5 ข้อแนะนำ ก่อนไป งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น

จากประสบการณ์ที่เจ๊คลุกคลีอยู่ในวงการแนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นมาสิบกว่าปี ประกอบกับที่ได้ทำงานในส่วนของสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ  (TIECA) ซึ่งเป็นสมาคมที่รวมศูนย์แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศหรือที่มักจะเรียกกันว่า “เอเจนท์”  ทั่วไทย  โดยหน้าที่การงานจึงต้องเกี่ยวข้องกับการจัดงานแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ ปีละหลายครั้ง

จึงขอลิสต์ 5 ข้อสำคัญที่อยากจะแนะนำ เพื่อให้น้อง ๆ และผู้ปกครองได้ประโยชน์จากการไปงานแนะแนวต่าง ๆ ให้มากที่สุดค่ะ

แน่นอนว่าในการจัดงานแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศนั้น  ผู้จัดงานต้องเตรียมการกันมากมาย  แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ร่วมงานได้ประโยชน์มากที่สุดนั้น  คือการเตรียมตัวของผู้ร่วมงานเองค่ะ

 

งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น ให้คำปรึกษา

 

1. ถามตัวเองก่อนว่าอยากเรียนอะไร 

 

หมดยุคที่จะทำอะไรตามอย่างคนอื่นแล้วค่ะ   ไม่ต้องถามแล้วว่า ” พี่คะ… เค้านิยมไปเรียนอะไรกัน ”  ” พี่คะ…เรียนอะไรดีคะ”   ก่อนที่จะไปถามข้อมูลจากคนอื่น  ถามตัวเองก่อนค่ะว่าตัวเรามีความชอบ  ความสนใจ หรือมีความถนัดด้านไหนเป็นพิเศษ

คนที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ คือคนที่รู้จักตัวเองเป็นอย่างดี  รู้ว่าจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองคืออะไร   ทำอะไรได้ดี  เพราะความที่รู้จักตัวเองดีนี่เอง  จึงสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ตรงจุด   ไม่จำเป็นต้องเก่งไปหมดทุกอย่าง   ขอให้เป็นตัวตนที่เป็นของแท้    มีความเชี่ยวชาญ เป็นกูรูด้านใดด้านหนึ่งอย่างจริงจัง  ก็สามารถประสบความสำเร็จได้

 

งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น

 

สรุปคือ  อย่างน้อยขอให้มีเป้าหมายของตัวเองสักนิดว่าจะไปในทิศทางไหน  อยากเรียนแนวไหน   เราจะได้ไม่สะเปะสะปะ สอบถามข้อมูลจากสถาบันการศึกษาหรือรุ่นพี่ศิษย์เก่าในงานได้ตรงเป้า

ญี่ปุ่นมีสาขาวิชามากมายให้คุณเรียนค่ะ

 

งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น

 

2. ศึกษาข้อมูลของสถาบันการศึกษาไปล่วงหน้า 

 

ข้อนี้คิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทำกัน  ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ

เมื่อไปถึงงาน  ภาพที่จะเห็นคือ บูธหรือโต๊ะของสถาบันการศึกษาเรียงหน้ากันพรึ่บ  คิดว่ามีหลายคนที่เกิดอาการ “มึน” ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี  เดินวนแล้ววนอีก   อ่านชื่อสถาบันแล้วก็รู้จักบ้าง  ไม่รู้จักบ้าง  ตั้งอยู่ที่ไหน  เปิดสอนหลักสูตรอะไรบ้าง ก็ไม่รู้  บ้างก็ไม่กล้าเข้าไปถาม  แถมหน้าตาคนที่นั่งประจำบูธบางทีก็ดูไม่ออกว่าคนไทยหรือคนญี่ปุ่น  กลัวพูดอะไรไปแล้วเค้าไม่รู้เรื่องบ้าง

สุดท้ายเดินไปเดินมา  สุ่มๆ ลองมั่วเข้าไปนั่งคุยกับสักบูธหนึ่ง  แล้วก็พบว่าไม่มีสาขาที่ตรงกับความสนใจ   เริ่มต้นไปเข้าบูธใหม่อีกไปเรื่อยๆ  ถ้าเป็นงานใหญ่ๆ ที่มีสถาบันมาร่วมงานจำนวนมาก  ทำแบบนี้เสียเวลาเปล่าค่ะ

 

งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น

 

ฉะนั้น ก่อนที่จะไปงาน  ทำการบ้านสักนิ้ดนึง ด้วยการศึกษาข้อมูลของสถาบันที่มาร่วมงาน  ซึ่งส่วนใหญ่งานแนะแนวศึกษาต่อ มักจะมีรายชื่อสถาบันการศึกษาแจ้งไว้ให้ทราบล่วงหน้า  แถมลิ้งค์เข้าเว็บไซท์ของสถาบันนั้นๆ  หน้าที่เราคือคลิกเข้าเว็บเลยค่ะ  แล้วศึกษาว่าสถาบันไหนที่เปิดหลักสูตรตรงกับที่อยากจะไปเรียน   แล้วลิสต์รายชื่อสถาบันนั้นๆเตรียมไว้เลย  ไปถึงงานจะได้พุ่งเข้าเป้า  เก็บข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อมาเปรียบเทียบและตัดสินใจเลือกสถาบันได้ตรงกับความต้องการ

 

 

สิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องที่พลาดมากๆ คือ บางคนไม่เจอชื่อสถาบันที่ตัวเองรู้จักหรืออยากจะไป  อาจจะคิดว่าไม่ต้องไปงานก็ได้  หรือไม่ก็เดินวนในงานหนึ่งรอบแล้วกลับบ้าน  ทั้งๆ ที่แหล่งข้อมูลสำคัญทุกเรื่องที่คุณต้องจิกให้ได้ข้อมูลมาเนี่ย  นั่งเรียงหน้ากันสลอนอยู่ในบูธต่างๆ นี่ล่ะค่ะ รุ่นพี่ศิษย์เก่าที่จบการศึกษามา  และมานั่งที่บูธเหล่านี้ คือเค้าพร้อมที่จะให้ข้อมูลรุ่นน้องอย่างเต็มที่ค่ะ  เพราะรุ่นพี่ทุกคนก็เคยเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์การหาข้อมูลไปเรียนต่อญี่ปุ่นมาก่อน

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐมากคือมีใจที่อยากจะเป็นผู้ให้   โดยเฉพาะสิ่งที่ให้นั้นคือ “ประสบการณ์” ที่ตนเองผ่านมาแล้ว  อยากจะถ่ายทอดให้รุ่นน้องได้รับประสบการณ์นั้นบ้าง

งานแบบนี้คือไปเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับอนาคตของเราเอง   ไม่ต้องกลัวว่าเข้าไปคุยแล้วจะถูกจับให้สมัครเรียน ยิ่งคุยเยอะ ยิ่งได้ข้อมูลเยอะ  ไม่มีอะไรเสียแม้แต่นิดเดียว

 

เรียนต่อญี่ปุ่น

 

3. เตรียมคำถามที่อยากสอบถาม 

 

งานแบบนี้ ส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่จากสถาบันการศึกษาบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองไทยเพื่อให้ข้อมูลโดยตรง   แถมมีล่าม หรือศิษย์เก่ามาช่วยแปลและตอบคำถาม ข้อสงสัยต่างๆ  อยากจะบอกว่าโอกาสแบบนี้ มันไม่ได้มีตลอดทั้งปี  ที่นึกอยากถามตอนไหนก็โทรถามได้ง่าย ๆ  ค่ะ   ยิ่งถ้าเป็นการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วล่ะก็  จู่ๆ ส่งอีเมล์ไปถามใช่ว่าจะได้รับคำตอบโดยง่าย

ฉะนั้น อะไรที่เป็นข้อสงสัย  เรื่องที่เรายังข้องใจ  ไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ  โดยเฉพาะข้อมูลที่เราศึกษาเกี่ยวกับสถาบันนั้นๆ มาแล้ว  แต่ไม่สามารถหาคำตอบได้จากเว็บไซท์  ฯลฯ   ลิสต์คำถามไว้เลยค่ะ  ยิ่งถ้าเราศึกษาข้อมูลมาแล้วในระดับหนึ่ง  แสดงว่าเรามีความสนใจสถาบันนั้นๆ อยู่  คราวนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ ล่ามหรือรุ่นพี่ที่บูธจะเต็มที่กับเราอย่างมากค่ะ

 

 

 

อีกเรื่องที่คนส่วนใหญ่อยากถามมากที่สุดคือเรื่องของ “ทุนการศึกษา”

ใครๆ ก็อยากได้ทุน  ไปงานแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศเพื่อหาทุน  เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วค่ะ  แต่จะหาทุนยังไงนี่สิคะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำการบ้านขนานหนัก   ประเภทที่จู่โจมด้วยการเข้าไปตามบูธของสถาบันการศึกษาแล้วถามว่า “ มีทุนไหมคะ”  “ มีทุนอะไรบ้างคะ”   อันนี้เจ๊อยากจะขอให้ปรับทัศนคติใหม่สักนิ้ดนะคะ  การจะได้ทุนมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นค่ะ

ถ้าเราศึกษาข้อมูลของสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นให้ดีล่ะก็  จะทราบว่า  มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นมีทุนการศึกษาให้เยอะมากกกกกกค่ะ   เป็นทุนประเภทที่เรียกว่า “ ทุนสำหรับนักศึกษาต่างชาติทุนส่วนตัว ” คือให้กับคนที่เป็นนักศึกษาของเค้าแล้ว

ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ กลับไปอ่านข้อ 2 ใหม่

ศึกษาข้อมูลของสถาบันที่สนใจ  นอกจากเรื่องสาขาวิชาที่ตรงกับที่อยากจะเรียนแล้ว  ดูข้อมูลเรื่องทุนการศึกษาไว้ด้วย  มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นจำนวนมาก จะเขียนไว้เลยว่า มีระบบทุนการศึกษาหรือระบบลดค่าเล่าเรียนให้นักศึกษาต่างชาติอย่างไร  หลายๆ แห่งเขียนไว้ตัวเป้งมาก  ว่าสามารถยื่นสมัครขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ด้วย  (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นมีประเภทที่สมัครในประเทศญี่ปุ่นด้วย)  หมายความว่าถ้ามหาวิทยาลัยตกลงรับคุณเป็นนักศึกษาล่ะก็ คุณมีโอกาสที่จะขอทุนได้  มหาวิทยาลัยหลายแห่งเป็นฝ่ายแจ้งเสนอทุนให้กับผู้สมัครเรียนด้วยซ้ำค่ะ    แต่แน่นอนว่า  ถ้าคุณไม่ได้สมัครเข้าเรียนที่นั่น  แต่จะไปขอทุนเค้าก่อนที่จะไปสมัครเรียน  อันนี้แปลว่าเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ทุนสำหรับนักศึกษาต่างชาติทุนส่วนตัว” นะคะ

 

สัมมนา งานเรียนต่อญี่ปุ่น

 

4. ดูกิจกรรมในงานและกำหนดการให้ดี 

 

ข้อนี้เป็นเรื่องของการวางแผนที่จะใช้เวลาหนึ่งหรือสองวันในการเข้าร่วมงาน ชนิดที่เรียกว่าเก็บหมดทุกเม็ด ไม่ให้เล็ดรอด  บางงานมีสัมมนาสารพัดหัวข้อ  มีกิจกรรม  เวิร์คช้อป  ฯลฯ  ฉะนั้นควรศึกษาตารางการจัดงานให้ดี   แล้วจัดเวลาของเราเองว่าควรไปงานวันไหน  เวลาไหน  และช่วงไหนควรไปทำอะไร   จะได้ไม่พลาดกิจกรรมหรือหัวข้อสัมมนาที่มีประโยชน์ต่างๆ ค่ะ  พลาดแล้วก็ไม่รู้ว่ากิจกรรมแบบนั้นจะมีอีกในอนาคตหรือเปล่า

 

งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น

 

 

5. ถ้าเป็นไปได้ ชวนผู้ปกครองไปด้วย 

ไปเรียนต่อญี่ปุ่น  ถามว่าใครจ่ายตัง?

ถ้าไม่ใช่คนที่สอบชิงทุนได้ไปเรียนฟรีล่ะก็  ส่วนใหญ่สปอนเซอร์ก็หนีไม่พ้นทุนพ.ก. ปะป๊ามะม้าเราทั้งนั้นน่ะล่ะค่ะ   เรายังต้องวางแผนเตรียมตัวไปเรียน    ก็ต้องให้คุณพ่อคุณแม่วางแผนเตรียมตัวจ่ายสตางค์ด้วยนะคะ  แล้วสิ่งที่ผู้ปกครองคำนึงหรือสงสัย  หลายๆ อย่างเป็นเรื่องที่เรามองข้าม   การที่ท่านได้ไปพูดคุยกับสถาบัน โดยเฉพาะได้คุยกับรุ่นพี่ศิษย์เก่าผู้ผ่านประสบการณ์มาแล้วทั้งหลายเนี่ย  จะทำให้ท่านได้ไขข้อข้องใจ  หรือคลายความกังวลไปได้อย่างมากเลยล่ะค่ะ

 

งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น

 

ผ่านไปกับ 5 ข้อแนะนำก่อนไปเดิน งานแนะแนวเรียนต่อญี่ปุ่น

ไม่ว่าจะไปงานไหน  อยากให้ทุกคนใช้เวลาเก็บเกี่ยวข้อมูลดีๆ ให้คุ้มค่านะคะ

ส่วนใครอยากมาเดิน JEDUCATION FAIR 2018 วัน้สาร์อาทิตย์นี้ ดูรายละเอียดที่นี่นะคะ

???? https://bit.ly/jfair-2018

???? 10-11 กุมภาพันธ์ 2561
⌚ 10.00-18.00 น.
???? โรงแรมเชอราตันแกรนด์สุขุมวิท ชั้น 2

 

ลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้า รับของที่ระลึก
???? http://bit.ly/regist2018


ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น

เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง  ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ

รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)

ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : ask@jeducation.com

ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย  >> https://bit.ly/jed-line

Scroll to Top