของได้ไม่นานนักก็ถึงวันที่จะต้องออกเดินทางซะแล้ว ก่อนที่จะถึงวันออกเดินทางก็มีพี่ๆจากเจชาเลนจ์มาให้คำแนะนำว่า วันที่ออกเดินทางนั้นคนมาขึ้นเครื่องบินเยอะมาก เครื่องออก 5 ทุ่ม 45 ก็จริง แต่ก็ให้รีบมานะ ซัก 2 ทุ่มครึ่ง ไอ้เราก็รีบออกจากบ้าน เพราะฝนตกหนักด้วยกลัวรถติดเดี๋ยวมาสายคนเยอะจะตกเครื่องเอา ก็เลยมาถึงสนามบินตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง ซึ่งเคาเตอร์ที่ให้โหลดกระเป๋าเองก็ยังไม่เปิดเช่นกัน สรุปว่ามาเร็วเกินไปนั้นเอง จากนั้นก็นั่งรอซักพักเพื่อนร่วมทางนามว่าทากะคุงก็มาถึงสนามบินตามเวลาที่นัดไว้ จากนั้นก็โหลดกระเป๋า แล้วก็ทำเรื่องต่างๆ จนขึ้นเครื่องบิน ตั้งใจว่าจะหลับยาวๆ บนเครื่องบินแต่ดูเหมือนสภาพอากาศและที่นั่งไม่เป็นใจก็เลยหลับได้แค่นิดเดียว เผลอแปปเดียวก็มาถึงญี่ปุ่นซะแล้ว พอถึงญี่ปุ่นรีบไปหาตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรแจ้งโฮสแฟมมิลี่ว่า ขณะนี้ได้มาถึงญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอยู่ โทรได้เพียงแปปเดียวยังไม่ทันนัดเวลา เหรียญก็ดันหมดเกลี้ยงแล้วก็ไม่มีเหรียญจะโทรต่อ ก็เลยจำใจรีบนั่งรถไฟไปถึงสถานที่นัดกันไว้ พอไปถึงสถานีที่นัดกันไว้ ในขณะที่กำลังจะออกตามหาตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อที่จะโทรบอกโฮสว่าขณะนี้ได้มาถึงสถานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เหมือนเป็นโชคดีที่โฮสเองก็ออกมารอรับอยู่ที่สถานีเลย จากนั้นทากะคุงผู้ร่วมเดินทางมาก็ขอตัวแยกจากไปทำธุระต่อ หลังจากนั้นโฮสก็ได้พาเข้าสู่ที่พัก หลังจากแนะนำเรื่องต่างๆ ที่จำเป็นในการใช้ชีวิตเสร็จแล้วก็มีโอกาสได้คุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับโฮสในหลายๆ เรื่องๆ เนื่องจากโฮสไม่เคยได้สัมผัสกับความเป็นไทยมาก่อนก็เลยได้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไทยค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน และหลังจากคุยกันไปได้ซักพักก็ได้รู้จากโฮสว่าแถบที่มาอยู่เป็นแหล่งของประวัติศาสตร์ชั้นดีเลย (ตามที่ได้เขียนไปในใบรีเควสเลย…..) […]
DIARY Mint ::Day 14::
วันนี้ตื่นมาตอนประมาณ 8.30 วันสุดท้ายแล้วที่จะได้นอนที่บ้านนี้ เศร้ามากๆ เลย ไม่รู้ว่าทำไมชอบบ้านหลังนี้มากๆ ไม่อยากไปจากบ้านหลังนี้เลย แม้ว่าจะมีโฮสที่เป็นแม่กับลูกสาวแค่สองคน และความห่างวัยของวัยก็ต่างกันมาก แต่บ้านนี้อบอุ่นมากๆ ไม่เหงาเลย หัวเราะกันตลอด ตื่นมาก็เจอแม่ทำกับข้าวให้เสร็จ เราก็ไปอาบน้ำและก็มานั่งกินข้าว จากนั้นคนอื่นๆ ก็ทยอยกันตื่นมา คือ ลูกสาวและทะนิโกะซัง(บอสของลูกสาว)ที่มาค้างคืนด้วย ด้วยวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เราจึงต้องไปโบสถ์ จึงขอตัวรีบไปโบสถ์ ออกจากบ้านก็ประมาณ 9 โมง นั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงโบสถ์ที่ชื่อว่า Church of Light เขต Ibaraki-shi โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่อยากมามากๆ เมื่อสองปีก่อน แต่ไม่คิดว่าเราจะได้มีโอกาสมาท่ีนี่ เป็นโบสถ์ที่สถาปัตยกรรมสวยมากๆ เลย เพราะว่าส่วนที่เป็นไม้กางเขนเป็นกระจกที่มีแสงส่องออกมาได้ โบสถ์นี้มีคนมานมัสการพระเจ้าประมาณ 100 คนได้ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่อยากเข้ามาชมโบสถ์ในช่วงเช้า ส่วนใหญ่คนที่มานมัสการพระเจ้าที่นี่ก็เป็นคนวัยทำงานไปจนถึงรุ่นบรรพบุรุษเลยทีเดียว เอาเป็นว่าประทับใจมากๆ จากนั้น ตอนเดินทางกลับบ้าน ไปแวะที่ห้างใกล้สถานี Yamada เพื่อจะซื้อเครื่องเขียนที่อยากได้อีกเล็กน้อย ล้มละลายมากเลย ถึงบ้านตอนประมาณบ่ายโมงเลย พอเข้าไปในบ้านปุ๊บ ก็จัดการเอาของใส่กระเป๋าให้หมด แล้วก็เอาของฝากให้กับโฮส มีกางเกงช้าง และก็ของจุกจิกเล็กน้อย […]
DIARY Khowphun ::Day 14::
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการโฮมสเตย์ที่โอซาก้าของข้าวปุ้น วันนี้ข้าวปุ้นลืมตาตื่นมาตั้งแต่ตีห้า แต่ก็ลืมไปว่าวันนี้วันสุดท้ายแล้วไม่ได้ไปเรียนหรือไปเที่ยวที่ไหนแล้ว ก็เลยนอนต่อจนถึงเจ็ดโมง แต่เจ็ดโมงแล้วก็ยังไม่มีใครในบ้านตื่นเลย แต่ตอนนั้นข้าวปุ้นอยากเข้าห้องน้ำมากเลยตื่นมาเข้าห้องน้ำ แล้วล้างหน้าแปรงฟันเลย แล้วก็มาหาน้ำกิน แล้วก็นั่งเล่นกับเลโอคุงที่ห้องนั่งเล่นอยู่พักใหญ่ ในที่สุดชูกะจังก็ตื่น แล้วก็ทำขนมปังปิ้งให้ข้าวปุ้นกิน เรานั่งกินขนมปังด้วยกันอยู่สองคน แล้วก็นั่งดูทีวีด้วยกัน สักพักนึงโฮสก็ตื่น แต่โฮสไม่กินข้าว พอโฮสล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็ทำงานบ้านทันที ข้าวปุ้นอยากช่วยมาก แต่ด้วยขนาดบ้านที่ค่อนข้างแคบ ถ้าข้าวปุ้นไปช่วย คงจะเป็นการไปเกะกะเขามากกว่า ข้าวปุ้นเลยนั่งเล่นกับเลโอคุงต่อ พอถึงเวลาประมาณสิบโมงกว่า ไทกิคุงก็ตื่น ปกติไทกิคุงไปเรียนทุกวันแต่วันอาทิตย์นี้หยุดพอดี ทุกคนเลยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหมดเลย ตอนสิบเอ็ดโมงโฮสก็ทำข้าวเที่ยงให้กิน มื่อสุดท้ายของการโฮมสเตย์เป็น บะหมี่เย็น ทุกคนแย่งกันคีบเส้นบะหมี่หรือโซเมงที่อยู่ในชามกันอย่างสนุกสนาน แถมรสชาติของบะหมี่เย็นฝีมือโฮสยังอร่อยมากๆอีกด้วย พอดีไทกิคุงมีนัดกับเพื่อนเลยขอตัวออกไปก่อน ข้าวปุ้นเลยขอถ่ายรูปกับทุกคนเป็นที่ระลึกก่อน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว พอถึงเวลาบ่ายโมง โฮสก็ขับรถมาส่งที่สถานีรถไฟกับชูกะจัง สองอาทิตย์มันผ่านไปเร็วๆมากๆเลย รู้สึกว่าได้คุยกับโฮสแค่นิดเดียวเอง โฮสกับชูกะจังก็มายืนส่งเราขึ้นลิฟต์ที่สถานี โบกมือบ๊ายบายกันใหญ่เลย พอขึ้นมาถึงที่รอรถไฟก็รู้สึกว่าค่อนข้างทุลักทุเลมากๆเพราะสัมภาระตอนกลับมันมีมากกว่าตอนมาประมาณสิบเท่า ขนทีเหงื่อแตกพลั่กๆเลย สุดท้ายก็แบกขึ้นรถไฟจนมาถึงสถานีอุเมดะอย่างปลอดภัย แล้วข้าวปุ้นก็ไปหาที่ยืนรอมิ้น อยู่หน้าร้านหนังสือคิโนะคุนิยะ พอมิ้นมาเราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อไปสนามบินนานาชาติคันไซกัน แล้วก็ยืนรอรถอยู่สักพักรถก็มา ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน แล้วเราสองคนก็ไปยืนต่อแถวรอเช็คอิน ซึ่งวันนี้ที่สนามบินคนเยอะมากๆเพราะเป็นวันอาทิตย์ พอเช็คอินเสร็จแล้วก็ไปต่อแถวรอเข้าด่านตม.กัน เสร็จแล้วก็ได้เดินซื้อของฝาก ไปกินข้าว แล้วก็ไปรอขึ้นเครื่อง ขากลับเครื่องดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง […]
DIARY Mint ::Day 13::
วันนี้ตั้งใจว่าจะออกจากบ้านเร็วเพราะไปเที่ยวเกียวโต สถานที่ที่มี landmark ที่ต้องไปเยอะมากๆ และตอนเย็นต้องกลับมาปาร์ตี้เลี้ยงส่งอีก ตอนแรกตั้งใจจะออกแบบเช้ามากๆ ประมาณหกโมงเช้า แต่เกรงใจโฮสที่ต้องตื่นมาในวันหยุดเพื่อทำอาหารให้กิน เลยตื่นประมาณ 7.30 น. เหมือนโฮสทำอาหารไว้ให้แล้ว และเยอะมากๆ ด้วย แต่ด้วยความที่นอนน้อยเลยกินไปนิดเดียว รีบออกจากบ้านไปเจอเพื่อนที่ Umeda ตอนประมาณ 8 โมงนิดๆ จากนั้นก็เริ่มต้นเดินทางเริ่มจากนั่งรถไฟโดยใช้ Kansai thru pass เหมือนเดิมเพื่อไป Fushimi Inari ที่แรก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยขึ้นรถไฟของ Keihan หรูหรามาก อย่างกับรถไฟวีไอพี ไปถึงฟูชิมิอินาริ ร้อนมากกกกกก ผิวไหม้ แดดแผดเผา นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ เลย แล้วก็ขึ้นไปตรง Sembon Torii พอถ่ายรูปเสร็จปุ๊บก็ต้องรีบลงมา เพราะว่าต้องไปรีบที่อื่นต่อ ชอบที่นี่มากที่สุด ขากลับ ซื้อแม็คเน็ตเสาโทริอิไปให้โฮสด้วย จาก Fushimi Inari นั่งรถต่อไปที่สถานี Kiyomizu Gojo […]
DIARY Khowphun ::Day 13::
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ปุ้นจะได้ออกไปเที่ยวเพราะวันพรุ่งนี้จะต้องกลับไทยแล้ว วันนี้ปุ้นตื่นตั้งแต่หกโมง วันนี้ปุ้นต้องรีบออกจากบ้าน เพราะวันนี้ปุ้นจะไปเที่ยวเกียวโตกับมิ้น แต่ปุ้นเกิดท้องเสียขึ้นมาเลยออกจากบ้านช้าเลย กว่าจะมาถึงอุเมดะก็แปดโมงแล้ว พอเจอมิ้นเราก็รีบไปขึ้นรถไฟเพื่อไปยังเกียวโต ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรา สถานที่แรกที่เราไปกันคือฟูชิมิอินาริ เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเกียวโต โดยจุดเด่นของศาลเจ้านี้คือเสาโทริอิสีแดงที่เรียงรายกันเป็นพันต้น ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมากๆ พวกเราถ่ายรูปกันอยู่ซักพัก แล้วก็ขึ้นรถไฟไปยังสถานที่ต่อไปคือวัดน้ำใสหรือ คิโยมิซุเดระ ก่อนที่จะถึงวัดน้ำใสนั้นเรียกว่าเดินกันจนขาลากเลยที่เดียวเพราะต้องเดินขึ้นเนินท่ามกลางอากาศร้อนจัด ระหว่างทางปุ้นกับมิ้นจึงต้องแวะร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อน้ำและไอศกรีมมากินดับร้อน จนในที่สุดก็เดินมาจนถึงตัววัดจนได้ แม้จะร้อนขนาดไหนคนก็ยังมาเที่ยวที่วัดเยอะมาก เราเสียค่าเข้าไปยังตัวอุโบสถใหญ่กันคนละห้าร้อยเยน ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะตัวอุโบสถใหญ่เป็นแบบเปิดโล่งมีลมพัดเย็นสบายมาก วิวข้างนอกก็เป็นป่าเขียวชอุ่มสวยมากๆเลย พอเดินออกมาจากตัวอุโบสถก็จะมีบันไดทางลงไปยังจุดที่มีน้ำไหลลงมาเป็นสายให้คนที่มาเที่ยวที่วัดได้ตักดื่มเป็นสิริมงคลกับชีวิตกัน แต่ปุ้นกับมิ้นไม่ได้ไปดื่มเพราะคนต่อคิวกันยาวมากๆ เลยได้แต่ถ่ายรูปกันอยู่พักนึงแล้วก็เดินออกจากวัด ตอนออกมาจะมีทางเดินลงเนินอีกทางที่เป็นคนละทางกับตอนเดินขึ้นมา ซึ่งทางลงเนินทางนี้สองข้างทางจะมีร้านของฝากเรียงรายเยอะแยะไปหมด แต่ปุ้นก็ไม่ได้ซื้ออะไรเลยเพราะตังใกล้หมดเลยเดินดูอย่างเดียว และแล้วก็ได้เวลาไปยังจุดหมายต่อไปคือวัดเงินหรือกิงคะคุจิ พวกเราไปถึงแถวๆวัดตอนประมาณเที่ยงๆแล้ว เลยแวะกาข้าวกินกัน มื้อกลางวันวันนี้เป็นอุด้งเนื้อ อร่อยมากๆ แถมเจ้าของร้านยังชวนพวกเราคุยแบบเป็นกันเองอีกด้วย พอกินกันอิ่มแล้วก็เดินไปจนถึงทางเข้าวัด แต่ต้องเสียค่าเข้าหกร้อยเยน ปุ้นกับมิ้นเลยตัดสินใจไม่เข้าวัดเงิน เพราะไปอ่านรีวิวในเน็ตมาเขาบอกว่าไม่ค่อยมีอะไร ไว้เอาเงินไปเสียที่วัดทองดีกว่า สุดท้ายเลยออกมาขึ้นรถไฟไปวัดทองหรือคินคะคุจิกันต่อ พอมาถึงวัดทอง ก็ต้องเสียเงินค่าเข้ากันคนละสี่ร้อยเยน แต่มันคุ้มค่าเงินนะคะ เพราะวัดทองเค้าสวยจริงๆ มันทองจริงๆค่ะ ยิ่งสะท้อนแสงแดดนี่ดูเป็นประกายมากๆค่ะ แถมในวัดยังมีสวนให้เดินด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ พวกเราอยู่ในวัดทองร่วมชั่วโมง แล้วมาซื้อของฝากไปฝากโฮสตรงใกล้ๆทางออกวัด แล้วนั่งรถเมล์เพื่อไปลงที่สถานีที่จะไปยังสถานที่่สุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คืออาราชิยามะ รถไฟที่เรานั่งไปยังอาราชิยามะนั้นเรียกได้ว่าเป็นรถไฟแบบโลคอลสุดๆ คือมีแค่โบกี้เดียว […]
DIARY Mint ::Day 12::
วันนี้หยุดเรียนแล้ว ไม่ต้องไปเรียน แต่ว่าเพื่อนคนไทยที่เรียนอยู่ที่ 千葉大学 มาหา เลยตื่นเหมือนปกติแล้วนั่งรถไปเจอกันที่สะพาน Dotonburi ไป Dotonburi แต่เช้า คนยังน้อยอยู่เลย แต่ว่าต้องรอรุ่นพี่คนไทยที่เรียนอยู่ที่ 大阪大学 ก็เลยเดินเล่นที่ Shinsaiba-shi ไปก่อน ร้านค้ายังไม่เปิดเลย พอถึง 10 โมง ก็ไปถ่าย purikura เพื่อเป็นที่ระลึก 555 เช่าชุดธีมดีสนีย์ด้วย ตลกมากๆ จากนั้นไปเล่นเกมจับตุ๊กตาและก็เกมตีกลอง แล้วก็ไปกินร้านดัง PABLO ก็อร่อยดีนะ แต่ว่ายังอร่อยไม่สุด แล้วพวกเพื่อนๆ ก็อยากไปที่ Arashi คาเฟ่กันมาก เลยเข้าคาเฟ่ไป จากนั้นก็ส่งรุ่นพี่กลับไปมหาลัย เพราะว่ามีเรียน เดินเล่นแถว Shinsaibashi ต่ออีกหน่อย แล้วก็นั่งรถไฟไปที่ศาลเจ้า Sumiyoshitaisha เพราะวันนี้เป็นวันที่ศาลเจ้ามีงาน พอดีว่าว่างมากๆ ไปถึงประมาณบ่ายสาม แต่งานเริ่ม 5 โมงแหนะ เลยไปเดินรอบศาลเจ้า คุยกันไปคุยกันมา ช่วงใกล้ 5 โมง เลยกลับไปที่ศาลเจ้า […]