การ ทำงานพิเศษ ที่ญี่ปุ่น 
โดย พี่กุ๊กไก่

ทำงานพิเศษ ที่ญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะ พี่กุ๊กไก่กลับมาอีกครั้ง วันนี้หัวข้อที่เราจะมาเม้ามอยกันก็คือ ” การทำงานพิเศษ” ค่ะ

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเลยว่า  ก่อนที่พี่จะมาญี่ปุ่นเนี่ย มุ่งมั่นอยากจะ ทำงานพิเศษ ที่ญี่ปุ่นมากค่ะ เลยทำการบ้านมาเยอะมาก

ตั้งแต่ตอนยังอยู่ที่ไทย พี่ก็ใช้วิธีการเสริชงานผ่านเว็บ Baitoru.com กับ Town work และก็กดติดตาม Page ใน Facebook อีกหลายๆ Page ได้แก่ GaijinPot, Job Offers in Japan

คือ ทำลิสต์ไว้เยอะมาก ลงรายละเอียด ชื่อร้าน สถานที่ทำงาน ค่าจ้าง วันเวลาทำงานต้องทำอย่างต่ำกี่ชม. ทำเวลาไหนกะไหน รับนักศึกษาต่างชาติไหม มีอาหารมื้อไหนให้ด้วยหรือเปล่า (ที่นี่ถ้าทำพวกร้านอาหารบางที่ เขาจะมีอาหารให้ด้วย) มีค่าเดินทางให้ด้วยไหม เบอร์โทร อีเมลล์ติดต่อและข้อสงสัยต่างๆ เช่น ต้องเสียค่าUniform ด้วยไหม เงินเดือนออกได้รับประมาณวันไหนของเดือน และได้รับทางไหน เงินสดหรือเราต้องไปเปิดบัญชีธนาคาร

จริงๆ แล้วพี่เคยทำงานพิเศษมาก่อน เป็นพวกร้านขายของแล้วค้นพบว่าตัวเองชอบขายของมาก ทำไปจัดไป ทำไปกวาดไปยิ้มไป ทักทาย ทำแคชเชียร์ สนุกอะ 555

แต่พอถึงมาญี่ปุ่นแล้ว  อยากทำงานที่ตั้งแง่ไว้ว่าเกลียดที่สุดดูบ้าง  คือ งานร้านอาหารนั่นเอง ในความคิดพี่ งานร้านอาหารคือ งานที่ต้องใช้ความจำเยอะ ฟังเมนูเร็วจดเร็ว เจอลูกค้าเรื่องมาก อยู่ในร้านที่มีแต่กลิ่นตีกัน เข้าครัวหน้าไหม้อยู่หน้าเตา ล้างจานมือเปื่อย เลิกงานแล้วยังต้องขัดทุกซอกมุมของร้าน ทิ้งขยะอีก ฟังแล้วไม่สนุกเลยใช่ไหมละ 555 นั่นแหละ แต่เราจะมาลองกัน

หลังจากที่พี่เดินทางมาถึงญี่ปุ่น ทางโรงเรียนเขาก็จะมีจัดนัดพบรุ่นพี่รุ่นน้องคนไทยทั้งหมดใน KICL มาเจอกัน โดยโอกาสนี้ เราสามารถสร้างเครือข่ายคนไทย พี่ช่วยน้องกันได้ในจุดๆนี้  พี่เองก็ถามเข้าเรื่องการหางานพิเศษเลยเหมือนกัน พบว่า คนไทยส่วนมากที่นี่ไม่ค่อยทำงานพิเศษกัน เอาจริงๆ เพื่อนๆต่างชาติในห้องพี่ก็ไม่มีใครทำเหมือนกัน ดังนั้น สังคมคนทำงานพิเศษค่อนข้างเล็กมากที่พี่มาอยู่ที่นี่

และทุกคนแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า หากอยากทำงานพิเศษ อย่างน้อยก็ควรรอก่อนสัก 1 เดือน ให้ปรับตัวเข้ากับที่นี่และการเรียนได้ก่อน ค่อยเริ่มทำ

หลังจากเดือนแรกผ่านพ้นไปได้ด้วยดี (ช่วงแรกในห้องจะสอนปรับพื้นฐานทวนทุกอย่างที่ควรรู้ ก่อนที่จะเริ่มเข้าบทเรียนจริงๆ เพื่อให้นักเรียนทุกคนอยู่ในพื้นฐานระดับที่เท่ากัน) และด้วยความที่ตอนแรก พี่อยากลองหยัดยืนด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างมาก เลยหาญกล้าเอาเบอร์โทรที่จดไว้มาโทรหางานพิเศษเองเลย

งานที่พี่โทรเป็นงานร้านอาหารในโรงแรม ที่ระบุไว้ด้วยว่า หากพูดภาษาอังกฤษได้จะดีมาก พี่ก็เออเข้าทางเลย ลองโทรไปดู ประสบการณ์ครั้งแรกในการหางานที่ญี่ปุ่น โทรไปเป็นผู้หญิงรับ เราก็พูดแนะนำตัวไป พร้อมบอกว่าเป็นนักศึกษาต่างชาติกำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ กำลังมองหางานพิเศษ เห็นมีตำแหน่งว่างเลยสนใจ เขาก็จะคุยๆ ถามว่าเราจะเข้าไปสัมภาษณ์ได้วันไหน คุยกันไปจนได้ฤกษ์วันไปสัมภาษณ์

แต่ดั้นมาตกม้าตายตอนจบ  หลังจากตกลงกันดิบดี ทางนั้นเขาก็บอกรายละเอียดลงลึกว่าให้เอาอะไรไปวันนั้นบ้าง ซึ่งพอมาถึงจุดนี้ ฟังเขาไม่รู้เรื่องสักแอะ 5555  ต้องบอกเขาว่า พูดอีกครั้งได้ไหมคะ หลายครั้งมาก

จนสุดท้ายเขาพูดกลับมาว่า “ภาษาของคุณ ถ้ายังพูดได้แค่ระดับนี้ ฟังยังไม่รู้เรื่องแบบนี้ เวลาทำงานมันจะลำบากนะคะ” ก็เงิบไปเลยค่ะ 555  จากนั้นพี่ก็รู้ตัวแล้วว่า ภาษาระดับพี่ในตอนนั้นยังไม่สามารถทำงานได้จริงๆ  ยังต้องพัฒนามากกว่านี้

แต่เหมือนฟ้าเข้าข้าง ร้านอาหารญี่ปุ่นที่รุ่นพี่คนไทยทำอยู่มีตำแหน่งว่างพอดี ตรงนี้พี่ขออธิบายเพิ่มหน่อยนึงว่า ถ้าตอนนั้นเรายังภาษาไม่ได้แต่อยากทำงานพิเศษ ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีทางเลย คือเครือข่ายเพื่อนเนี่ยแหละค่ะ ที่จะช่วยเราหางานได้

ทำงานพิเศษ ร้านอาหารญี่ปุ่น

ร้านอาหารที่พี่ได้ไปทำเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ดำเนินกิจการกันเป็นครอบครัว พ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว แต่จะมีแค่พี่สาวกับพี่ชายเท่านั้นที่พูดญี่ปุ่นกลางได้ คุณพ่อกับคุณแม่จะพูดญี่ปุ่นคันไซหมด ซึ่งตรงนี้แอบลำบากฟังไม่ออกเหมือนกัน เพราะคำบางทีมันไม่เหมือนกันเลย  แต่เขาขอแค่ให้เราพอรู้เรื่องบ้างก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นพูดปร๋อฟังออกหมดอะไรขนาดนั้น เนื่องจากหน้าที่ที่พี่ไปทำคือล้างจานค่ะ 5555 ค่าจ้างชม.ละ 750 เยน

แรกๆ ก็สนุกอยู่หรอก เขาก็จะมีให้ล้างจานบ้าง เตรียมซุปมิโสะ เตรียมเครื่องเคียง หั่นผัก ปอกหัวหอมแครอท อะไรพวกนี้ด้วยเหมือนกัน

ทำงานพิเศษ ทำอาหารญี่ปุ่น

 

จานที่นี่เยอะมากกกก เกือบ 50 แบบ จานนั้นเอาไว้ใส่อันนี้ จานนี้เอาไว้ใส่อันนั้น แรกๆ มาจำไม่ได้ ก็จะมีคนที่ทำงานอยู่ด้วยกันคอยช่วยบอก ประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ได้นั่นแหละ พี่ถึงพอจะจำได้ว่าอันไหนเก็บตรงไหน

ที่นี่พี่ทำงานอาทิตย์ละ 2 วัน เริ่มงานตั้งแต่ 5 โมงเย็น เขาจะทำข้าวให้กิน เรากินได้จนถึง 5โมงครึ่งก็จะถึงเวลาเข้างานจริงๆ ทำไปจนถึงประมาณ 1 ทุ่ม จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำล้างจานใหม่หมด ร้านอาหารปิด 3 ทุ่มครึ่ง ร้านปิดเสร็จเราก็ต้องล้างจานของลูกค้าคนสุดท้ายจนเสร็จ พร้อมทั้งล้างหม้อไห กะละมัง ทัพพี ตะกร้า เขียง อ่าง ถาด สารพัดอย่างที่ทุกคนจะโยนใส่อ่างล้าง เพราะก่อนเรากลับทุกครั้งต้องทำความสะอาดครัว แล้วเอาขยะไปทิ้งด้วย

วันนึงล้างจานเกิน 200 ใบแน่นอน ไหนจะอุปกรณ์ในครัวที่เขาใช้กันอีกด้วย คนล้างมีคนเดียว แต่คนหยิบใช้มี 5 คน คุณพ่อเจ้าของร้าน คุณแม่ พี่สาว พี่ชายคนทำอาหาร และพนักงานในร้านอีกคนซึ่งอยู่ในตำแหน่งจัดจานและเตรียมอาหาร งานนี้อย่างเดียวที่ต้องเตือนคือ มือเปื่อยขั้นสุด (พี่ใส่ถุงมือบ้างไม่ใส่บ้างด้วยละมั้ง เพราะมันค่อนข้างไม่ถนัดตัว เวลาเดี้ยวต้องไปเตรียมเครื่องเขียง หั่นอะไรอีก)

เนื่องจากเวลาล้างจาน มันจะมี 2 อ่าง อ่างนึงเป็นอ่างใส่น้ำยาล้างจาน ซึ่งมันอุ่นถึงขั้นร้อนเลยละ ส่วนอีกอ่างก็จะเป็นน้ำอย่างเย็น 5555 แต่เอาจริงๆ ทำๆ ไปมันก็เพลินๆ ดีหรอกนะ อาจจะมีบ้างบางวันที่คนเยอะ แบบเหนื่อย หลังจะหัก เพราะเราต้องยืนก้มล้างจานตลอด แต่เทียบกับความใจดีของทุกคน ก็…พอไหวอยู่นะ 5555

แต่สุดท้ายมันก็มาถึงจุดที่พี่ไม่ไหวเหมือนกัน ด้วยตัวพี่ไม่ใช่คนตั้งใจเรียนเท่าไหร่ หัวก็ไม่ได้ดี สุดท้ายคะแนนสอบในห้องก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนพี่ตัดสินใจเลิกทำงานพิเศษ แล้วหันมาตั้งใจเรียนแทน

เอาเวลาว่างที่มีก็ลองเขียนไดอารี่ภาษาญี่ปุ่นส่งให้ครูเช็ค อ่านหนังสือนิยายภาษาญี่ปุ่น (พี่ไม่ถึงขั้นอ่านได้หรอกค่ะ หน้านึงใช้เวลา 1 ชาติ 5555) แต่เอาจริงๆ นะ ถ้าเราอยากเก่งอะไร เราก็ควรให้เวลากับส่วนนั้นเยอะๆ จากนั้นคะแนนพี่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

สรุปแล้ว จากประสบการณ์การทำงานพิเศษ

ข้อดี (นอกจากเรื่องได้เงินนะ 555) คือ เวลามากินอาหารที่ร้านก็จะได้ส่วนลดตลอด เอ้ย นั่นไม่ใช่จุดสำคัญ 555  ข้อดีคือถ้าน้องได้ที่ทำงานดีเพื่อนร่วมงานน่ารัก น้องก็จะได้เพื่อนและสังคมญี่ปุ่นเพิ่ม ได้พูดคุยฝึกภาษาญี่ปุ่น (หากมาเรียนแถวคันไซ ก็จะได้เรียนภาษาคันไซด้วยเลย 555) ฝึกความอดทน เรียนรู้การทำงานแบบคนญี่ปุ่น

พี่ว่าคนญี่ปุ่นเขาค่อนข้างทำงานตั้งใจ สะอาด มีเวลาว่างไม่ได้ เป็นต้องขัดต้องล้างครัว ทำอะไรรวดเร็วแต่มีสติ จากที่พี่สังเกต สามสิ่งที่น้องต้องมีหากอยากทำให้คนญี่ปุ่นประทับใจเวลาน้องทำงาน คือ

หนึ่ง : ทำงานเร็ว Active อยู่ตลอดเวลา ไม่เอื่อย
สอง :  นิสัยต้องน่ารักมีมารยาท เรื่องมารยาทนี่สำคัญมาก บางเรื่องเขาอาจจะเข้าใจว่าน้องไม่ใช่คนญี่ปุ่น เลยไม่รู้ แต่พี่ว่าถ้ารู้จักสังเกต ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไรก็จะดีกว่าคะ
สาม : ไม่ทำงานชุ่ยๆส่งๆ ล้างจานใช่ว่าเขาจะไม่ดูความตั้งใจของน้องนะคะ บางคนล้างส่งๆ คราบน้ำมันยังติดอยู่เลย แบบนี้ไปทำงานที่ไหนใครเขาก็ไม่ชอบใช่ม้า

โอกาสหน้า ถ้าพี่ลองสมัครงาน Super Market จะมาเล่าให้ฟังใหม่นะ แต่งวดนี้เอาเรื่องร้านอาหารไปก่อน อ่อๆ ถ้ามาด้วยเครือข่าย เขาแทบไม่ค่อยสัมภาษณ์เลยนะ เพราะเหมือนเป็นคนรู้จักๆ แนะนำมา อาทิตย์แรกเขาอาจให้น้องลองงาน ค่าจ้างอาจยังไม่ได้สูงมาก แต่พอน้องพิสูจน์ให้เขาดูแล้วว่าน้องทำได้ แค่นั้นก็ผ่านค่ะ

ขอให้น้องๆโชคดีน้า หรือถ้าอยากหางานเอง ก็ขอให้ไม่แป๊กแบบพี่นะคะ 5555 บ๊ายบาย

 

โรงเรียนที่พี่กุ๊กไก่ไปเรียน
Kyoto Institute of Culture and Language (KICL)

 


ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง  แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน  โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น

ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-665-2969, 02-258-3983
email : ask@jeducation.com

ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย  >> https://bit.ly/jed-line

Scroll to Top