บันทึกประสบการณ์ของน้องดา ผู้ชนะจากการแข่งขันตอบปัญหาภาษาญี่ปุ่น J-Challenge#5 กับการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ที่โรงเรียน Yono Gakuin Japanese Language School จังหวัด ไซตามะ วันที่ 3..
วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2553 การเดินทางไป “Takao san”
วันนี้ไม่อยากตื่นเลยอะ ปวดหัว เวียนหัว ไปหมด แต่ก็ต้องตื่น 555 ตื่นมา 7.30 น. ลงไปกินอาหารเช้า = โยเกิร์ต ใส่ซอสองุ่น กล้วย ลูกพลับ แต่วันนี้ไม่อยากกินขนมปัง ไม่หิวอะ ก่อนออกจากบ้านโฮสต์ก็มาช่วยเตือนเราว่าเอาของไปครบหรือเปล่า แล้วก็ให้เอาเสื้อกันหนาวไปด้วย เพราะบนเขาอาจจะหนาว แล้วก็รีบไปที่สถานีรถไฟ Minami urawa เพราะวันนี้นัดกับโฮสต์ช่อ ว่า จะไปขึ้นเขา Takao
เราออกจากบ้าน ประมาณ 8 โมงกว่า (เผื่อหลง) ซึ่งก็หลงจริงๆ ออกประตูบ้านมาปั๊บ เดินเลี้ยวผิด เลี้ยวถูก มั่วไปหมด หลงไปไกลมาก ก็คิดได้ว่าควรไปตั้งต้นที่บ้านใหม่ 555+ เกือบจะกลับทางเดิมไม่ถูกซะแล้ว
และแล้วก็กลับมาถึงหน้าบ้าน ตั้งต้นใหม่+ตั้งสติใหม่ 555+ แล้วก็เดินไป Saidai เพื่อขึ้นรถบัส ส่วนพอถึงสถานีรถไฟแถวบ้าน ก็ไม่มีไรมาก ก็แค่งงๆ ว่าจะนั่งรถไฟฝั่งไหนไป เพราะไม่รู้มันไปฝั่งเดียวกันกับตอนไปโรงเรียนหรือเปล่า แต่ก็พอไปดูแผนที่รถไฟก็ไม่มีปัญหา ถึงรถไฟถูกทาง ไปถึงสถานี Minami Urawa ที่นัดกับช่อแล้วก็โฮสต์ช่อจนได้
แต่พอถึงแล้วนี่สิมันเป็นสถานีที่ใหญ่มากๆๆ แล้วก็ลองหาเบอร์ Okasan ของช่อ ปรากฏว่า…..ลืมไว้ที่บ้าน เยี่ยมมากๆ เลยค่ะ ขี้ลืมได้ขนาดนี้ แต่ดีที่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานคุยกับช่อว่าไปเจอกันข้างใน ตรงช่องตรวจตั๋ว ทางออกทิศใต้ (ดีนะเนี่ยที่ยังมีความจำหลงเหลืออยู่บ้าง…….)แล้วก็เดินไปมั่วๆ 555+ อีกแล้ว เจอครูบีพอดี ค่อยยังชั่ว นึกว่าต้องกลับบ้านซะแล้ว 555+
พอ 9 โมง เวลานัด ไม่เห็นมีใครมา ยิ่งตกใจไปใหญ่ เลยโทรไปบ้านโฮสต์ช่อ(ครูบีมี)แต่คนที่บ้านบอกออกมาแล้ว ทำไงดีล่ะ ยืนรอสักพักช่อกับโฮสต์ก็มา เย้ๆๆๆๆ ได้ไปแล้ว ซึ่งทริปนี้นะมีแต่ผู้สูงอายุ ประมาณ 60 ขึ้นทั้งนั้น 555+ แต่ดูแข็งแรงเว่อร์ๆ แล้วก็นั่งรถไฟไป Takao san เปลี่ยนรถหลายต่อมาก โฮสต์ช่อซึ่งเป็นคนพาไป ยังพาขึ้นผิดขบวนเลย 555 แต่ดีที่ครูบีไหวตัวทัน เลยได้นั่งย้อนกลับ ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ ถือว่าชมวิวละกัน 555
และแล้วก็เดินทางมาถึงในเวลาประมาณ เกือบ 11 โมง แล้วก็ซื้อตั๋วขึ้นเขา ไป-กลับ 900 เยน ทางชันมาก น่ากลัวเหมือนกันอะ ถ้าขับเร็วอีกหน่อย เหมาะที่จะเป็นรถไฟเหาะเลยอ่ะ 555 แล้วก็ถึงเวลาทรหดอดทนอย่างมากๆๆๆ เดินขึ้นเขาค่ะ คือปกติเราไม่เคยเดินขึ้นเขาอะนะ แล้วมาเริ่มตอนนี้ นี่แบบว่าแทบตาย แต่คุณยายที่มากับเรา และก็เด็กที่เดินสวนไปมาไม่มีปัญหาเลย ดูสบายๆ มากอ่ะ เดินๆไปก็จะมีศาลเจ้า และจุดชมวิว ต่างๆ มากมาย
แต่มีจุดนึงที่เราเซ็งกับมันมากอ่ะ คืออยากถ่ายรูป แล้วกล้องหลุดมือ หล่น(อย่างแรง) พอหยิบขึ้นมา ทำไรไม่ได้เลยอะ เลนส์กล้องนี่ค้างเลยอะ เอาเข้าไม่ได้เลย สภาพเยิน กลับไปจะโดนด่าไหมเนี่ย เซ็งไปสักพักจนไม่อยากทำอะไรเลยอะ (ในใจก็คิดว่าวันนี้ไม่อยากเที่ยวต่อแล้ว กลับเหอะ) แต่ครูก็ช่วยพูดให้เราทำใจ 555 แล้วก็จะถ่ายรูปให้เรา แต่เรานี่ไม่มีอารมณ์แล้วอะ วันนี้ดวงซวย ไม่ไหวแล้ว แต่ก็อืม ทำใจเว้ย
พอหายเครียดก็เริ่มหิวข้าว จนเที่ยงกว่าแล้ว ไม่แวะกินข้าวกันหน่อยหรอคะ คิดอีกทางนึงก็คงอดทนรอให้ถึงยอดเขาก่อน แล้วค่อยกินมั๊ง ซึ่งอย่างที่คิด 13.00 น. เราถึงบนยอดเขาซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่…..วันนี้มองไม่เห็น หมอกลง เยี่ยมจริงๆ ซวยอีกแล้ว แล้วก็ไปนั่งกินข้าวที่ Okasan ของช่อทำมาให้ เป็นข้าวปั้นคนละ 2 ก้อน ก้อนอย่างใหญ่อ่ะ แถมยังปั้นแน่นมากด้วย กินแทบจุก 555
สภาพอากาศตอนเริ่ม ๆ เดินขึ้นเขาก็หนาวแล้ว แต่พอถึงยอดเขานี่หนาวมาก ต่างกับตอนที่เดินมาลิบลับ หนาวจนแม้ว่าจะใส่แจ๊กเก็ต ผ้าพันคอ หมวก ขนาดไหนก็ตาม ยังสั่นอ่ะ แต่คนญีปุ่นไม่หนาวเลยค่ะ ขอบอก นั่งกันเฉยมาก แล้วป้า ๆ ยาย ๆ ก็เป็นห่วง ว่าเรากับช่อเป็นไรมากหรือเปล่า เค้าโดนมือเราแล้วเค้าก็ตกใจ เพราะเย็นเฉียบมากอ่ะ (เด็กกรุงเทพนี่คะ ไม่ค่อยได้สัมผัสอากาศหนาว กรุงเทพปีนึงจะหนาวแค่กี่วันเอง…)
ทีนี้พอถึงตอนเดินลงนึกว่าจะสบาย เหมือนตอนขึ้นที่เป็นคอนกรีต แต่เปล่าเลย เป็นป่าเลยค่ะ ป่าทึบด้วย เดินบนดินแฉะ ประมาณนึง แล้วก็ลื่นด้วย ซึ่งเราต้องช่วยดูคุณยาย คุณป้าที่มาด้วย เพราะลื่นง่ายมากๆ ลื่นไปคงตกเหวเลยก็ได้อ่ะ แล้วก็ไม่กล้ามองอะไรเลยนอกจากพื้นตรงหน้า เพราะว่าทางหวาดเสียวมาก แคบๆ และลึกมาก ตอนลงนี้ รู้สึกว่านานกว่าตอนขึ้นยังไงก็ไม่รู้ เพราะมัวกังวลละมั๊ง แต่ก็ไม่เหนื่อยเหมือนตอนขึ้นอ่ะ เป็นแต่เหนื่อยสะสม เพราะเดินไกลมาก
ในที่สุด เราก็เจอทางที่เราเดินขึ้นไป เย้ๆๆ สำเร็จแล้ว เดินบนคอนกรีตค่อยสบายหน่อย แล้วก็ไปขึ้นรถไฟ เพื่อลงเขา ซึ่ง..มีเรื่องแย่ๆ อีกแล้ว เพราะว่าตั๋วที่ซื้อไป-กลับ นั้น…มันหาย ทำไงล่ะทีนี้ เลยถาม Okasan ของช่อว่า จะต้องไปซื้อตั๋วใหม่ไหม แต่เขาบอกว่าอย่าเลย เดี๋ยวเค้าจะลองไปขอเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วให้ ซึ่งก็สำเร็จ ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อใหม่ เค้าเข้าใจเรา 555+ แล้วก็ไปขึ้นรถไฟลงเขา ซึ่งน่ากลัวมากอ่ะ อย่างกับเล่นรถไฟเหาะในสวนสนุกเลย หวาดเสียว ขนาดเรามองไม่เห็นทางข้างหน้านะ
แล้วก็เดินออกจากบริเวณเขา แล้วไป Shopping เดินดูของกันเล็กน้อย แล้วแวะทานน้ำชาที่ร้านริมถนน จากนั้นเดินทางกลับ ประมาณ 4.30 น. แล้วกว่าจะถึงบ้านนะ ไม่ต้องคิดเลยว่ามืดแน่นอน จะหลงอีกไหมเนี่ย แล้วก็มาถึงสถานีแถวบ้าน ประมาณ 6 โมงครึ่ง เดินไปขึ้นบัสถูกแล้ว
และก็กลับบ้านถูกด้วย ถึงแม้ไม่มีแสงไฟเลย 555 วันนี้เยี่ยมมากค่ะ กลับถึงบ้านเจอ Okasan เค้ารีบมาถามใหญ่เลยว่าเป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม แล้วก็รีบให้เราบอกให้เราไปอาบน้ำ พออาบแล้วก็สบายขึ้นนิดหน่อย แต่แบบว่าปวดเมื่อยตัวนี่ ยังมีอยู่บ้างอะนะ มันล้าไปหมด โดยเฉพาะขา
วันนี้ทานอาหารเย็น ประมาณ 2 ทุ่ม วันนี้กินกับ Okasan 2 คน พ่อยังไม่กลับ พี่ไปทำงานพิเศษ วันนี้กินข้าว อร่อยมากอ่ะ ผัดผัก ไก่อบซอสมั๊ง ไข่หวาน เต้าหู้ เลยกินเยอะเลย แล้วต่อด้วย
ไอติม อิ่มแปล้เลย ทานเสร็จ เอาจานไปล้างเอง แล้วก็ไปขอ okasan เล่นเน็ต นอน เกือบ 4 ทุ่ม วันนี้นอนเร็ว เพราะง่วง 555+ Oyasuminasai
* สิ่งที่ได้รู้วันนี้ คนญี่ปุ่นแข็งแรงมาก ไม่ว่าเป็นเด็ก – ผู้สูงอายุ ต่างกับคนไทยมากๆๆ 555+ **
บันทึกประสบการณ์วันที่ 4 ของน้องดา >>
Link ที่เกี่ยวข้อง >>
Diary บันทึกประสบการณ์ ผู้ชนะการแข่งขันภาษาญี่ปุ่น JChallenge#4
Diary บันทึกประสบการณ์ ผู้ชนะการแข่งขันภาษาญี่ปุ่น JChallenge#3