ภาษาญี่ปุ่นในยิม , ฟิตเนสที่ญี่ปุ่น

อ.ปมโปโกะ

ฟิตเนสที่ญี่ปุ่น

อยู่ว่างๆ นานๆ ควรจะออกไปยืดเส้นยืดสายกันบ้างครับ ที่ญี่ปุ่นตามเมืองใหญ่ๆ คนบางคนมักจะออกมาจ๊อกกิ้งกันตอนดึกๆ บ้างก็พาสุนัขมาเดินเล่น ต่างจากเมืองไทยที่มักจะทำกันตอนเช้ามืด ถ้าบ้านใกล้ยิม หรือฟิตเนสเซนเตอร์ที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า “ฟิตเนส「フィットネス」”  ก็ควรหาโอกาสไปบ้าง

ภาษาญี่ปุ่นเรียกฟิตเนส     ว่า「ジム」(gym)หรือ「スポーツクラブ」(sport club)เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ ถ้าเรียกว่าฟิตเนส บางคนเขาจะไม่เข้าใจครับ

หน้าตาของยิม หรือ ฟิตเนสที่ญี่ปุ่น ก็เหมือนๆ บ้านเรา มีสระว่ายน้ำ มีเครื่องออกกำลังกายและมีห้องที่เรียกว่า สตูดิโอ ภาษาญี่ปุ่นจะเพี้ยนเป็น「スタジオ」(sutajio)เป็นห้องโถงกว้างสำหรับออกกำลังกาย พวกเต้นแอโรบิกและอื่นๆ  เข้ายิมแต่ละครั้งก็จะได้ศัพท์ภาษาญี่ปุ่นติดตัวมาด้วย  แล้วภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ส่วนใหญ่ก็จะวนเวียนรอบตัวเรา จนเราจำได้เอง ถือเป็นการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นอีกทาง

ออกกำลังกาย ฟิตเนสที่ญี่ปุ่น

ก่อนจะเข้าไปใช้บริการ ฟิตเนสที่ญี่ปุ่น ขั้นตอนแรกก็ต้องสมัครเป็นสมาชิก หรือ「会員」(kai-in)บ้างก็เรียกแบบฝรั่งว่า「メンバー」(member)สนนราคาส่วนใหญ่จะเสียค่าบริการ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน คิดแล้วก็อาจจะแพงกว่าเมืองไทย   แต่สำหรับค่าครองชีพที่นี่ คงไม่แพงมาก

ยิ่งได้ยิมใกล้บ้าน หรือที่โนเนมหน่อยค่าบริการก็อาจจะถูกกว่านี้  ดูเหมือนว่าอะไรที่เสียเงิน เรามักจะกระตือรือร้นกับมัน ถ้าฟรีคงผัดวันประกันพรุ่งไม่ยอมไปออกกำลังกายแน่ๆ  แต่พอจ่ายแพงอย่างนี้ เลยกระตุ้นให้ผมหาเวลาไปใช้ประจำ ไม่งั้นเงินจะสูญเปล่า

ขั้นตอนการใช้ยิมคือ เมื่อมาถึงก็ไปที่ห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว(衣替室:koromogae-shitsu)ที่นี่ใครจะโป๊ยังไงก็ไม่สน เลยเปลี่ยนสะดวก ไม่ต้องรอเข้าห้องเปลี่ยนแบบเมืองไทย

พอเปลี่ยนเป็นชุดเหมาะกับการออกกำลังกายแล้วก็ไปยืดเส้น เรียกตามศํพท์ภาษาอังกฤษว่า「ストレッチ」(stretch)บางทียืดไปยืดมาก็ง่วงขึ้นมาเลยครับ ยิ่งวันไหนทำงานหนักๆ มา ง่วงมาก  พอดียิมที่ไปมีที่ให้แผ่หลาได้ประมาณ 9 คน ถ้าผมนอนนานไปก็อาจจะมีสต๊าฟมาปลุกได้ เลยต้องทำพอประมาณ

เสร็จแล้วใครจะใคร่ปั่นจักรยานหรือจะไปวิ่งบนเลนก็แล้วแต่ความชอบ  หรือจะไปยกน้ำหนักที่เรียกว่า「ウェートトレーニング」(weight-training)ก็ได้่

ในส่วนนี้ผมจะขอละที่จะพูดถึง เพราะไม่ต่างจากของไทย ถ้าใช้เครื่องไม่เป็นก็เรียกสต๊าฟมาช่วยอธิบาย ซึ่งถ้าอ่อนภาษา ปกติเรามักจะทู่ซี้ทำไปเรื่อยๆ หรือแอบดูชาวบ้านว่าเขาทำกันอย่างไร แล้วทำตาม

ฟิตเนสที่ญี่ปุ่น 2

มาถึงส่วนที่ต้องรู้ภาษาญี่ปุ่น คือ คลาสต่างๆ ในสตูดิโอ ยิมแต่ละที่จะสรรหาคลาสแปลกๆ มาให้ลองทำให้ไม่เบื่อ หรือบางคลาสน่าสนใจมากก็เป็นจุดขายไปด้วยในตัว  คลาสพื้นฐานๆ ก็มี เต้นแอโรบิก (エアロビクス:earobikusu)เป็นการออกกำลังกายที่เรียกว่า「有酸素運動」(yuusanso undou)แบบหนึ่ง แปลง่ายๆ คือ ออกกำลังกายแบบมีออกซิเจนซึ่งรวมไปถึงการวิ่ง การว่ายน้ำด้วย

 

ยิมแต่ละที่ก็จะมีหลายคลาส ยิมที่ผมไปคนแก่เยอะหน่อยคลาสเลยเป็นคลาสง่ายกับระดับกลาง บางคลาสก็มีอุปกรณ์ประกอบเช่น แท่นวางขา เรียกว่า「ベンチ」(benchi)หรือมีบอลทรงตัว เรียกว่า「ボール」(booru)บ้างก็มีประยุกต์การเต้นอื่นๆ มาประกอบด้วย เช่น คอมแบต  ครูนำเต้นก็จะพูดภาษาญี่ปุ่นปาวๆ ซ้าย ขวา หน้า หลัง แรกๆ ถ้าจับภาษาญี่ปุ่นไม่ทันก็จะเต้นผิดจังหวะ

คลาสอีกคลาสที่น่าสนใจคือพวก โยคะ(ヨガ:yoga)ก็ฮิตตามฝรั่งกันมา เพราะมีทั้งโยคะดั้งเดิมและพาวเวอร์โยคะ หรือปิลาติสด้วย คลาสเหล่านี้ได้รับความสนใจไม่แพ้ที่เมืองไทย เพราะฝึกง่ายแล้วก็ได้ผ่อนคลาย

ศัพท์สำคัญประจำคลาสคือ「吐く」(haku)และ「吸う」(suu)หมายถึงหายใจออก หายใจเข้าตามลำดับ เพราะการฝึกโยคะให้ความสำคัญกับการหายใจ  ส่วนคลาสที่เป็นที่นิยมสำหรับคนเฒ่าคนแก่อีกคลาสคือ「太極 」(taikyoku)หรือ มวยไทเก็กของจีนนั่นเอง

นอกจากคลาสเต้นและโยคะแล้ว ยังมีคลาสเต้นที่เรียกว่า「カルチャー・ダンス」(culture dance)ซึ่งต่างจากการเต้นลีลาศที่เรียกว่า「社交ダンス」(shakou-dansu) โดย culture dance ที่ว่านี้ จะเป็นการเต้นแบบต่างๆ เช่น การเต้นระบำฟลาเมงโก้「フラメンコ」(furamenko)ระบำฮาวาย หรือ ฮูล่าแดนซ์「フラダンス」(huradansu)รวมไปถึงการเต้นแนวฮิปฮอป ซึ่งเรียกว่า「ストリートダンス」(sutoriitodansu)หรือ street dance ที่เรามักนึกถึงภาพคนผิวดำเต้นตามถนน

ทางด้านสระว่ายน้ำ ส่วนใหญ่สระว่ายน้ำที่ญี่ปุ่นจะบังคับให้ใส่หมวก ใส่แว่นก่อนลงสระ แม้แต่คนผมสั้นก็ต้องใส่หมวกเพราะจะได้กันผมร่วง  มีบริการสอนว่ายน้ำให้ฟรี สลับหมุนเวียนทั้งสี่ท่า คือ ฟรีสไตล์ หรือ ครอล (crawl แปลว่า คลาน)(クロール:kurooru) บัตเตอร์ฟลาย(バタフライ:batafurai)กรรเชียง(背泳ぎ:seoyogi) และท่ากบ(平泳ぎ:hiraoyogi)

แล้วก็มีลู่สำหรับให้เดินในน้ำ  (บางทฤษฎีบอกว่าการเดินในน้ำนั้นได้ออกกำลังกายมากกว่าการว่ายน้ำ และยังช่วยให้คนที่ขาไม่ดีเดินได้ง่ายขึ้น)

การออกกำลังกายปกติ ใช้ว่า「運動」(undou)เป้าหมายการออกกำลังกายแต่ละคนก็ต่างกันไป เช่นบางคนอาจต้องการพัฒนา หรือเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งใช้สำนวนว่า「体を鍛える」(karada o kitaeru)ที่จริงผมอยากจะเรียกว่าเป็นการ “เพาะกาย” แต่ต้องระวังเพราะในที่นี้ใข้ในความหมายกว้างๆ เหมือนการเสริมสร้างร่างกาย หรือ อาจจะตรงกับคำว่า “เล่นเวต” ของไทย ไม่ได้มีความหมายเฉพาะไปที่กีฬาเพาะกาย    บ้างก็มาเพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือไดเอ็ต(ダイエット:dai-etto)

สำหรับผู้สูงอายุนิยมมาสปอร์ตคลับเพื่อควบคุมร่างกายไม่ให้ “ทรุดโทรม”(衰える:otoroeru) ก่อนออกกำลังกายก็จะวัดความดันเลือด(血圧:ketsuatsu)และชีพจร(脈:myaku)ที่นี่มักมีที่วัดไขมันในร่างกาย(体脂肪:tai-shibou;脂肪:shibou:ไขมัน)ด้วย ผมก็นิยมวัดเดือนละครั้ง วัดแล้วกังวลทุกทีว่าเมื่อไหร่มันจะลด

 

ออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ แช่น้ำร้อนตามแบบญี่ปุ่น  บางคนที่บ้านไม่มีห้องอาบน้ำ ก็จะมาใช้บริการที่นี่ เนื่องจากคนในเมืองนิยมไปอาบน้ำที่ยิมมากขึ้น เพราะเป็นสมาชิกอยู่แล้ว เลยเป็นผลพวงให้โรงอาบน้ำในเมืองใหญ่ๆ เริ่มน้อยลงเพราะวิถีชีวิตคนเมืองที่เปลี่ยนไป

บางที่ดีหน่อยก็มีห้องอบไอน้ำ หรือซาวน่าให้ บางที่ก็มีเครื่องอาบแดดหรือ tanning machine ให้สำหรับคนที่ชอบอาบแดดให้ผิวเกรียม (คนญี่ปุ่นบางคนหน้าหนาวผิวยังเกรียมเลยครับ เพราะเขาใช้เจ้าเครื่องนี้นี่เอง) หรือ ก่อนกลับบ้านจะไปใช้เก้าอี้นวด หรือเก้าอี้ที่ปล่อยโอโซนให้สูดก็ได้ ถือเป็นการผ่อนคลายหลังจากที่ออกกำลังมาเหนื่อยๆ

 

 

คำศัพท์รู้ไว้ใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นกับอ.ปมโปโกะ อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารการศึกษาวันนี้


ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง  แนะแนวศึกษาต่อญี่ปุ่นทุกระดับ โดยศิษย์เก่าญี่ปุ่น  ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน  โดยไม่คิดค่าดำเนินการใด ๆ รวมถึงค่าส่งเอกสารไปที่ญี่ปุ่น

ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น โทร. 02-665-2969, 02-258-3983
email : ask@jeducation.com

ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย  >> https://bit.ly/jed-line

Scroll to Top