ภาพยนตร์ญี่ปุ่น

talkwithchat_japan_website

คุยกับชาร์ต Vol.7 คิตะคิวชู…เมืองแห่ง ภาพยนตร์ญี่ปุ่น “Hollywood in Japan”

นับตั้งแต่การประกาศยกเว้นวีซ่าให้คนไทยถึง 15 วันตั้งแต่ปี 2013  จำนวนนักท่องเที่ยวไทยในญี่ปุ่นก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าสามเท่า!

ตัวเลขนี้อาจไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเรานัก ด้วยประเทศญี่ปุ่นเองก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับหนึ่งของเอเชียในใจคนไทยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จากทัศนียภาพที่สวยงาม วัดและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งอาหารอร่อยๆ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการท่องเที่ยว

แต่สิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตัวเลขนักท่องเที่ยวไทย คือกว่าครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เคยไปญี่ปุ่นแล้วแต่ก็กลับไปเที่ยวอีกซ้ำๆ หรือที่เรียกว่า Repeater นั่นเองครับ อย่างว่าแหละครับ ญี่ปุ่นเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อจริงๆครับ ตัวผมเอง ปีนี้ก็ไปมาสองรอบแล้วครับ…แฮะๆ

ด้วยตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่มากมายมหาศาลนี้ ก็ได้ดึงดูดให้องค์กรภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นให้เข้ามาสนใจมากยิ่งขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือผ่านทางการใช้บัตรเครดิตที่จูงใจให้นักท่องเที่ยวไทยไปช็อปกันมากขึ้นด้วยส่วนลดพิเศษบวกเพิ่มไปจากการยกเว้นภาษี (Tax Free) หรือของสมนาคุณต่างๆ สำหรับนักช็อปชาวไทยโดยเฉพาะ! ซึ่งล่อตาล่อใจเสียเหลือเกินครับ

เมื่อเราพูดถึงเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไทยมักจะไปแล้ว อันดับหนึ่งสำหรับคนที่ไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกคงหนีไม่พ้นโตเกียว เมืองหลวง และศูนย์รวมเทคโนโลยี ศูนย์รวมธุรกิจของญี่ปุ่น

แต่สำหรับเหล่า Repeater แล้วจุดหมายปลายทางถัดไปก็คือเกาะคิวชู (九州) ซึ่งอยู่ทางใต้และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศญี่ปุ่นครับ

ด้วยเหตุนี้เอง ทางรัฐบาลท้องถิ่น (Local Government) ของจังหวัดต่างๆ และบริษัทเอกชนในเกาะคิวชู จึงได้เล็งเห็นโอกาสตรงนี้และพยายามที่จะโปรโมทเกาะคิวชูให้คนไทยมาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

พื้นฐานของเกาะคิวชูนั้นก็เต็มไปด้วยอาหารพื้นบ้านอร่อยๆ และทัศนียภาพที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือทะล แถมยังเป็นพื้นที่ที่ยังคงความเป็นอยู่และวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นดั้งเดิมให้เห็นได้มากอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องไม่ยากนักที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไทยมาสัมผัสกันครับ

ตัวผมเองเคยมีโอกาสได้ใช้ชีวิตเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่มหาวิทยาลัยซากะ (佐賀大学) จังหวัดซากะ ที่ถึงแม้จะไปอยู่แค่หนึ่งปี แต่ได้รับความประทับใจกลับไปเต็มๆ แบบเรียกได้ว่ายากที่จะลืมครับ

m_182917

หากพูดถึงวิธีการโปรโมทการท่องเที่ยวแล้ว คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า สื่อบันเทิง (Contents) ถือเป็นอาวุธหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดเลยทีเดียว จะเห็นได้ชัดจากกรณีของจังหวัดซากะซึ่งเดิมทีมักจะถูกแซวในหมู่คนญี่ปุ่นเองอยู่แล้วว่าเป็นจังหวัดที่ชนบทมากที่สุดในญี่ปุ่นจังหวัดหนึ่งขนาดที่ว่านักร้องชื่อดัง Hanawa ได้นำเรื่องราวของจักหวัดซากะไปแต่งเพลงล้อเลียนเลยทีเดียวครับ

ยิ่งเมื่อพูดถึงชื่อนี้ในหมู่คนไทยแล้วเรียกได้ว่าในสี่ห้าปีก่อนแทบไม่มีใครรู้จักเลยก็ว่าได้ครับ แต่เมื่อไม่กี่ปีให้หลังมานี้ทางรัฐบาลท้องถิ่นซากะได้ทำการโปรโมทอย่างหนักผ่านสื่อบันเทิงต่างๆ และได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด อย่างเช่น ละครเรื่อง “Stay ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ” ของทาง Line TV ที่ได้นักแสดงชั้นนำอย่าง คุณซันนี่ เข้ามาร่วมด้วย ก็ทำให้จังหวัดซากะกลายเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยไปในพริบตาส่งเสริมให้คนไปเที่ยวขึ้นมากมายครับ

ภาพยนตร์ญี่ปุ่น Stay ซากะ

จริงๆ แล้วการโปรโมทจังหวัดผ่านสื่อบันเทิงไม่ได้เป็นกลยุทธของที่จังหวัดซากะเท่านั้นนะครับแต่เรียกได้ว่าเกือบทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยในหลายจังหวะจะมี Film Commission ซึ่งดูแลโดยรัฐบาลท้องถิ่น เป็นหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่ในการหาลู่ทางโปรโมทจังหวัดผ่านสื่อบันเทิงโดยเฉพาะ ซึ่งในวงการของ Film Commission นั้น เมืองคิตะคิวชู (北九州市) หรือ Kita Kyushu Film Commision ก็ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในระดับต้นๆ หรือยกย่องเมืองคิตะคิวชูในฐานะ Hollywood ของญี่ปุ่นนั่นเองครับ

คิตะคิวชูเป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะคิวชู มีประชากรอยู่ราวๆ หนึ่งล้านคนครับ จริงๆ แล้วเมืองคิตะคิวชูเกิดจากการรวมตัวกันของห้าเขตใหญ่ๆ ได้แก่ โมจิ โทบาตะ ยาฮาตะ วากามัตซึ และโคคุระซึ่งเป็นเขตที่ใหญ่ที่สุดของคิตะคิวชูครับ

เพราะเหตุใดเมืองคิตะคิวชูจึงได้ชื่อเป็นฮอลลีวู้ดของญี่ปุ่น..?

เมืองคิตะคิวชูเองประกอบไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา หรือทะเล รวมทั้งวัฒนธรรมต่างๆของญี่ปุ่น อาทิเช่น ปราสาท วัดและศาลเจ้าต่างๆ หรือเรียกได้ว่าเมืองคิตะคิวชูได้รวบรวมทุกความเป็นญี่ปุ่นอยู่ในที่เดียว หากนักท่องเที่ยวไปแค่คิตะคิวชูที่เดียวก็สามารถสัมผัสทุกอย่างของความเป็นญี่ปุ่นได้ ซึ่งเห็นว่าจะจริงนะครับ (เว้นแต่แค่หิมะที่หาได้ยากในคิตะคิวชูครับ)

ทางรัฐบาลท้องถิ่นคิตะคิวชูเองก็ทราบดีถึงจุดแข็งของเมืองในด้านนี้ จึงทำการโปรโมทโดยเปิดช่องทางให้สื่อบันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร หรือรายการทีวีต่างๆ เข้ามาใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเมืองคิตะคิวชูเองไม่ได้ดึงดูแต่เพียงสื่อบันเทิงญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสื่อบันเทิงต่างชาติด้วยรวมถึงสื่อไทยครับ ซึ่งทางรัฐบาลท้องถิ่นเองก็ยังได้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากประชากรในเมือง

น่าตกใจว่าชาวคิตะคิวชูกว่าหกพันคน! ได้ลงทะเบียนไว้เพื่อเป็นอาสาสมัครในการช่วยเหลือเป็นตัวประกอบเมื่อมีการถ่ายทำครับ

โดยพื้นฐานแล้วการถ่ายทำสื่อบันเทิงต่างๆ ในญี่ปุ่นจะมีความยากกว่าประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกฎระเบียบต่างๆ สิทธิมนุษยชน ลิขสิทธิ์ แต่สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ครับ ได้ยินมาว่าการปิดสถานีรถไฟทั้งสถานีเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยหากมาทีนี่ครับ!

ในส่วนของสื่อบันเทิงไทยเองก็ได้มีการเข้าไปใช้เมืองคิตะคิวชูเป็นสถานที่ถ่ายทำละคร อาทิเช่น เรื่อง “กลกิโมโน (きもの秘伝)” ของทางไทยทีวีสีช่องสาม ที่นำแสดงโดยพี่เบิร์ด-ธงชัย และคุณชมพู่-อารยา ซึ่งจากการที่ได้คุยกับคนในพื้นที่ พบว่าหลังจากที่ละครเรื่องนี้ออกอากาศไป จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่ไปจังหวัดฟุกุโอกะเพิ่มขึ้นถึงเกือบเท่าตัวและจำนวนนักท่องเที่ยวไทยในคิตะคิวชูก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ถูกนำไปใช้เป็นฉากละคร จากเดิมที่สามารถเดินทางไปได้ภายในสิบห้านาที กลับรถติดเป็นชั่วโมงด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่แห่กันไปชมครับ แสดงให้เห็นถึงผลตอบรับที่ดีเกินคาดและ นอกจากนี้ ล่าสุด ละครเรื่อง “Devil Lover เผลอใจ..ให้นายปีศาจ” ของทาง Gmm25 นำแสดงโดย คุณกอล์ฟ-พิชญะ ก็ได้ไปถ่ายทำที่คิตะคิวชูเช่นเดียวกันครับ

ในส่วนของสถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองคิตะคิวชูนั้นมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยครับ!

 

1. โมจิโกะ(門司港): เป็นเมืองท่าโบราณ ที่มีการตกแต่งเมืองในสไตล์ตะวันตก รายล้อมไปด้วยอาคารสไตล์วินเทจทีมีอายุนับกว่าร้อยปี ให้บรรยากาศที่คลาสสิคและโรแมนติกมากๆ ครับ ตอนกลางคืนจะมีบริการล่องเรือชมแสงไฟจากตัวเมืองริมอ่าวได้ครับ

2. ปราสาทโคคุระ(小倉城): เป็นปราสาทเก่าแก่ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ญี่ปุน ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1602 ครับ

3. อุทยานแห่งชาติฮิราโอะได(平尾台): เป็นทิวเขาหินปูนที่มีความกว้างถึง 22 เฮกเตอร์ครับ ที่เห็นอยู่สีขาวๆนี่ไม่ใช่ก้อนหินเล็กๆหลายๆก้อนนะครับ แต่จริงๆแล้วลึกลงใต้ต้นไม้แล้วหินเหล่านี้เชื่อมต่อกันทั้งหมดเป็นก้อนใหญ่ครับ

4. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของมนุษย์และธรรมชาติคิตะคิวชู (北九州市立いのちのたび博物館): จริงๆแล้วพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงและได้รับยกย่องว่าเป็นอันดับสองของญี่ปุ่นเลยที่เดียวครับ จุดที่น่าสนใจก็คือภายในพิพิธภัณฑ์นี้มีโครงกระดูกไดโนเสาร์ซึ่งถูกจัดเรียงแบบเต็มตัวตามสไตล์ตะวันตกซึ่งหาดูได้ยากมากในเอเชียครับ

5. อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย(河内藤園): ตั้งอยู่ในสวนคาวาจิ ฟูจิเอ็น ใครจะไปต้องระวังนิดนึงนะครับเพราะได้ยินมาว่าเปิดให้ชมแค่ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกวิสทีเรียบานและช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นนะครับ

6. สะพานคันมง(関門橋): เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเกาะคิวชูกับฮอนชู เรียกได้ว่าน้องๆโกลเด้นเกทของที่อเมริกาเลยครับ

หลายคนเห็นภาพแล้วอาจจะรู้สึกคุ้นตาว่าเคยเห็นที่ไหน ใช่แล้วหละครับ! เราเคยเห็นสถานที่เหล่านี้มาแล้วตามละคร ภาพยนตร์ต่างๆที่เราชมแต่อาจไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองคิตะคิวชูนั่นเองครับ

จริงๆแล้วเมืองคิตะคิวชูไม่ได้เด่นแค่เฉพาะในเชิงของการเป็นสถานที่ถ่ายทำสื่อบันเทิง แต่ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม เมืองคิตะคิวชูนั้นเป็นหนึ่งในแหล่งอุตสาหกรรมหลักของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่หุ่นยนต์ก็ตาม ซึ่งแต่เดิมเคยประสบปัญหาด้านมลภาวะถึงขั้นย่ำแย่ ทำให้ภาครัฐต้องออกมาตรการมากแก้ไขด่วนจนสามารถพัฒนาจาก Grey City มาเป็น Green Zone หรือเมืองต้นแบบ Eco Town ของญี่ปุ่นได้ครับ และล่าสุดเมืองคิตะคิวชูได้ยื่นมือให้ความช่วยเหลือไทยในการเป็นต้นแบบพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดราชบุรีด้วยครับ

หลายคนมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว ครั้งต่อไปลองไปสัมผัสญี่ปุ่นในอีกมุมที่คิตะคิวชูดูสิครับ ยิ่งรู้ถึงความพิเศษตามที่ได้นำมาคุยกับในคอลัมน์คุยกับชาร์ตเช่นนี้แล้ว ยังต้องรออะไรครับ ไปสัมผัส Hollywood แห่งญี่ปุ่นกันเถอะครับ!

สำหรับผู้อ่านที่ต้องการปรึกษาเรื่องการเรียน การใช้ชีวิตในญี่ปุ่น สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้เพิ่มเติมที่เฟซบุ้ค Shad Sarntisart ครับ

 


Chart003

พบคอลัมน์ “คุยกับชาร์ต” ที่เว็บไซต์เจเอ็ดดูเคชั่นทุกเดือน
คุณสืบศิษฏ์ ศานติศาสน์ หรือชาร์ต นักเรียนเก่าญี่ปุ่น ผู้ซึ่งไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียนเพียงเท่านั้น แต่ชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเต็มไปด้วยประสบการณ์นอกห้องเรียน รวมไปถึงประสบการณ์ในวงการบันเทิงของญี่ปุ่น! ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่า เส้นทางสู่การเป็นนักเรียนที่ญี่ปุ่น เรียนต่อญี่ปุ่น รวมถึงการหาทุนการศึกษา ไม่ยากเลย ถ้าตั้งใจและพยายาม

การศึกษาที่ญี่ปุ่น – ปริญญาตรี : นักศึกษาแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยซากะ (Saga University) // ผ่านโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างชาติ SPACE ทุนที่ได้รับคือ ทุน JASSO International Student Scholarship for Short-Term Study in Japan

– ปริญญาโท : สาขาความร่วมมือระหว่างประเทศ (International Cooperation) มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo) // ได้รับทุน JASSO Honors Scholarship พร้อมกับ Shundoh International Scholarship
การทำงาน – ปัจจุบันทำงานให้กับธนาคารญี่ปุ่นในประเทศไทย ดูแลส่วนงานธุรกิจระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น
– งานอดิเรกเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจและการลงทุนในไทยและอาเซียนให้กับบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consulting) ในประเทศญี่ปุ่น

 

Scroll to Top